ไปสอบสัมภาษณ์ทุน กพ. กระทรวงวิทยาศาสตร์มาครับวันนี้

สวัสดีครับชาวพันทิพ วันนี้ผมอยากจะมาเล่าประสบการณ์ในการไปสอบสัมภาษณ์ทุน กพ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในวันนี้ 23 พฤษภาคม 2558 รอบ 7.15 น. มาครับ  หัวเราะ  อยากจะระบายยย เพราะเป็นประสบการณ์ครั้งแรก ฮ่าๆ

ทุนของผมเป็นทุนที่กลับมาใช้ทุนเป้นนักวิจัยที่ BIOTECH นะครับ  เดาเอาเอง ถถถ

การได้รอบ 7 โมงเช้า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียที่เห็นชัดๆ ก็คือต้องตื่นแต่เช้า -w-  ส่วนข้อดีก็คือเสร็จเร็วแต่เช้า   เอออ จะบอกเพื่ออออ ?  ฮ่าๆๆ

พอไปถึงคับ เจ้าหน้าที่ก็ให้ลงลายมือชื่อ ผมก้เหลือบดู อ้อมาแล้วหนึ่งคนจากห้า (ยังไม่รวมผม) จากนั้นก็ให้ผมไปนั่งรอในห้องซึ่งจัดที่นั่งไว้ให้ นั่งตรงไหนก็ได้ พอเข้าไป บรรยากาศนี่คือจะต้องมานั่งทำข้อสอบอีกแล้วใช่ม้ายยย  ไม่ชอบเลยยยย  
พอรอจนคนเข้าห้องมาเต็ม (มีคนจากหน่วยทุนใกล้เคียงเข้ามาด้วยสาขา Biomed)  พอเวลา 7.30 น. เจ้าหน้าที่ก็เริ่มแจกกระดาษข้อสอบให้เริ่มทำ
โดยข้อสอบประกอบไปด้วย 2 ส่วน
ส่วนแรก:  ชื่อนามสกุล หน่วยทุน สถานศึกษา เกรดเฉลี่ย และคอร์สเรียนที่สอดคล้องกับหน่วยทุนสมัยป.ตรี-ป.โท
ส่วนสอง: เรียงความอันประกอบไปด้วย เรียงความสั้นเกี่ยวกับผลงาน, รางวัล, กิจกรรมเพื่อสังคม, งานวิจัย และเรียงความยาวมีสองหัวข้อคือ 1) ทำไมคุณถึงควรได้รับเลือกทุนนี้ ในแง่ของความถนัด, ผลงานทางวิชาการ, ความสนใจ, สถานที่ทำงาน บลาๆ  2) ให้คุณเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของ STEM และ STEAM  

เรียงความข้อแรกนี่จริงๆ ก็แอบเตรียมมาละแหละ ว่าหากถูกถามตอนสัมภาษณ์จะตอบยังไง ก็เลยเขียนได้เยอะอยู่  แต่พออ่านข้อสองนี่ เงิบบบบบ เขียนไรดีวะะะะ STEM นี่ก็พอรู้จักนะะ ก็น่าจะได้ผ่านมาบ้าง (ที่เรียนๆ ทำโปรเจค ก็น่าจะเป็นวิถี STEM นี่แหละ)  แต่ STEAM นี่เคยได้ยินครั้งแรก มันคือเพิ่มตัว A Arts มานั่นเองงง  ณ ตอนนั้นคือ งง !?!?  Arts มาช่วยอะไรรร  ก็เลยมโนไปว่า Arts=ศิลปะ=> มีประโยชน์กับการสื่อสารของนักวิทยาศาสตร์ (ทำสไลด์ โปสเตอร์ เขียนหนังสือ บลาๆ)  แล้วก็แถไป -w-

ให้เวลาเขียนชั่วโมงนึง ก็ถือว่าเขียนทัน แต่แบบมึนๆ ฮ่าๆ

จากนั้นก็รับประทานอาหารว่าง  เค้กสองก้อน

ละก็รอเค้ามาเรียก   โชคดีนะที่ผมชื่อแรกก็ได้เป็นคนแรกไป ถ้าเป็นคนสุดท้าย คงจะนั่งในห้องนั้น รอจนเฉาตายไปแน่ๆ ฮ่าๆ

