[Film] ทรานไซบีเรีย ขบวนรถไฟแห่งความฝัน

สวัสดีค่ะ ได้มีโอกาสนั่งรถไฟจากจีนไปอิตาลี เป็นระยะเวลาประมาณสองเดือน โดยผ่านสิบกว่าประเทศ การเดินทางไกลในระยะเวลาเป็นเดือน แน่นอนนอกจากความสนุกจากการเที่ยวแล้ว ยังมีหลากหลายอารมณ์ เช่น เหงา สับสน ตื่นเต้น พบเจอ พลัดพรากและจากลา จึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์บางส่วนผ่านกล้องฟิล์ม แต่ด้วยเนื่องจากข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ฟิล์มหมด ของเยอะไม่เอื้ออำนวยที่จะเอากล้องออกมาถ่ายได้ตลอด เรื่องราวจึงไม่ค่อยประติดประต่อ จึงขอแชร์เท่าที่มีนะค่ะ ใครอยากรู้หรือมีคำถามเพิ่มเติมสามารถถามได้นะค่ะ ถ้าทราบ ก็จะยินดีตอบค่ะ และด้วยเนื่องจากเจ้าของกระทู้เปนคนขี้อายและปกติไม่ค่อยชอบเล่นโซเชียลเท่าไหร่ แต่ด้วยความตั้งใจตั้งแต่ก่อนเริ่มทริปว่าอยากเล่าเรื่องผ่านอะนาลอคลงพันทิปเพราะคิดว่ารถไฟสายคลาสสิคกับกล้องฟิล์มน่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว จึงต้องออกมาจากคอมฟอทโซนของตัวเอง แล้วลองดูสักครั้ง

สำหรับจขกท ทริปนี้เป็นทริปในฝัน ฝันไว้เมื่อสมัยยังเรียน สามสี่ปีก่อน เนื่องจากได้อ่านนิตยสาร a day แล้วมีบทสัมภาษณ์ของชายคนนึงที่รักในการเป่าแซกโซโฟน แล้วก็เดินทางโดยใช้รถไฟทรานไซบีเรียเป็นพาหนะข้ามทวีป รายละเอียดอย่างเดียวที่พอจะจำได้คือ บทสัมภาษณ์ได้กล่าวไว้ว่า การนั่งรถไฟสายนี้เหมือนได้นั่งอยู่ในไทม์แมชชีน ถึงแม้จะจำอะไรไม่ค่อยได้มาก แต่การเดินทางนี้ก็ได้ติดอยู่ในความฝัน เหมือนเป็นดังความทรงจำในวัยเด็ก ที่จำได้คร่าวๆ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงก็ยังมีความสุขและยังจำความรู้ตอนนั้นๆได้ และทุกครั้งที่คิดถึงบทสัมภาษณ์นี้ก็ยังมีแรงกระตุ้นให้เดินทางตาม ไม่ต่างจากครั้งที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้เลย

การที่จะหาเพื่อนร่วมทริปที่จะไปด้วยกันสองเดือนจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก ที่ว่ายากเพราะคนส่วนใหญ่ที่ยังเรียนหรือมีงานประจำจะไม่สามารถขาดเรียนหรือลางานได้ ที่ว่าง่ายเพราะมีรุ่นน้องคนนึงที่กำลังจะจบพอดี จึงนัดกันเล่นๆข้ามปีเพื่อทริปนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าทริปนี้จะได้เกิดขึ้นจริงรึป่าว
แต่ในที่สุดโชคชะตาและคนลิขิตก็ช่วยให้ทุกอย่างก็ผ่านพ้นด้วยดี เพื่อนร่วมทางสามารถจบในเวลาที่คาดไว้ (ก่อนเดินทางหนึ่งวัน ยังโดนเรียกตัวไปซ่อมวิชาที่ตกก่อนเรียนจบอยู่เลย) และ เราก็ว่างช่วงนั้นพอดี ความฝันจึงเป็นจริงในที่สุด

