สวัสดีค่ะ ดิฉันเพิ่งตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก อยากเล่าถึงประสบการณ์การ "การถูกนอกใจ"
เหตุการณ์เกิดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้น เราสองคน คบได้กันได้ 5 ปี ตอนนั้นดิฉันเรียนจบและทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ 2 ปี
แฟนดิฉัน เค้าเพิ่งเรียนจบ และกำลังจะรับปริญญาในอีกครึ่งปี ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แฟนดิฉัน เค้าเป็นคนนิสัยดี อ่อนโยน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เวลารับทำงานพิเศษระหว่างเรียน เงินที่ได้เค้าก็จะเอามาให้ดิฉันเก็บทั้งหมดค่ะ และค่อนข้างตามใจดิฉันแทบทุกเรื่อง ง้อทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากดิฉันหรือเค้าก็ตาม เพราะเป็นแบบนี้ ดิฉันจึงมีนิสัยเอาแต่ใจ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ตลอดเวลา อยากได้อะไรต้องได้ บอกให้มาหาต้องมา บอกซ้ายต้องไปซ้าย บอกขวาต้องไปขวา ทะเลาะกันทีไร ดิฉันจะขึ้นแบบสุดๆ ทุกที อาละวาดห้องแทบแตกทุกที เค้าเคยบอกเคยเตือนกับนิสัยร้ายๆของดิฉันแล้ว แต่ดิฉันก็ได้แต่รับปากว่าจะปรับปรุง แต่ก็ไม่เคยทำได้สักครั้ง เพราะคิดว่ายังไงเค้าก็รักดิฉันคนเดียว
หลังดิฉันเรียนจบ ก็เข้ามาต่อมหาวิทยาลัยในจังหวัดปริมณฑล โดยพักอยู่กับญาติผู้ใหญ่ท่านนึง ช่วง 1 ปีนั้น เค้าก็จะนั่งรถมาหาดิฉันทุกเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดพิเศษต่างๆ จนกระทั่งอีก 1 ปี เค้าก็เข้ามาเรียนมหาลัยใน กทม และยังมาหาดิฉันทุกเสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม ระยะเวลาช่วงที่เค้ามาหา ก็จะมาช่วยงานญาติผู้ใหญ่ของดิฉันที่เค้าทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ (ดิฉันก็หารายได้พิเศษระหว่างเรียนด้วยการช่วยงานญาติผู้ใหญ่ของดิฉันเหมือนกัน) และเช่นเคย เงินที่ได้เค้าก็ยังให้ดิฉันเก็บทุกบาทสตางค์ เราช่วยกันหาช่วยกันใช้ โดยแทบจะไม่ได้ขอเงินที่บ้านเลยทั้งสองคน สถานการณ์ยังเป็นปกติเหมือนเดิมเช่นเคย เค้าดูแลดิฉันอย่างดี และดิฉันก็เอาแต่ใจ อารมณ์ขึ้นๆลง" เช่นเดิม จนกระทั่ง
หลังจากแฟนดิฉันเรียนจบ เค้าก็ย้ายมาอยู่กับญาติผู้ใหญ่ดิฉัน และหางานทำไปด้วย ตอนแรกแฟนดิฉันบอกว่า ไม่อยากทำงานบริษัท แต่ดิฉันกลับเห็นว่า เค้าควรจะทำงานบริษัท เพราะเค้าจบวิศวกรรมมา ควรจะใช้ความรู้ที่เรียนมาด้วยความยากลำบากให้คุ้ม (มโนเอาเอง โดยไม่สนว่าเค้าเต็มใจหรือไม่) ดิฉันคิดว่าถ้าจะให้เค้าทำงานกับญาติผู้ใหญ่ดิฉันต่อไปเรื่อยๆ มันไม่มีความมั่นคงเท่าไร และปฏิบัติการช่วยเค้าหางานก็เริ่มต้น โดยเอกสารและจดหมายการสมัครดิฉันเป็นคนดำเนินการเองทุกอย่าง โดยหารู้ไม่ว่ากำลังนำพาตัวเองเข้าไปสู่วังวนแห่งความทุกข์เพราะความรัก
และแล้วแฟนดิฉันก็ได้งานบริษัทสมใจดิฉัน ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ตำแหน่งวิศวกรรมตามที่เรียนมาเป๊ะ ดิฉันดีใจมาก...
