สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะคะ
ขณะนี้เจ้าของกระทู้เรียนอยู่ระดับชั้นมหาวิทยาลัย คณะเกี่ยวกับทางกฏหมาย ใกล้ๆจะจบแล้ว
มีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน สนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ดิฉันพึ่งจะทราบว่าเพื่อนคนนี้เสพกัญชาหลังจากที่สนิทกันแล้ว โดยในแต่ละครั้งที่เธอเสพ เธอจะไปจับกลุ่มเสพกับเพื่อนผู้ชายที่มาจากโรงเรียนมัธยมเดียวกับเธอ ที่หอพักอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไกลกับหอพักดิฉันพอสมควร
โดยในตอนนั้นความถี่ในการเสพประมาณ หนึ่งถึงสองอาทิตย์ต่อครั้ง เป็นเวลาไม่นานค่ะ เพียงแค่ครั้งละไม่ถึงสองชั่วโมงรวมเวลาในการขับรถไปและกลับด้วย และทุกครั้งที่เธอกลับมาเธอจะอารมณ์ดี หัวเราะง่าย และพูดจาตลก
ในตอนนั้นดิฉันก็ไม่ได้เห็นถึงความร้ายแรงของกัญชา เพราะได้ยินมาว่าเป็นเรื่องปรกติในวัยนี้ อีกทั้งต้องยอมรับว่ามีขายกันเกลื่อนกลาด มีเส้นสายคนรู้จักก็ซื้อได้แล้ว เลยเพียงแค่ตักเตือนไปในเชิงไม่จริงจัง เพราะยังไม่เห้นถึงผลเสีย... ดีซะอีก อารมณ์ดีด้วย
แต่ต้องออกตัวก่อนนะคะว่าดิฉันไม่เคยลอง และไม่ได้คิดว่ามันมีประโยชน์แต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อสนิทกันมากขึ้น ก็ตกลงเป็นแฟนกัน คนรักของดิฉันเป็นคนดีมาโดยตลอด ในเชิงเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยล่วงเกิน และให้เกียรติดิฉันเสมอ ด้วยความที่บ้านของเธออยู่ไกล เมื่อมามหาวิทยาลัยเธอต้องนอนหอเพื่อนซึ่งไม่สะดวกสบายและมีการเสพกัญชากันตลอดเวลา ดิฉันไม่สบายใจ จึงให้ย้ายเข้ามาอยู่หอด้วยกัน (ไม่ได้มีอะไรล่วงเกินนะคะ เพียงแค่แบ่งห้องนั่งเล่นให้อยู่เพียงเท่านั้น)
ต่อมาเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เพื่อนเก่ากลุ่มมัธยมของแฟนดิฉันย้ายที่อยู่มาอยู่หอเดียวกันกับดิฉัน นั้นทำให้การเดินทางไปเสพกัญชาของแฟนดิฉันสะดวกขึ้น ไม่ต้องขับรถไปหอพักเพื่อนอีกต่อไป เพียงแค่เดินลงไปเคาะห้องเพื่อน ก็ได้เสพแล้ว
นั้นทำให้ความถี่ในการเสพค่อยๆมากขึ้น มาเป็นอาทิตย์ละสามวัน วันเว้นวัน ทุกวัน และที่หนักที่สุดคือวันละสามครั้ง ช่วงเช้า ช่วงเย็น และช่วงก่อนนอน ...สุดท้ายการเสพวันละสามครั้งก็กลายเป็นเรื่องปรกติของเธอ
นั้นเป็นที่มาของการไม่พอใจ เพราะดิฉันไม่ชอบกลิ่นกัญชาอยู่แล้ว และปัญหาที่หนักกว่านั้น ดิฉันรู้สึกว่าแฟนของดิฉัน เข้าขั้น "ติดกัญชา" โดยมีอาการเหมือนจะหงุดหงิดง่ายเมื่อไม่ได้สูบ เหมือนไม่มีสมาธิ ทำให้ไม่ยอมอ่านหนังสือสอบ ขับรถกระชากเบรก ตอนที่ดิฉันคุยกับเหมือนเธออยู่ในโลกของเธอ บ่อยครั้งที่นิ่งไปแบบไม่โต้ตอบระหว่างคุยกัน และบางครั้งเธอพูดประโยคบางประโยคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทสนทนา ยกตัวอย่างเช่น
