คือมันมีเวลาว่าง เลยนั่งคิดนั่งมองไปเรื่อย หูดันไปได้ยินเสียง Compressor ของตู้เย็นทำงาน ขอบอกครับ เป็นตู้เย็นประตู 2 บาน รุ่นใหม่แบบไม่มีน้ำแข็งเกาะ เป็นตู้ใหม่ เน้น แช่ของไม่เยอะ เปิดไม่บ่อย วันนึงเปิดไม่น่าจะเกิน 5 ครั้ง อุณหภูมิตั้งไว้ระดับความเย็นต่ำสุด เสียงที่ได้ยินคือ เด้วทำงานเด้วตัด อันนี้มันก็น่าจะดีนะครับ แต่ ผมสังเกตุว่า ทำไมไม่มีการเปิดตู้เย็น Com ถึงได้ทำงานนานและ ทำงานบ่อย ก็เลยตั้งใจเฝ้าจับตาดูหลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีจุดรั่วของยางขอบประตูแน่นอน และไม่มีของร้อนอีกเช่นกัน พอเข้าไปฟังใกล้ๆ เผลอเอามือไปแตะที่ตัวตู้เย็น เอ๊ะมันร้อนแหะ อ๋อ มันคงเป็นระบบระบายความร้อนของตัวทำละลายน้ำแข็งเป็นแน่แท้ แต่เอ๊ะ ก็ในเมือตั้งไว้ต่ำสุดแล้วยังจะต้องละลายน้ำแข็งอีกหรอ ตัวตู้ก็ร้อนจี๋เลย จริงอยู่ที่ผมได้อ่านในกระทู้ที่ผ่านมาคือตู้เย็นจะทำการรักษาความเย็นของมันเองให้อยู่ในระดับที่เราตั้ง หลายๆ คนบอกว่าไม่ควรถอดปลั๊กตู้เย็นให้เสียบมันไว้ทั้งวันทั้งคืนจะกินไฟน้อยกว่า แต่ตู้เย็นปัจจุบันมันมีระบบละลายน้ำแข็งเข้ามาเกี่ยวด้วยนี่ซิ ฉะนั้นเมื่อตู้เย็นทำงานเพื่อรักษาความเย็น มันก็ต้องทำระบบความร้อนเพื่อละลายน้ำแข็งไปในตัวด้วย ดังนั้นผมจึงขอถามผู้รู้ว่า

1. ข้าวผัดอเมริกัน ใส่ถั่วแขกหรือถั่วลันเตาหรือไม่
555 อันนี้ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ ขอเข้าเรื่อง

เอาใหม่
1.ผมจะใช้ Timmer ตั้งปิด และ เปิด ให้ตู้เย็นได้หยุดการทำงานในเวลากลางคืน คือ ตั้งแต่ 22.00-04.00 ทุกวัน จะมีผลในการประหยัดพลังงานหรือไม่ ?
(ของที่ แช่แข็งไว้คงยังไม่ละลายหมด มันยังคงมีความเย็นในตัวมันอยู่ (ไม่ใช่ของเน่าเสีย) )
2.เมื่อตู้เย็นเริ่มทำความเย็นใหม่ กว่าระดับความเย็นจะได้เท่าที่เราตั้งไว้ จะใช้พลังงานมากกว่าเราไม่หยุดหรือปิดการทำงานของตู้เย็น หรือไม่ ?
(อย่างที่บอกว่าตู้เย็นรุ่นใหม่มีทั้งทำให้เย็นและทำให้ร้อนเพื่อละลายน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าเราจะไม่เปิดประตูตู้เย็นเลย แต่ระบบทำละลายก็ต้องทำงาน)

จะคุ้มกันหรือเปล่าครับ