เดือนแรกของการทำงาน สถานการณ์ยังเป็นปกติค่ะ แต่แฟนดิฉัน เค้าค่อนข้างจะเครียดกับการเรียนรู้งาน และทำความรู้จักกับน้องๆที่บริษัท แต่หลังเลิกงานและเสาร์อาทิตย์ ก็ยังมาช่วยงานญาติผู้ใหญ่เหมือนกับดิฉันในทุกๆวัน และเงินเดือนก็ให้ดิฉันทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยขาด
เดือนที่สอง เมื่อเห็นเค้าเครียด ดิฉันเลยตัดสินใจเช่าหอพักใกล้บริษัท ตามคำขอของเค้า เนื่องจากการเดินทางจากบ้านญาติผู้ใหญ่ของดิฉันค่อนข้างไกล ถึงจะมีรถรับส่ง แต่แฟนดิฉันต้องทำโอที เลยเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เราทั่งคู่จึงย้ายของบางส่วนมาอยู่หอพักด้วยกัน ถ้าช่วงไหนงานบริษัทไม่เยอะก็จะพาไปกันไปนอนที่บ้านญาติผู้ใหญ่ของดิฉัน เพื่อช่วยงานและหารายได้พิเศษ
ตลอดระยะที่คบกันมา ครอบครัวของดิฉัน ญาติพี่น้อง เพื่อน รวมถึงญาติผู้ใหญ่ที่ดิฉันกับแฟนทำงานอยู่ด้วยนั้น ต่างก็รักและเอ็นดูแฟนดิฉันเป็นอย่างมาก ย้ำนะค่ะว่ามาก ( ตอนสมัครงานญาติผู้ใหญ่ดิฉันถึงกับว่าจ้างรถยนต์พาแฟนดิฉันไปสัมภาษณ์) เพราะเค้าดีทุกอย่างจริงๆค่ะ หลายคนพูดกับดิฉันว่า เจอคนดีแล้วก็รักษาไว้ให้ดีนะ .... แต่ดิฉันก็ไม่ฟังยังทำตามใจตัวเอง เสมอๆและหนักขึ้น หนักขึ้น
เดือนที่สาม ลางร้ายเริ่มมาค่ะ เค้ากลับมาทำงานที่บ้านญาติผู้ใหญ่ดิฉันน้อยลง ในขณะที่ดิฉันกลับมาบ่อยกว่า เพราะว่าเกรงใจเวลางานที่บ้านญาติผู้ใหญ่ของดิฉันเยอะ และปล่อยให้เค้านอนหอคนเดียว เหตุผลที่เค้าบอกว่าไม่กลับ ก็เช่น ไปกินร้านอาหารกับเพื่อนที่ทำงาน กับลูกน้องบ้าง ที่จำแม่นบอกว่าจะบริจาคเลือดจะกลับช้าหน่อย ซึ่งดิฉันก็เชื่อ ตอนนั้นไว้ใจค่ะ ไว้ใจมากถึงมากที่สุด พอตะวันตกดินดิฉันเห็นว่ายังไม่กลับก็เลยโทรตาม เค้าบอกว่า ตกรถรับส่งบริษัท ไม่ทัน จะค้างที่หอ ดิฉันก็เริ่มตะงิดๆ แล้วค่ะ เพราะมันไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าคนมันจะกลับ ยังไงก็หาทางกลับได้อยู่