ดิฉัน : อาทิตย์นี้ไม่มีเรียนวันพุธนะ อาจารย์งด
เธอ : ... (อาการเหม่อๆ)
ดิฉัน : เธอ ได้ยินไหม (โบกมือ)
เธอ : กระเพราหมูละกัน
ดิฉัน : ห๊ะ เกี่ยวอะไรกับกระเพราหมูวะ
เธอ : ห๊ะ ขอโทษ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ
แบบนี้เป็นบ่อยมากกก
พอมาถึงขั้นแตกหักคือ ดิฉันบอกว่า แบบนี้เริ่มไม่ใช่แล้วนะ ดิฉันว่าเธอติดกัญชา เพลาๆบ้างเถอะนะ เลิกไปเลยยิ่งดี
เธออ้างว่า เธอไม่ได้ติด หากเธอคิดจะเลิก เธอสามารถเลิกได้ทุกเมื่อ เพียงแต่เธอชอบอารมณ์ในการเสพกัญชา ดิฉันรับไม่ได้หรือ ที่เธอเป็นของเธอแบบนี้ (อ้าว! ไอ้น้ำมันพืชเหม็นหืน ตอนคบมันไม่ได้เป็นแบบนี้นี่หว่า) หากดิฉันรับไม่ได้ ก็เลิกไปเลย เธอไม่อยากให้ดิฉันมาจมปลักอยู่กับคนอย่างเธอ (เธอพูดแบบเคล้าน้ำตานะคะ)
ดิฉันได้ยินดังนั้น...รออะไรอยู่หละคะ เลิกสิคะ เลิก!
และนั้นเป็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เราคบกันจนถึงเราเลิกกันค่ะ
ขณะนี้เราเลิกกันแล้ว ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่เช่นเดิม เธอยังคงครอบครองพื้นที่ในห้องนั่งเล่นของดิฉัน ดิฉันไม่ได้อึดอัดนะคะ เรื่องความรู้สึกอึดอัดในระหว่างเป็นแฟนกัน ที่ดิฉันไม่ชอบให้คนรักของดิฉันเสพกัญชาเป็นอันหมดไป (ดิฉันรู้สึกว่า อยากทำอะไรทำไปเลย ไม่เกี่ยวกับดิฉันแล้ว เพียงแค่หากดิฉันได้กลิ่น ดิฉันก็จะไล่ไปอาบน้ำ เพราะดิฉันรังเกียจ)
เมื่อเลิกกัน ความรู้สึกเกลียดชังเป็นอันหมดไป ความรู้สึกเป็นห่วงสงสารเข้ามาแทนที
ช่วงนี้สอบค่ะ คนรักเก่าของดิฉันมีปัญหาหนักในเรื่อง ไม่สามารถมีสมาธิอ่านหนังสือได้ หงุดหงิดง่าย ต้องขอตัวไปเสพกัญชาเสียก่อน โดยเธออ้างว่าจะสามารถทำให้เธอมีสมาธิดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อไปเสพเสร็จก็ง่วง แล้วก็ไม่ได้อ่านหนังสือ ไม่มีสมาธิอยู่ดี
มาถึงคำถามนะคะ ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีกับปัญหานี้ เพื่อช่วยให้เพื่อนสนิทของดิฉันกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปรกติ ทั้งด้านความคิด และด้านอารมณ์
ในความคิดของดิฉันมีแนวทางการแก้ปัญหาดังนี้ค่ะ
1.อยากจะพาไปหาจิตแพทย์ค่ะ คิดว่าแพทย์สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ อาจจะให้คำปรึกษา หรือให้ยาบรรเทาอาการอยากเสพได้ แต่ไม่รู้จะมีวิธีการพูดอย่างไรให้เธอยอมไป เคยพยายามพูดแล้ว เธอยังปักใจว่าคนไปหาจิตแพทย์ต้องเป็นโรคจิต เธอไม่ได้เป็นโรคจิต จะไปทำไม
