“ภูเก็ต” เกิดจากความผิดพลาดของการเขียนมาจากคำว่า “ภูเก็จ” ซึ่งหมายถึง ภูเขาแก้ว
จังหวัดภูเก็ตได้ชื่อว่า เป็นไข่มุกอันดามัน ล้ำค่าของประเทศไทย เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดจนมีสภาพเป็นจังหวัดและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะแร่ดีบุก ประกอบกับมีสภาพภูมิศาสตร์ที่เป็นภูเขาทะเลเว้าแหว่ง ทำให้เกิดเป็นแนวหาดทรายที่สวยงาม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกในอดีต
ในอดีตเรื่อยมาจนถึงต้นศตวรรษ เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตมาจากรายได้หลักคือการทำเหมืองแร่ดีบุก ที่ทำรายได้เป็นเป็นกอบเป็นกำเป็นเงินมหาศาลให้กับจังหวัดภูเก็ตและคนภูเก็ต จนกระทั่งทรัพยากรธรรมชาติเริ่มร่อยหรอ อุตสาหกรรมเหมืองแร่จึงเริ่มซบเซาลงตามไปด้วย จึงเกิดอุตสาหกรรมใหม่เข้ามาทดแทน นั่นก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งก็ทำให้เกิดรายได้ทำเงินมหาศาลเป็นรายได้หลักหล่อเลี้ยงให้ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศ (ไม่นับรวมกรุงเทพฯ)
70% ของจังหวัดภูเก็ตมีสภาพภูมิศาสตร์เป็นที่ราบสูงหรือภูเขา อีก 30% เป็นที่ราบเชิงเขาและชายทะเล ดังนั้นสภาพภูมิศาตร์จึงไม่เหมาะกับการเพาะปลูกมากนัก การเพาะปลูกที่สำคัญคือ ยางพารากับสับปะรด ส่วนประมงคือการเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงหอยมุก ที่เข้ามาเสริมรายได้แต่ไม่มาก ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ในปัจจุบันนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนภูเก็ต ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวแทบทั้งสิ้น
ย้อนหลังลงไปประมาณ 10 ปี อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ขยายตัวแบบก้าวกระโดดในภูเก็ต นักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลก ต่างแห่แหนมาเยือนไข่มุกอันดามันอันเลื่องชื่อของมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้กันอย่างคึกคัก เป็นผลอันเนื่องมาจากการเปิดตัวประชาสัมพันธ์ขายแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนำเงินเข้าประเทศของภาครัฐจากคำว่า “Amazing Thailand”
แน่นอน เมื่อมีผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลกเป็นจำนวนมาก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แหล่งเอนเตอร์เทนเม้นท์ ต่างๆ ย่อมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดตามไปด้วย การเปิดกว้างให้คนต่างชาติได้สิทธิเข้ามาดำเนินธุรกิจได้อย่างง่ายดาย การควบคุมตัวบทกฎหมายที่หย่อนยาน การเห็นแก่ได้มากกว่าจิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวมของคนบางคน บางกลุ่ม บางพวก ....
สิ่งที่ตามมาเราจึงได้เห็นข่าวการต่อต้านแก๊งค์อิทธิพลต่างชาติที่เข้ามากอบโกยตักตวงผลประโยชน์ในแผ่นดินเกาะแก่งแห่งนี้ของคนท้องถิ่น ข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ ข่าวการค้ามนุษย์ การก่อเกิดแหล่งเสื่อมโทรม และมลพิษทางทะเล
ภูเก็ตในวันนี้ สถานที่ท่องเที่ยหลายแห่งในภูเก็ตกำลังจะกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรม ผู้คนมากหน้าหลายตาจากต่างถิ่น ต่างชาติ ต่างพากันขับรถไร้ระเบียบวินัยและไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง สถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงขึ้นทุกๆวัน รถขนเรือขึ้นมาวิ่งบนบกกีดขวางทางจราจร เป็นภาพที่เห็นจนชินตา สถิติอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ...
ภูเก็ตในวันนี้ จากน้ำทะเลที่เคยใสเป็นสีน้ำเงินเข้ม หาดทรายที่ขาวสะอาด กำลังจะกลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือ ชายหาดที่ดาดดื่นไปด้วยขยะมูลฝอย น้ำทะเลสีเขียวขุ่นติดคราบน้ำมันบางๆลอยอยู่บนผิวน้ำ ทางน้ำไหลจากบกลงทะเลสีคล้ำ .... และชายหาดที่กำลังร้างไร้นักท่องเที่ยว
หากปล่อยให้ภูเก็ตเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นาน ไข่มุกอันดามันแห่งนี้ ก็จะหมดความน่าสนใจจากนักท่องเที่ยว เพราะต่างก็เมินหน้ามองหาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจ สดใสสะอาด ปลอดภัย และดีกว่าเข้ามาแทน
แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง จังหวัดภูเก็ตและคนภูเก็ต จะเอาเงินจากที่ไหนมาหล่อเลี้ยงชีพ เพราะทรัพยากรธรรมชาติที่คนภูเก็ตได้อาศัยทำมาหากินอย่างสุขสบายมาตลอดชีวิต ได้สิ้นสลายไปหมดแล้ว กว่าจะพลิกฟื้นกลับมาได้ใหม่ อาจต้องใช้ระยะเวลาเป็นหลายชั่วอายุคน จังหวัดที่เคยมั่งคั่งที่สุด อาจต้องกลับกลายเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุด เพราะไม่มีแหล่งรายได้จากทางอื่นที่จะเข้ามาทดแทนได้เลยก็เป็นได้
........... เพราะรักภูเก็ตจึงต้องเขียน .........