เดือนที่สี่ เดือนนี้เป็นวันเกิดดิฉัน เดือนนี้เค้าค้างที่หอพักโดยไม่มีดิฉันค้างด้วยมาหลายคืน แต่ดิฉันก็ห่วงงานที่บ้านญาติผู้ใหญ่มาก (ตอนนี้กำลังขยันหาเงิน วางแผนไว้ว่าอีกสัก 2 ปีจะแต่งงาน อะไรที่จะทำเงินเสริมนอกจากเงินเดือนบริษัทได้ ดิฉันทำหมด) และสิ่งที่ดิฉันโกรธก็คือ เค้าบอกว่าจะกลับช้า ทำโอ ซึ่งมันไม่ใช่ไงค่ะ ตามปกติเค้าจะให้ความสำคัญกับวันเกิดดิฉัน อาจจะฉลองกันสองคน หรือใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่นี้กลับมาสองสามทุ่ม พาดิฉันไปกินข้าว แต่ดิฉันก็ไม่ปรี๊ดนะค่ะ ช่วงนั้นใจเย็น เห็นว่าเค้าอาจจะเหนื่อยงานไม่อยากทะเลาะ ระหว่างนี้ ลูกพี่ลูกน้องดิฉัน แอบมากระซิบกับดิฉันว่า เคยแอบเห็นแฟนดิฉันคุยโทรศัพท์นานสองนาน
และในเดือนนี้ค่ะ ที่ความลับแตก สิ้นเดือนเป็นวันรับปริญญาของเค้า ก่อนหน้าวันปริญญาดิฉันแอบซื้อโทรศัพท์ ไอโฟน 4 ให้เค้า และเปลี่ยนซิมของเค้า ซึ่งจดทะเบียนโดยชื่อดิฉัน จากซิมธรรมดาเป็นมินิซิมสำหรับไอโฟน แล้วคิดว่าจะเอาไปเซอร์ไพรส์เค้าตอนเช้าตรู่ที่หอพัก (คืนนั้นดิฉันนอนบ้านญาติผู้ใหญ่เพราะต้องมาซื้อโทรศัพท์ค่ะ) แล้ววันรุ่งขึ้นตอนเย็นดิฉันจะเดินทางเข้า กทม ไปหาพี่สาวเค้า เพื่อซ้อมรับปริญญาวันสุดท้าย
เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันเดินเข้าหอพักเค้าด้วยอารมณ์แจ่มใส ไขประตูหอที่ล็อกเปิดเข้าไป..................เจอกับ ความว่างเปล่า ที่นอนพับไว้เรียบร้อย เสื้อผ้า ทุกอย่างปกติ ห้องน้ำไม่มีร่องรอยเพิ่งถูกอาบ พัดลมมอเตอร์ไม่ร้อน เหมือนกับว่าแฟนดิฉันไม่ได้นอนที่ห้อง.........แล้วเค้านอนที่ไหน ในใจเริ่มระแวง สับสน คิดมาก แต่มองโลกในแง่ดีค่ะ บ้างทีเค้าอาจจะออกไปเคลียร์งานที่บริษัทแต่เช้าเพราะต้องลาอีกหลายวันเพื่อซ้อมรับปริญญา แต่ว่าน้ำตามันค่อยๆไหลออกมา เซ้นส์บางอย่างบอกว่า มันไม่ปกติแล้ว
และเย็นวันนั้นดิฉันก็เดินทางเข้า กทม คนเดียว เค้าไม่เคยโทรหาดิฉันเลยทั้งวัน ในใจก็คิดว่า คงไปเจอกับที่บ้านพี่สาวเค้า
พอถึงบ้านพี่สาวเค้า ดิฉันพบแค่ แม่เค้า พี่สาว พี่สาวคนรอง แค่นั้น ในตอนนั้นดิฉันหรือใครๆ ก็ติดต่อเค้าไม่ได้ เพราะซิมโทรศัพท์อาจจะโดนตัดไปแล้ว เนื่องจากดิฉันได้เปลี่ยนซิมให้เค้า พอมาถึงบ้านพี่สาว ก็เปิดโทรศัพท์ของเค้าแล้วชาร์ตทิ้งไว้ พี่สาวของเค้าบอกกับดิฉันว่า แฟนดิฉันจะเข้าไปนอนที่บ้านพี่ชาย ไม่ได้มาบ้านเค้า (เหมือนเค้าพยายามหลบหน้าชั้นเลยค่ะ) ชั้นเลยบอกว่าพี่สาวแฟนว่าให้บอกเค้าด้วยว่า ซื้อโทรศัพท์มาให้เปลี่ยนซิมให้แล้วด้วย (ไม่เซอร์ไพรส์แล้วค่ะ อารมณ์หมด) และคืนนั้นเอง มีโทรศัพท์เข้ามากลางดึก เป็นเสียงผู้หญิง อูอี้เหมือนตื่นนอน