2.แจ้งตำรวจ คิดว่าถ้าโดนจับอาจจะเข็ด แล้วไม่กล้าเสพอีกค่ะ แต่ข้อเสียของการแจ้งตำรวจคือ จะต้องมีประวัติติดตัว อีกทั้งเรียนสายกฏหมายด้วย การมีประวัติทางด้านนี้อาจจะเป็นการใจร้ายไปเสียหน่อย อาจจะส่งผลทั้งอนาคตเลย และอาจจะไม่เวิร์ค(เพราะเคยโดนจับตรวจปัสสาวะแต่รอดมาได้ค่ะ แต่ก็ยังไม่มีการสำนึก หรือเข็ดใดใด พฤติกรรมยังเหมือนเดิมเลยค่ะ)
3.ติดต่อกับที่บ้าน ให้ที่บ้านไปจัดการลูกชายเธอเอาเอง แต่ปัญหาเรื่องนี้ ที่บ้านของเธอไม่เคยรู้เรื่องนะคะ การที่ดิฉันบอกไป อาจจะเกิดปัญหาใหญ่โตภายในครอบครัวของเธอได้ เธอเป็นคนรักครอบครัวมาก เซ็นซิทีฟเรื่องการกลัวทำให้ครอบครัวผิดหวังเสียใจ จะบอกครอบครัวก็สงสารคุณพ่อคุณแม่ของเธอค่ะ
4.ช่างแ-่ง ปล่อยเธอไปตามบุญตามกรรม ไม่อ่านหนังสือก็ปล่อยให้ตกแล้วโดนไล่ออก เรื่องเหม่อ หรือว่าพูดจาแปลกประหลาดก็ไม่ต้องสนใจ แต่ดิฉันยังเป็นห่วงเรื่องเสพกัญชาแล้วขับรถอยู่ เป็นห่วงทั้งชีวิตเธอและชีวิตคนอื่นค่ะ
รบกวนใครเคยมีกรณีนี้เกิดกับคนใกล้ตัว เพื่อน หรือ คนในครอบครัว มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไรคะ
ถ้าเป็นคนที่เคยเสพเองมาตอบคำถามดิฉันคิดว่ายิ่งดีค่ะ เพราะอาจจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ติดกัญชาด้วยกันมาก่อน
รบกวนด้วยนะคะ
พิมพ์ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ ตัดสินใจตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก แต่ก่อนเคยแต่อ่าน ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณมากค่ะ
ขอคำแนะนำ เมื่อเพื่อน(อดีตคนรัก)ติดสารเสพติดค่ะ
ขณะนี้เจ้าของกระทู้เรียนอยู่ระดับชั้นมหาวิทยาลัย คณะเกี่ยวกับทางกฏหมาย ใกล้ๆจะจบแล้ว
มีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน สนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ดิฉันพึ่งจะทราบว่าเพื่อนคนนี้เสพกัญชาหลังจากที่สนิทกันแล้ว โดยในแต่ละครั้งที่เธอเสพ เธอจะไปจับกลุ่มเสพกับเพื่อนผู้ชายที่มาจากโรงเรียนมัธยมเดียวกับเธอ ที่หอพักอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไกลกับหอพักดิฉันพอสมควร
โดยในตอนนั้นความถี่ในการเสพประมาณ หนึ่งถึงสองอาทิตย์ต่อครั้ง เป็นเวลาไม่นานค่ะ เพียงแค่ครั้งละไม่ถึงสองชั่วโมงรวมเวลาในการขับรถไปและกลับด้วย และทุกครั้งที่เธอกลับมาเธอจะอารมณ์ดี หัวเราะง่าย และพูดจาตลก
ในตอนนั้นดิฉันก็ไม่ได้เห็นถึงความร้ายแรงของกัญชา เพราะได้ยินมาว่าเป็นเรื่องปรกติในวัยนี้ อีกทั้งต้องยอมรับว่ามีขายกันเกลื่อนกลาด มีเส้นสายคนรู้จักก็ซื้อได้แล้ว เลยเพียงแค่ตักเตือนไปในเชิงไม่จริงจัง เพราะยังไม่เห้นถึงผลเสีย... ดีซะอีก อารมณ์ดีด้วย