* * * * จากเมืองที่มั่งคั่ง อาจกลายเป็นเมืองที่ยากจนที่สุดในประเทศ ... ภูเก็จ (บทความ) * * * *
“ภูเก็ต” เกิดจากความผิดพลาดของการเขียนมาจากคำว่า “ภูเก็จ” ซึ่งหมายถึง ภูเขาแก้ว
จังหวัดภูเก็ตได้ชื่อว่า เป็นไข่มุกอันดามัน ล้ำค่าของประเทศไทย เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดจนมีสภาพเป็นจังหวัดและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะแร่ดีบุก ประกอบกับมีสภาพภูมิศาสตร์ที่เป็นภูเขาทะเลเว้าแหว่ง ทำให้เกิดเป็นแนวหาดทรายที่สวยงาม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกในอดีต
ในอดีตเรื่อยมาจนถึงต้นศตวรรษ เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตมาจากรายได้หลักคือการทำเหมืองแร่ดีบุก ที่ทำรายได้เป็นเป็นกอบเป็นกำเป็นเงินมหาศาลให้กับจังหวัดภูเก็ตและคนภูเก็ต จนกระทั่งทรัพยากรธรรมชาติเริ่มร่อยหรอ อุตสาหกรรมเหมืองแร่จึงเริ่มซบเซาลงตามไปด้วย จึงเกิดอุตสาหกรรมใหม่เข้ามาทดแทน นั่นก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งก็ทำให้เกิดรายได้ทำเงินมหาศาลเป็นรายได้หลักหล่อเลี้ยงให้ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศ (ไม่นับรวมกรุงเทพฯ)
70% ของจังหวัดภูเก็ตมีสภาพภูมิศาสตร์เป็นที่ราบสูงหรือภูเขา อีก 30% เป็นที่ราบเชิงเขาและชายทะเล ดังนั้นสภาพภูมิศาตร์จึงไม่เหมาะกับการเพาะปลูกมากนัก การเพาะปลูกที่สำคัญคือ ยางพารากับสับปะรด ส่วนประมงคือการเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงหอยมุก ที่เข้ามาเสริมรายได้แต่ไม่มาก ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ในปัจจุบันนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนภูเก็ต ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวแทบทั้งสิ้น
ย้อนหลังลงไปประมาณ 10 ปี อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ขยายตัวแบบก้าวกระโดดในภูเก็ต นักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลก ต่างแห่แหนมาเยือนไข่มุกอันดามันอันเลื่องชื่อของมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้กันอย่างคึกคัก เป็นผลอันเนื่องมาจากการเปิดตัวประชาสัมพันธ์ขายแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนำเงินเข้าประเทศของภาครัฐจากคำว่า “Amazing Thailand”
แน่นอน เมื่อมีผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลกเป็นจำนวนมาก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แหล่งเอนเตอร์เทนเม้นท์ ต่างๆ ย่อมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดตามไปด้วย การเปิดกว้างให้คนต่างชาติได้สิทธิเข้ามาดำเนินธุรกิจได้อย่างง่ายดาย การควบคุมตัวบทกฎหมายที่หย่อนยาน การเห็นแก่ได้มากกว่าจิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวมของคนบางคน บางกลุ่ม บางพวก ....
สิ่งที่ตามมาเราจึงได้เห็นข่าวการต่อต้านแก๊งค์อิทธิพลต่างชาติที่เข้ามากอบโกยตักตวงผลประโยชน์ในแผ่นดินเกาะแก่งแห่งนี้ของคนท้องถิ่น ข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ ข่าวการค้ามนุษย์ การก่อเกิดแหล่งเสื่อมโทรม และมลพิษทางทะเล
ภูเก็ตในวันนี้ สถานที่ท่องเที่ยหลายแห่งในภูเก็ตกำลังจะกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรม ผู้คนมากหน้าหลายตาจากต่างถิ่น ต่างชาติ ต่างพากันขับรถไร้ระเบียบวินัยและไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง สถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงขึ้นทุกๆวัน รถขนเรือขึ้นมาวิ่งบนบกกีดขวางทางจราจร เป็นภาพที่เห็นจนชินตา สถิติอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ...
ภูเก็ตในวันนี้ จากน้ำทะเลที่เคยใสเป็นสีน้ำเงินเข้ม หาดทรายที่ขาวสะอาด กำลังจะกลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือ ชายหาดที่ดาดดื่นไปด้วยขยะมูลฝอย น้ำทะเลสีเขียวขุ่นติดคราบน้ำมันบางๆลอยอยู่บนผิวน้ำ ทางน้ำไหลจากบกลงทะเลสีคล้ำ .... และชายหาดที่กำลังร้างไร้นักท่องเที่ยว
หากปล่อยให้ภูเก็ตเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นาน ไข่มุกอันดามันแห่งนี้ ก็จะหมดความน่าสนใจจากนักท่องเที่ยว เพราะต่างก็เมินหน้ามองหาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจ สดใสสะอาด ปลอดภัย และดีกว่าเข้ามาแทน
แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง จังหวัดภูเก็ตและคนภูเก็ต จะเอาเงินจากที่ไหนมาหล่อเลี้ยงชีพ เพราะทรัพยากรธรรมชาติที่คนภูเก็ตได้อาศัยทำมาหากินอย่างสุขสบายมาตลอดชีวิต ได้สิ้นสลายไปหมดแล้ว กว่าจะพลิกฟื้นกลับมาได้ใหม่ อาจต้องใช้ระยะเวลาเป็นหลายชั่วอายุคน จังหวัดที่เคยมั่งคั่งที่สุด อาจต้องกลับกลายเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุด เพราะไม่มีแหล่งรายได้จากทางอื่นที่จะเข้ามาทดแทนได้เลยก็เป็นได้
........... เพราะรักภูเก็ตจึงต้องเขียน .........