ผู้หญิง : อยู่ไหนแล้ว (น้ำเสียงเหมือนเพิ่งตื่นนอน)
ดิฉัน : โทรหาใครค่ะ
ผู้หญิง : ขอโทษทีค่ะ โทรผิด ตู๊ดๆๆๆๆ
แล้วสายก็ตัดไป
นอนไม่หลับสิค่ะ มีมูลอยู่แล้ว พยายามไม่คิดมาก แต่ สถานการณ์มันค่อนข้างเอื้ออำนวย
เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันตื่นนอน เพราะได้ยินเสียงข้อความจากไอโฟนเครื่องใหม่ของแฟน ข้อความจากเบอร์แปลก ประมาณว่า
"คิดถึงเอ๋อจังเลย อย่าลืมกินนมตอนเช้า" เท่านั้นแระค่ะ มันใช่ต้องใช่แน่ๆ
วันนั้นทั้งวันดิฉันพยายามโทรหาเบอร์แปลกนั้น จนในที่สุด เธอก็รับสาย ดิฉันจึงถามทุกคำถามที่อยากรู้ คาดคั้นให้ตอบ จนจับใจความที่มันบอกว่า
......ผู้หญิงอาศัยอยู่จังหวัดชายทะเล ไม่ได้อยู่ที่ทำงานเดียวกัน มาหาเพื่อนที่ทำงานเป็นลูกน้องของแฟนดิฉัน ก็เลยได้รู้จักกัน ได้คุยกัน ถูกใจเลยแลกเบอร์คุยกัน โดยมีเพื่อนผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่สื่อ เคยเจอกันแค่สองสามครั้ง กินข้าวเฉยๆ ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าแฟนดิฉันมีดิฉันอยู่แล้ว พยายามบอกว่า อย่าคิดมาก แฟนดิฉันรักดิฉันมาก เค้าไม่ได้คิดนอกใจ เป็นแค่เพื่อนกันเฉย แต่ค่ะแต่ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเค้าชอบแฟนดิฉัน (แต่บอกไม่ให้ดิฉันคิดมากแต่บอกว่าชอบแฟนดิฉัน) ....
ผู้หญิงคนนั้นคิดว่าดิฉัน กินหญ้าหรอค่ะ คิดว่าดิฉันเชื่อหรอว่าไม่ได้อยู่ทีเดียวกัน แต่ดิฉันก็รับฟังอย่างเดียว และในที่สุดดิฉันก็โทรหาแฟนติดในเบอร์เพื่อนเค้า คาดคั้นถามทุกอย่างแต่คำตอบที่เจ็บที่สุดคือ "เค้ารักผู้หญิงคนนั้น" แล้วดินฉันละ?? ดิฉันร้องไห้แบบคนเสียสติ พี่สาวคนรองและแม่แฟนได้ยิน ก็วิ่งมาหา ดิฉันวางสายและเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังทั้งน้ำตา รู้มั้ยค่ะ แม่แฟนให้ดิฉันมานอนที่ตักเค้า ลูบหัว พร้อมกับร้องไห้ไปพร้อมๆกับดิฉัน พี่สาวคนรองก็สลดที่ได้เห็นชั้นร้องไห้และเสียใจมากมาย
เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ ไม่นานเกินรอ................จะได้รู้ความจริงที่เค้าและผู้หญิงคนนั้นรวมหัวกันโกหกดิฉัน
เมื่อคนที่ชั้นและใครๆบอกว่าเค้าแสนดี "นอกใจ" เหตุเพราะ???