แต่ต้องออกตัวก่อนนะคะว่าดิฉันไม่เคยลอง และไม่ได้คิดว่ามันมีประโยชน์แต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อสนิทกันมากขึ้น ก็ตกลงเป็นแฟนกัน คนรักของดิฉันเป็นคนดีมาโดยตลอด ในเชิงเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยล่วงเกิน และให้เกียรติดิฉันเสมอ ด้วยความที่บ้านของเธออยู่ไกล เมื่อมามหาวิทยาลัยเธอต้องนอนหอเพื่อนซึ่งไม่สะดวกสบายและมีการเสพกัญชากันตลอดเวลา ดิฉันไม่สบายใจ จึงให้ย้ายเข้ามาอยู่หอด้วยกัน (ไม่ได้มีอะไรล่วงเกินนะคะ เพียงแค่แบ่งห้องนั่งเล่นให้อยู่เพียงเท่านั้น)
ต่อมาเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เพื่อนเก่ากลุ่มมัธยมของแฟนดิฉันย้ายที่อยู่มาอยู่หอเดียวกันกับดิฉัน นั้นทำให้การเดินทางไปเสพกัญชาของแฟนดิฉันสะดวกขึ้น ไม่ต้องขับรถไปหอพักเพื่อนอีกต่อไป เพียงแค่เดินลงไปเคาะห้องเพื่อน ก็ได้เสพแล้ว
นั้นทำให้ความถี่ในการเสพค่อยๆมากขึ้น มาเป็นอาทิตย์ละสามวัน วันเว้นวัน ทุกวัน และที่หนักที่สุดคือวันละสามครั้ง ช่วงเช้า ช่วงเย็น และช่วงก่อนนอน ...สุดท้ายการเสพวันละสามครั้งก็กลายเป็นเรื่องปรกติของเธอ
นั้นเป็นที่มาของการไม่พอใจ เพราะดิฉันไม่ชอบกลิ่นกัญชาอยู่แล้ว และปัญหาที่หนักกว่านั้น ดิฉันรู้สึกว่าแฟนของดิฉัน เข้าขั้น "ติดกัญชา" โดยมีอาการเหมือนจะหงุดหงิดง่ายเมื่อไม่ได้สูบ เหมือนไม่มีสมาธิ ทำให้ไม่ยอมอ่านหนังสือสอบ ขับรถกระชากเบรก ตอนที่ดิฉันคุยกับเหมือนเธออยู่ในโลกของเธอ บ่อยครั้งที่นิ่งไปแบบไม่โต้ตอบระหว่างคุยกัน และบางครั้งเธอพูดประโยคบางประโยคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทสนทนา ยกตัวอย่างเช่น
ดิฉัน : อาทิตย์นี้ไม่มีเรียนวันพุธนะ อาจารย์งด
เธอ : ... (อาการเหม่อๆ)
ดิฉัน : เธอ ได้ยินไหม (โบกมือ)
เธอ : กระเพราหมูละกัน
ดิฉัน : ห๊ะ เกี่ยวอะไรกับกระเพราหมูวะ
เธอ : ห๊ะ ขอโทษ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ
แบบนี้เป็นบ่อยมากกก
พอมาถึงขั้นแตกหักคือ ดิฉันบอกว่า แบบนี้เริ่มไม่ใช่แล้วนะ ดิฉันว่าเธอติดกัญชา เพลาๆบ้างเถอะนะ เลิกไปเลยยิ่งดี
เธออ้างว่า เธอไม่ได้ติด หากเธอคิดจะเลิก เธอสามารถเลิกได้ทุกเมื่อ เพียงแต่เธอชอบอารมณ์ในการเสพกัญชา ดิฉันรับไม่ได้หรือ ที่เธอเป็นของเธอแบบนี้ (อ้าว! ไอ้น้ำมันพืชเหม็นหืน ตอนคบมันไม่ได้เป็นแบบนี้นี่หว่า) หากดิฉันรับไม่ได้ ก็เลิกไปเลย เธอไม่อยากให้ดิฉันมาจมปลักอยู่กับคนอย่างเธอ (เธอพูดแบบเคล้าน้ำตานะคะ)
ดิฉันได้ยินดังนั้น...รออะไรอยู่หละคะ เลิกสิคะ เลิก!