พอเวลาซัก 9 มงนิดๆ ผมก็ถูกเรียกชื่อไปห้องสัมภาษณ์ชั้น 3  แอบมองเหลือบๆ เห็นกรรมการนั่งคุยในห้องอยู่ 4 คน

นั่งรอซักพัก สูดหายใจลึกๆๆๆๆๆๆ  

"น้องเข้าได้แล้วค่ะ"     O.O!!! สู้โว้ยยยย

เดินเข้าไป ยกมือไหว้สวัสดีกรรมการทั้งสี่ท่าน ซึ่งนั่งล้อมรอบมีโต๊ะส่วนตัวกันคนละโต๊ะ

จากนั้นก็ขออนุญาติยื่นแฟ้มสะสมผลงานให้กับกรรมการท่านนึง พร้อมกับส่งสำเนาเอกสารข้อสอบช่วงเช้าให้กรรมการแต่ละท่านไปนั่งอ่าน

กรรมการเริ่มด้วยการให้เราแนะนำตัว ก็แนะนำไป

จากนั้นบอกว่า ช่วยเล่าที่ตอบไปสองข้อซิ

ก็เล่าไปปปปป

จบบบบ ไม่มีถามต่อเรื่องคำถาม

จากนั้นกรรมการ ผญ ทางซ้ายมือ (คาดว่าเป็นนักจิตวิทยา) ก็ถามว่า เห็นว่าทำหัวข้อวิจัยตอนนี้เกี่ยวกับอันนี้ใช่ไหม ทำไมถึงเลือกทำหละ

จากนั้นกรรมการ ผช ตรงกลางก็ถามว่า ถ้าไปเรียนแล้วกลับมาเครื่องไม้เครื่องมือมีไม่ครบ ไม่ทันสมัยเท่า งานวิจัยไม่ตรงกับที่เรียนมา จะทำยังไง  

แล้วกรรมการ ผช ขวามือสุดก็ถามว่า แล้วหัวข้อวิจัยที่อยากทำตอนปอเอกมีรึป่าว ได้ติดต่อใครไว้บ้างมั้ย

(อันนี้ตอบไปว่า จริงๆ ได้ติดต่อไว้แล้วที่อังกฤษ ละก้อยากทำแบบนี้ เค้าก็โอเคนะ  กรรมการถามต่อว่า ละถ้าผมอยากให้คุณไปเน้นอีกด้านนึง ที่มหาลัยอื่นที่ไม่ใช่อังกฤษจะว่าไง   ก็ว่าไปว่า ก็โอเคคับ แต่ก็ต้องใช้เวลาสมัครหน่อย แต่ที่ผมอยากต่อที่เดิมก็เพราะว่าผมปรับตัว settle down กับทุกอย่างได้แล้วไม่ว่าจะเป็นเพื่อน สภาพแวดล้อม ก้เลยอยากจะต่อที่เดิมครับ ยิ้ม )

หลังจากคุยวิชาการมาเยอะ กรรมการ ผญ ซ้ายสุดก้ตัดบทด้วยเสียงหัวเราะว่า คุยเครียดๆ มาเยอะละ ไหนบอกมาซิว่าเวลาว่างทำอะไรบ้าง

ก็ว่าไปปปป เล่นกีฬา ดนตรี บลาๆ งานอดิเรกทำนุ่นทำนี่ ก็เหมือนคนทั่วไปแหละครับ ฮ่าๆๆ  

ละมีบอกว่าเป็นคนชอบสอน ก็เลยพยายามหากิจกรรมที่ได้ไปสอน เช่นสอนพิเสษ ทำค่าย บลาๆ

กรรมการ ผญ ตรงกลางถาม เก็บตังป่าว   บอกไปว่าเก็บคับ แม่บอกให้เก็บ  ฮากันไป 555

จากนั้นห้องก็ตกในความเงียบ กรรมการ ผช หันไปถามกรรมการที่เหลือว่ามีอะไรจะถามอีกมั้ย เงียบ...  เลยหันมาถามเราว่ามีอะไรอยากจะบอกรึป่าววว