เหตุการณ์เกิดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้น เราสองคน คบได้กันได้ 5 ปี ตอนนั้นดิฉันเรียนจบและทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ 2 ปี
แฟนดิฉัน เค้าเพิ่งเรียนจบ และกำลังจะรับปริญญาในอีกครึ่งปี ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แฟนดิฉัน เค้าเป็นคนนิสัยดี อ่อนโยน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เวลารับทำงานพิเศษระหว่างเรียน เงินที่ได้เค้าก็จะเอามาให้ดิฉันเก็บทั้งหมดค่ะ และค่อนข้างตามใจดิฉันแทบทุกเรื่อง ง้อทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากดิฉันหรือเค้าก็ตาม เพราะเป็นแบบนี้ ดิฉันจึงมีนิสัยเอาแต่ใจ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ตลอดเวลา อยากได้อะไรต้องได้ บอกให้มาหาต้องมา บอกซ้ายต้องไปซ้าย บอกขวาต้องไปขวา ทะเลาะกันทีไร ดิฉันจะขึ้นแบบสุดๆ ทุกที อาละวาดห้องแทบแตกทุกที เค้าเคยบอกเคยเตือนกับนิสัยร้ายๆของดิฉันแล้ว แต่ดิฉันก็ได้แต่รับปากว่าจะปรับปรุง แต่ก็ไม่เคยทำได้สักครั้ง เพราะคิดว่ายังไงเค้าก็รักดิฉันคนเดียว
หลังดิฉันเรียนจบ ก็เข้ามาต่อมหาวิทยาลัยในจังหวัดปริมณฑล โดยพักอยู่กับญาติผู้ใหญ่ท่านนึง ช่วง 1 ปีนั้น เค้าก็จะนั่งรถมาหาดิฉันทุกเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดพิเศษต่างๆ จนกระทั่งอีก 1 ปี เค้าก็เข้ามาเรียนมหาลัยใน กทม และยังมาหาดิฉันทุกเสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม ระยะเวลาช่วงที่เค้ามาหา ก็จะมาช่วยงานญาติผู้ใหญ่ของดิฉันที่เค้าทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ (ดิฉันก็หารายได้พิเศษระหว่างเรียนด้วยการช่วยงานญาติผู้ใหญ่ของดิฉันเหมือนกัน) และเช่นเคย เงินที่ได้เค้าก็ยังให้ดิฉันเก็บทุกบาทสตางค์ เราช่วยกันหาช่วยกันใช้ โดยแทบจะไม่ได้ขอเงินที่บ้านเลยทั้งสองคน สถานการณ์ยังเป็นปกติเหมือนเดิมเช่นเคย เค้าดูแลดิฉันอย่างดี และดิฉันก็เอาแต่ใจ อารมณ์ขึ้นๆลง" เช่นเดิม จนกระทั่ง
หลังจากแฟนดิฉันเรียนจบ เค้าก็ย้ายมาอยู่กับญาติผู้ใหญ่ดิฉัน และหางานทำไปด้วย ตอนแรกแฟนดิฉันบอกว่า ไม่อยากทำงานบริษัท แต่ดิฉันกลับเห็นว่า เค้าควรจะทำงานบริษัท เพราะเค้าจบวิศวกรรมมา ควรจะใช้ความรู้ที่เรียนมาด้วยความยากลำบากให้คุ้ม (มโนเอาเอง โดยไม่สนว่าเค้าเต็มใจหรือไม่) ดิฉันคิดว่าถ้าจะให้เค้าทำงานกับญาติผู้ใหญ่ดิฉันต่อไปเรื่อยๆ มันไม่มีความมั่นคงเท่าไร และปฏิบัติการช่วยเค้าหางานก็เริ่มต้น โดยเอกสารและจดหมายการสมัครดิฉันเป็นคนดำเนินการเองทุกอย่าง โดยหารู้ไม่ว่ากำลังนำพาตัวเองเข้าไปสู่วังวนแห่งความทุกข์เพราะความรัก
และแล้วแฟนดิฉันก็ได้งานบริษัทสมใจดิฉัน ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ตำแหน่งวิศวกรรมตามที่เรียนมาเป๊ะ ดิฉันดีใจมาก...