การเตรียมตัวทริปนี้จะแบ่งเป็นสองส่วนโดยแบ่งหน้าที่กัน เป็นก่อนเข้ายุโรปและยุโรป เนื่องจากเวลาเตรียมตัวน้อย จึงวางได้แค่เมืองที่จะไป การเดินทางว่าจะเข้าออกแต่ละประเทศอย่างไร และ ที่พัก นอกนั้นก็ไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันว่าแต่ละวันจะไปไหนบ้าง วันไหนที่ขี้เกียจเที่ยวก็จะนอนตื่นสาย นั่งเล่นนอนเล่น เวลาสองเดือนไม่ใช่เที่ยวเพื่อเก็บแต้ม แต่แค่อยากใช้เวลาตามใจ และใช้เวลาให้คุ้มกับสถานที่เที่ยวและความทรงจำให้มากที่สุด อาจจะไม่ใช่ทริปที่ดีที่สุด แต่จะเป็นทริปที่ตามใจตัวเองที่สุด

ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็จับจองที่นั่งบนรถไฟ แล้วไปกันเลย



ประเทศแรกที่เราจะเริ่มคือจีน อยู่จีนได้พักแถวๆ Hutong ซึ่งเป็นที่พักอาศัยเก่าแก่











ขณะอยู่ปักกิ่งได้มีน้องคนไทยมาพาเที่ยว ระหว่างคิวรออาหารก็เลยแวะมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ ซึงต้องเสียเงินค่าเข้าเล็กน้อย
ภายในสวนสาธารณะถือว่าร่มรื่นทีเดียว มีคนมาเล่นดนตรีในสวน ลูกเล็กเด็กแดงมาวิ่งเล่น พ่อลูกมาเล่นโรเลอร์เบลด นั่งมองก็เพลินดี







ก่อนไปมหาลัยปักกิ่งได้ไป Lama Temple













น้องคนไทยยังได้พาไปเดินเล่นในมหาลัยปีกกิ่ง ซึ่งคนภายนอกไม่สามารถเข้าได้ แต่ต้องให้นักศึกษาแสดงบัตรแล้วพาเข้าไป

คนที่พาไปเป็นน้องของแฟนพี่ที่น้องคนไทยรู้จักอีกที ฟังดูแล้วน่างง แต่ในที่สุดเราก็เข้าไปได้ สวนไม่ทราบชื่อในมหาลัยปักกิ่ง ร่มรื่นมากเลยทีเดียว





ดอกไม้ที่ไม่แน่ใจว่าใช่ซากุระหรือไม่ ใครรู้ช่วยบอกด้วย









คุณปู่ชิว นั่งชิลๆ อยู่ริมน้ำ





คู่รักในมหาลัยปักกิ่ง พาหนะหลักในมหาลัยคงหนีไม่พ้นจักรยาน เพราะด้วยเนื้อที่อันกว้างขวาง เดินกันจนขาลากเลยทีเดียววันนี้





น้องคนไทยได้มอบหมายหนุ่มชาวจีน ชื่อไทยว่านัท มาพาพวกเราสองคนเที่ยว นัทสามารถพูดไทยได้ราวกับnative ตอนแรกพวกเราตั้งใจจะไปพระราชวังต้องห้าม ซึ่งนัทเองก็ไม่เคยไปเช่นกัน แต่ด้วยเนื่องจากมีประชุมระดับประเทศจึงปิด และตัดสินใจกันไป Summer Palace กันแทน















นัทเล่าว่าสิ่งที่เห็นตามรูปนี้ ถ้าหลังไหนมีเยอะแสดงว่าเป็นสถานที่สำคัญ





วันสุดท้ายในจีน ก็ได้ไปพระราชวังต้องห้าม





























และตอนเย็นก็ได้ดูพิธีการเชิญธงชาติลงตรงจัตุรัสเทียนอันเหมิน มีชาวบ้านประชาชนจีนหอบกันมาทั้งครอบครัวเพื่อมามุงดูพิธีนี้











แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่