เราก็บอกไปว่า สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ จริงๆ ทุนนี้เป็นทุนที่ผมคิดว่าเหมาะกับผมมากครับ และผมก้อยากได้มาก เพราะตอนจะเรียนปอโทนี่ผมก็พยายามหาทุน กพ แต่ตอนนั้นไม่มีสายผมเลย  จนมาเจอปีนี้ มีสายนี้เยอะมาก และสถานที่ทำงานก็ใช่ ก็เลยคิดว่าเป็นทุนที่ดีมาก และถ้ากรรมการเลือกผม ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ (โหลมากจิงๆ แต่ก็พูด ฮ่าๆ)   *กรรมการยิ้ม (เด๋วคอยดู หึหึ)*

และจากนั้นกรรมการก็ถามไรนิดหน่อยว่า ได้ไปดูเว็บไซต์ สวทช ป่าว ว่าทำงานอะไรกัน เราก็เล่าไปว่าดูนะ เจอว่าทำงานวิจัยด้านนี้ บลาๆ เล่าไป แล้วบอกว่าแต่ไม่เห็นพูดถึงสายที่จะส่งไปเรียนเลย เลยไม่ทราบว่ากลับมาจะต้องทำเกี่ยวกับอะไร  

จบแล้ว กรรมการก็แค่พยักหน้าหงึกๆ ไม่เห็นจะตอบคำถามผมเบย ว่ากลับมาทำอะไร ฮ่าๆๆ

และจากนั้นกรรมการ ผญ ซ้ายมือ ก็ถามมาว่า ถ้าเกิดว่าเรียนไม่จบภายใน 4 ปี หมดสัญญารับทุน จะทำยังไง?  (ผมอึ้งไปนิดๆ แล้วตอบไปว่า ก้อยากจะพยายามปิดแล็บให้จบจนได้ครับ ดังนั้นผมจะยอมจ่ายตังเอง)  เสร็จปุ้ปก็ถามต่อว่า  อะ สมมติเพื่อนสนิทของเธอ 2 คนที่สนิทมากทะเลาะกัน เธอจะช่วยเหลือยังไง (อันนี้อึ้งอีกรอบ คิดไม่ทันจิงๆ  เลยตอบไปว่า ก็จะเข้าไปคุยกับทั้งสองฝ่ายแบบแยกกันนะ ตอนแรกจะดูก่อนว่าจริงๆ แล้วใครเริ่มก่อนหรือผิด แต่เราก็จะเข้าไปคุยถามให้เค้าคิดดีดีอีกที ถามว่าอยากจะทะเลาะ ไม่อยากดีกับคนนี้แล้วหรอ  ช่วยในระดับนึง แต่หากเค้าตัดสินด้วยอารมณ์ จากนั้นเราก็จะไม่เข้าไปยุ่งละ ปล่อยให้เค้าตัดสินใจกันเอง  -.- กูตอบผิดใช้ม้ายยย ดูเลววว ฮ่าๆๆ กรรมการต้องการอัลไลล)

แล้วกรรมการ ผช ตรงกลางก็ยกนาฬิกามาดูละพูดว่า สามสิบนาทีพอดีเลย  คงพอเท่านี้แหละ ขอบคุณมากครับ

ผมก็กล่าวขอบคุณ พร้อมกับเดินออกมา  ในใจนี่โล่งอกมากกกกกกกกกกกกก  คิดในใจไมมันดูคุยเล่นๆ จังวะะะะ ไม่เห็นมีวิชาการอะไรเลยยยย ตายๆๆ

ออกมาพร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าลืมพอร์ตตตต  ต้องกลับไปเอา ถถถ

อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ผมว่าผมทำดีที่สุดเท่าที่สถานการณ์ตอนนั้นจะเอื้ออำนวยละ ที่เหลือก็ขึ้นกับว่ากรรมการจะชอบเรามากกว่าอีก 5 คนรึป่าวเท่านั้นแหละเนาะ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่