เดือนแรกของการทำงาน สถานการณ์ยังเป็นปกติค่ะ แต่แฟนดิฉัน เค้าค่อนข้างจะเครียดกับการเรียนรู้งาน และทำความรู้จักกับน้องๆที่บริษัท แต่หลังเลิกงานและเสาร์อาทิตย์ ก็ยังมาช่วยงานญาติผู้ใหญ่เหมือนกับดิฉันในทุกๆวัน และเงินเดือนก็ให้ดิฉันทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยขาด
เดือนที่สอง เมื่อเห็นเค้าเครียด ดิฉันเลยตัดสินใจเช่าหอพักใกล้บริษัท ตามคำขอของเค้า เนื่องจากการเดินทางจากบ้านญาติผู้ใหญ่ของดิฉันค่อนข้างไกล ถึงจะมีรถรับส่ง แต่แฟนดิฉันต้องทำโอที เลยเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เราทั่งคู่จึงย้ายของบางส่วนมาอยู่หอพักด้วยกัน ถ้าช่วงไหนงานบริษัทไม่เยอะก็จะพาไปกันไปนอนที่บ้านญาติผู้ใหญ่ของดิฉัน เพื่อช่วยงานและหารายได้พิเศษ
ตลอดระยะที่คบกันมา ครอบครัวของดิฉัน ญาติพี่น้อง เพื่อน รวมถึงญาติผู้ใหญ่ที่ดิฉันกับแฟนทำงานอยู่ด้วยนั้น ต่างก็รักและเอ็นดูแฟนดิฉันเป็นอย่างมาก ย้ำนะค่ะว่ามาก ( ตอนสมัครงานญาติผู้ใหญ่ดิฉันถึงกับว่าจ้างรถยนต์พาแฟนดิฉันไปสัมภาษณ์) เพราะเค้าดีทุกอย่างจริงๆค่ะ หลายคนพูดกับดิฉันว่า เจอคนดีแล้วก็รักษาไว้ให้ดีนะ .... แต่ดิฉันก็ไม่ฟังยังทำตามใจตัวเอง เสมอๆและหนักขึ้น หนักขึ้น
เดือนที่สาม ลางร้ายเริ่มมาค่ะ เค้ากลับมาทำงานที่บ้านญาติผู้ใหญ่ดิฉันน้อยลง ในขณะที่ดิฉันกลับมาบ่อยกว่า เพราะว่าเกรงใจเวลางานที่บ้านญาติผู้ใหญ่ของดิฉันเยอะ และปล่อยให้เค้านอนหอคนเดียว เหตุผลที่เค้าบอกว่าไม่กลับ ก็เช่น ไปกินร้านอาหารกับเพื่อนที่ทำงาน กับลูกน้องบ้าง ที่จำแม่นบอกว่าจะบริจาคเลือดจะกลับช้าหน่อย ซึ่งดิฉันก็เชื่อ ตอนนั้นไว้ใจค่ะ ไว้ใจมากถึงมากที่สุด พอตะวันตกดินดิฉันเห็นว่ายังไม่กลับก็เลยโทรตาม เค้าบอกว่า ตกรถรับส่งบริษัท ไม่ทัน จะค้างที่หอ ดิฉันก็เริ่มตะงิดๆ แล้วค่ะ เพราะมันไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าคนมันจะกลับ ยังไงก็หาทางกลับได้อยู่