และนั้นเป็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เราคบกันจนถึงเราเลิกกันค่ะ
ขณะนี้เราเลิกกันแล้ว ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่เช่นเดิม เธอยังคงครอบครองพื้นที่ในห้องนั่งเล่นของดิฉัน ดิฉันไม่ได้อึดอัดนะคะ เรื่องความรู้สึกอึดอัดในระหว่างเป็นแฟนกัน ที่ดิฉันไม่ชอบให้คนรักของดิฉันเสพกัญชาเป็นอันหมดไป (ดิฉันรู้สึกว่า อยากทำอะไรทำไปเลย ไม่เกี่ยวกับดิฉันแล้ว เพียงแค่หากดิฉันได้กลิ่น ดิฉันก็จะไล่ไปอาบน้ำ เพราะดิฉันรังเกียจ)
เมื่อเลิกกัน ความรู้สึกเกลียดชังเป็นอันหมดไป ความรู้สึกเป็นห่วงสงสารเข้ามาแทนที
ช่วงนี้สอบค่ะ คนรักเก่าของดิฉันมีปัญหาหนักในเรื่อง ไม่สามารถมีสมาธิอ่านหนังสือได้ หงุดหงิดง่าย ต้องขอตัวไปเสพกัญชาเสียก่อน โดยเธออ้างว่าจะสามารถทำให้เธอมีสมาธิดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อไปเสพเสร็จก็ง่วง แล้วก็ไม่ได้อ่านหนังสือ ไม่มีสมาธิอยู่ดี
มาถึงคำถามนะคะ ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีกับปัญหานี้ เพื่อช่วยให้เพื่อนสนิทของดิฉันกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปรกติ ทั้งด้านความคิด และด้านอารมณ์
ในความคิดของดิฉันมีแนวทางการแก้ปัญหาดังนี้ค่ะ
1.อยากจะพาไปหาจิตแพทย์ค่ะ คิดว่าแพทย์สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ อาจจะให้คำปรึกษา หรือให้ยาบรรเทาอาการอยากเสพได้ แต่ไม่รู้จะมีวิธีการพูดอย่างไรให้เธอยอมไป เคยพยายามพูดแล้ว เธอยังปักใจว่าคนไปหาจิตแพทย์ต้องเป็นโรคจิต เธอไม่ได้เป็นโรคจิต จะไปทำไม
2.แจ้งตำรวจ คิดว่าถ้าโดนจับอาจจะเข็ด แล้วไม่กล้าเสพอีกค่ะ แต่ข้อเสียของการแจ้งตำรวจคือ จะต้องมีประวัติติดตัว อีกทั้งเรียนสายกฏหมายด้วย การมีประวัติทางด้านนี้อาจจะเป็นการใจร้ายไปเสียหน่อย อาจจะส่งผลทั้งอนาคตเลย และอาจจะไม่เวิร์ค(เพราะเคยโดนจับตรวจปัสสาวะแต่รอดมาได้ค่ะ แต่ก็ยังไม่มีการสำนึก หรือเข็ดใดใด พฤติกรรมยังเหมือนเดิมเลยค่ะ)
3.ติดต่อกับที่บ้าน ให้ที่บ้านไปจัดการลูกชายเธอเอาเอง แต่ปัญหาเรื่องนี้ ที่บ้านของเธอไม่เคยรู้เรื่องนะคะ การที่ดิฉันบอกไป อาจจะเกิดปัญหาใหญ่โตภายในครอบครัวของเธอได้ เธอเป็นคนรักครอบครัวมาก เซ็นซิทีฟเรื่องการกลัวทำให้ครอบครัวผิดหวังเสียใจ จะบอกครอบครัวก็สงสารคุณพ่อคุณแม่ของเธอค่ะ
4.ช่างแ-่ง ปล่อยเธอไปตามบุญตามกรรม ไม่อ่านหนังสือก็ปล่อยให้ตกแล้วโดนไล่ออก เรื่องเหม่อ หรือว่าพูดจาแปลกประหลาดก็ไม่ต้องสนใจ แต่ดิฉันยังเป็นห่วงเรื่องเสพกัญชาแล้วขับรถอยู่ เป็นห่วงทั้งชีวิตเธอและชีวิตคนอื่นค่ะ
รบกวนใครเคยมีกรณีนี้เกิดกับคนใกล้ตัว เพื่อน หรือ คนในครอบครัว มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไรคะ
ถ้าเป็นคนที่เคยเสพเองมาตอบคำถามดิฉันคิดว่ายิ่งดีค่ะ เพราะอาจจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ติดกัญชาด้วยกันมาก่อน
รบกวนด้วยนะคะ
พิมพ์ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ ตัดสินใจตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก แต่ก่อนเคยแต่อ่าน ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณมากค่ะ