เดือนที่สี่ เดือนนี้เป็นวันเกิดดิฉัน เดือนนี้เค้าค้างที่หอพักโดยไม่มีดิฉันค้างด้วยมาหลายคืน แต่ดิฉันก็ห่วงงานที่บ้านญาติผู้ใหญ่มาก (ตอนนี้กำลังขยันหาเงิน วางแผนไว้ว่าอีกสัก 2 ปีจะแต่งงาน อะไรที่จะทำเงินเสริมนอกจากเงินเดือนบริษัทได้ ดิฉันทำหมด) และสิ่งที่ดิฉันโกรธก็คือ เค้าบอกว่าจะกลับช้า ทำโอ ซึ่งมันไม่ใช่ไงค่ะ ตามปกติเค้าจะให้ความสำคัญกับวันเกิดดิฉัน อาจจะฉลองกันสองคน หรือใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่นี้กลับมาสองสามทุ่ม พาดิฉันไปกินข้าว แต่ดิฉันก็ไม่ปรี๊ดนะค่ะ ช่วงนั้นใจเย็น เห็นว่าเค้าอาจจะเหนื่อยงานไม่อยากทะเลาะ ระหว่างนี้ ลูกพี่ลูกน้องดิฉัน แอบมากระซิบกับดิฉันว่า เคยแอบเห็นแฟนดิฉันคุยโทรศัพท์นานสองนาน
และในเดือนนี้ค่ะ ที่ความลับแตก สิ้นเดือนเป็นวันรับปริญญาของเค้า ก่อนหน้าวันปริญญาดิฉันแอบซื้อโทรศัพท์ ไอโฟน 4 ให้เค้า และเปลี่ยนซิมของเค้า ซึ่งจดทะเบียนโดยชื่อดิฉัน จากซิมธรรมดาเป็นมินิซิมสำหรับไอโฟน แล้วคิดว่าจะเอาไปเซอร์ไพรส์เค้าตอนเช้าตรู่ที่หอพัก (คืนนั้นดิฉันนอนบ้านญาติผู้ใหญ่เพราะต้องมาซื้อโทรศัพท์ค่ะ) แล้ววันรุ่งขึ้นตอนเย็นดิฉันจะเดินทางเข้า กทม ไปหาพี่สาวเค้า เพื่อซ้อมรับปริญญาวันสุดท้าย
เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันเดินเข้าหอพักเค้าด้วยอารมณ์แจ่มใส ไขประตูหอที่ล็อกเปิดเข้าไป..................เจอกับ ความว่างเปล่า ที่นอนพับไว้เรียบร้อย เสื้อผ้า ทุกอย่างปกติ ห้องน้ำไม่มีร่องรอยเพิ่งถูกอาบ พัดลมมอเตอร์ไม่ร้อน เหมือนกับว่าแฟนดิฉันไม่ได้นอนที่ห้อง.........แล้วเค้านอนที่ไหน ในใจเริ่มระแวง สับสน คิดมาก แต่มองโลกในแง่ดีค่ะ บ้างทีเค้าอาจจะออกไปเคลียร์งานที่บริษัทแต่เช้าเพราะต้องลาอีกหลายวันเพื่อซ้อมรับปริญญา แต่ว่าน้ำตามันค่อยๆไหลออกมา เซ้นส์บางอย่างบอกว่า มันไม่ปกติแล้ว
และเย็นวันนั้นดิฉันก็เดินทางเข้า กทม คนเดียว เค้าไม่เคยโทรหาดิฉันเลยทั้งวัน ในใจก็คิดว่า คงไปเจอกับที่บ้านพี่สาวเค้า
พอถึงบ้านพี่สาวเค้า ดิฉันพบแค่ แม่เค้า พี่สาว พี่สาวคนรอง แค่นั้น ในตอนนั้นดิฉันหรือใครๆ ก็ติดต่อเค้าไม่ได้ เพราะซิมโทรศัพท์อาจจะโดนตัดไปแล้ว เนื่องจากดิฉันได้เปลี่ยนซิมให้เค้า พอมาถึงบ้านพี่สาว ก็เปิดโทรศัพท์ของเค้าแล้วชาร์ตทิ้งไว้ พี่สาวของเค้าบอกกับดิฉันว่า แฟนดิฉันจะเข้าไปนอนที่บ้านพี่ชาย ไม่ได้มาบ้านเค้า (เหมือนเค้าพยายามหลบหน้าชั้นเลยค่ะ) ชั้นเลยบอกว่าพี่สาวแฟนว่าให้บอกเค้าด้วยว่า ซื้อโทรศัพท์มาให้เปลี่ยนซิมให้แล้วด้วย (ไม่เซอร์ไพรส์แล้วค่ะ อารมณ์หมด) และคืนนั้นเอง มีโทรศัพท์เข้ามากลางดึก เป็นเสียงผู้หญิง อูอี้เหมือนตื่นนอน
ผู้หญิง : อยู่ไหนแล้ว (น้ำเสียงเหมือนเพิ่งตื่นนอน)
ดิฉัน : โทรหาใครค่ะ
ผู้หญิง : ขอโทษทีค่ะ โทรผิด ตู๊ดๆๆๆๆ
แล้วสายก็ตัดไป
นอนไม่หลับสิค่ะ มีมูลอยู่แล้ว พยายามไม่คิดมาก แต่ สถานการณ์มันค่อนข้างเอื้ออำนวย
เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันตื่นนอน เพราะได้ยินเสียงข้อความจากไอโฟนเครื่องใหม่ของแฟน ข้อความจากเบอร์แปลก ประมาณว่า
"คิดถึงเอ๋อจังเลย อย่าลืมกินนมตอนเช้า" เท่านั้นแระค่ะ มันใช่ต้องใช่แน่ๆ
วันนั้นทั้งวันดิฉันพยายามโทรหาเบอร์แปลกนั้น จนในที่สุด เธอก็รับสาย ดิฉันจึงถามทุกคำถามที่อยากรู้ คาดคั้นให้ตอบ จนจับใจความที่มันบอกว่า
......ผู้หญิงอาศัยอยู่จังหวัดชายทะเล ไม่ได้อยู่ที่ทำงานเดียวกัน มาหาเพื่อนที่ทำงานเป็นลูกน้องของแฟนดิฉัน ก็เลยได้รู้จักกัน ได้คุยกัน ถูกใจเลยแลกเบอร์คุยกัน โดยมีเพื่อนผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่สื่อ เคยเจอกันแค่สองสามครั้ง กินข้าวเฉยๆ ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าแฟนดิฉันมีดิฉันอยู่แล้ว พยายามบอกว่า อย่าคิดมาก แฟนดิฉันรักดิฉันมาก เค้าไม่ได้คิดนอกใจ เป็นแค่เพื่อนกันเฉย แต่ค่ะแต่ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเค้าชอบแฟนดิฉัน (แต่บอกไม่ให้ดิฉันคิดมากแต่บอกว่าชอบแฟนดิฉัน) ....
ผู้หญิงคนนั้นคิดว่าดิฉัน กินหญ้าหรอค่ะ คิดว่าดิฉันเชื่อหรอว่าไม่ได้อยู่ทีเดียวกัน แต่ดิฉันก็รับฟังอย่างเดียว และในที่สุดดิฉันก็โทรหาแฟนติดในเบอร์เพื่อนเค้า คาดคั้นถามทุกอย่างแต่คำตอบที่เจ็บที่สุดคือ "เค้ารักผู้หญิงคนนั้น" แล้วดินฉันละ?? ดิฉันร้องไห้แบบคนเสียสติ พี่สาวคนรองและแม่แฟนได้ยิน ก็วิ่งมาหา ดิฉันวางสายและเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังทั้งน้ำตา รู้มั้ยค่ะ แม่แฟนให้ดิฉันมานอนที่ตักเค้า ลูบหัว พร้อมกับร้องไห้ไปพร้อมๆกับดิฉัน พี่สาวคนรองก็สลดที่ได้เห็นชั้นร้องไห้และเสียใจมากมาย
เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ ไม่นานเกินรอ................จะได้รู้ความจริงที่เค้าและผู้หญิงคนนั้นรวมหัวกันโกหกดิฉัน