REVIEW : When Marnie Was there
เพราะว่าฉากหน้าของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกย้อมด้วยสีม่วงจนชวนให้เข้าใจผิด ราจึงขอนิยามภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก สีม่วงบลูเบอร์รี่ที่ดูเผินๆเหมือนจะชวนให้คิดไปทางอื่น แต่ความจริงสีม่วงของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นความรักสีม่วง แต่อาจเป็นบาดแผลสีช้ำม่วงๆจางๆที่เราอาจเคยมีเมื่อตอนเป็นเด็กก็เป็นได้
ภาพยนตร์เล่าผ่านมุมมองของอันนา เด็กสาวผมสั้น ตาสีน้ำเงิน ที่มีปัญหาในการเข้าสังคม เนื่องจากพื้นหลังครอบครัวที่ไม่ปกติ จนทำให้เธอคิดว่าเธออยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้ อันนาจึงเลือกที่ขีดวงกลมของตัวเองขึ้นมาออกนอกจากสังคม แล้วขังตัวเองไว้ในนั้น
ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันตัวเอง และอีกส่วนคงเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองไปทำร้ายใคร
แม้อันนาพยายามหลีกหนีสังคม แต่ๆลึกเธอเองก็ถวิลหาการยอมรับ คำอธิษฐานที่เธอเขียนคือ
การอยากเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นเขาเท่านั้นเอง
มาร์นี่คือเด็กผู้หญิงที่เหมือนเป็นด้านตรงข้ามของอันนา เธอมีผมบลอนด์ยาวสลวย บุคลิกร่าเริงเปิดเผยจริงใจ เป็นคุณสมบัติที่อันนาไม่มี หรือบางทีอาจเป็นคุณสมบัติที่อันนาอยากจะมีก็เป็นได้
แม้จะเป็นส่วนผสมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดีราวกับครีมชีสที่ตีมาอย่างเนียนๆ
อันนาและมาร์นี่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว นี่อาจเป็นครั้งแรกที่อันนาเปิดใจให้ใครสักคน เธอได้กลายเป็นเด็กธรรมดา อย่างที่ตัวเองเคยฝัน มีเพื่อนไว้เล่นซ่อนหา ร่วมกันกลั่นแกล้งแม่นมใจร้าย ออกไปพายเรือเก็บดอกไม้ด้วยกันในยามค่ำคืน บอกเล่าความลับให้ใครสักคนได้ฟัง
แต่อย่างไรก็ดี บทสนทนาของอันนาและมาร์นี่อาจจะดูหนักครีมชีสจนเลี่ยนไปเสียหน่อย เช่น
“เธอเหมือนคนที่ฉันเจอในความฝันเปี๊ยบเลย”
“นี่สัญญากับฉันหน่อยสิ ว่าจะเก็บเรื่องของเราเป็นความลับตลอดไป”
“ฉันยกโทษให้ เพราะว่าฉันชอบเธอ”
บอกเราสิ ว่าอ่านแล้วไม่คิดอะไรกัน ?
จนสุดเมื่อหนังดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย รสชาติหวานของบลูเบอร์รี่ และครีมชีสที่หวานเลี่ยนก็ถูกกำจัดออกไป เหลือเพียงแต่รสชาติเค็มปะแล่มของแครกเกอร์
รสชาติของน้ำตา
ถ้าคุณเคยมีรอยช้ำสีม่วงจางๆในใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกดทับลงไปในรอยนั้น ให้คุณรู้สึกเจ็บเบาๆ หรืออย่างหนัก ก็คงต้องมีการเสียน้ำตากันบ้าง คุณอาจเคยเจออันนาหรือมาร์นี่ หรือทั้งสองคนนั่นแหละ จนกระทั่งคุณได้มาดูภาพยนตร์ของGhilbli เรื่องนี้ คุณอาจจะระลึกว่า จริงๆแล้วคุณไม่ได้แค่เจอ คุณอาจเป็นเคยเป็นสองคนนั้นมาก่อนด้วยซ้ำ
ขอให้อร่อยกับบลูเบอร์รี่ชีสเค้กเรื่องนี้นะคะ
*คำเตือน : ถ้าคุณเคยกินข้าวคนเดียวที่โรงเรียน คุณไม่ควรดูหนังเรื่องนี้คนเดียว ความอ้างว้างอาจฆ่าคุณได้*
REVIEW : When Marnie Was there, หนังสีม่วงบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก
เพราะว่าฉากหน้าของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกย้อมด้วยสีม่วงจนชวนให้เข้าใจผิด ราจึงขอนิยามภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก สีม่วงบลูเบอร์รี่ที่ดูเผินๆเหมือนจะชวนให้คิดไปทางอื่น แต่ความจริงสีม่วงของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นความรักสีม่วง แต่อาจเป็นบาดแผลสีช้ำม่วงๆจางๆที่เราอาจเคยมีเมื่อตอนเป็นเด็กก็เป็นได้
ภาพยนตร์เล่าผ่านมุมมองของอันนา เด็กสาวผมสั้น ตาสีน้ำเงิน ที่มีปัญหาในการเข้าสังคม เนื่องจากพื้นหลังครอบครัวที่ไม่ปกติ จนทำให้เธอคิดว่าเธออยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้ อันนาจึงเลือกที่ขีดวงกลมของตัวเองขึ้นมาออกนอกจากสังคม แล้วขังตัวเองไว้ในนั้น
ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันตัวเอง และอีกส่วนคงเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองไปทำร้ายใคร
แม้อันนาพยายามหลีกหนีสังคม แต่ๆลึกเธอเองก็ถวิลหาการยอมรับ คำอธิษฐานที่เธอเขียนคือ
การอยากเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นเขาเท่านั้นเอง
มาร์นี่คือเด็กผู้หญิงที่เหมือนเป็นด้านตรงข้ามของอันนา เธอมีผมบลอนด์ยาวสลวย บุคลิกร่าเริงเปิดเผยจริงใจ เป็นคุณสมบัติที่อันนาไม่มี หรือบางทีอาจเป็นคุณสมบัติที่อันนาอยากจะมีก็เป็นได้
แม้จะเป็นส่วนผสมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดีราวกับครีมชีสที่ตีมาอย่างเนียนๆ
อันนาและมาร์นี่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว นี่อาจเป็นครั้งแรกที่อันนาเปิดใจให้ใครสักคน เธอได้กลายเป็นเด็กธรรมดา อย่างที่ตัวเองเคยฝัน มีเพื่อนไว้เล่นซ่อนหา ร่วมกันกลั่นแกล้งแม่นมใจร้าย ออกไปพายเรือเก็บดอกไม้ด้วยกันในยามค่ำคืน บอกเล่าความลับให้ใครสักคนได้ฟัง
แต่อย่างไรก็ดี บทสนทนาของอันนาและมาร์นี่อาจจะดูหนักครีมชีสจนเลี่ยนไปเสียหน่อย เช่น
“เธอเหมือนคนที่ฉันเจอในความฝันเปี๊ยบเลย”
“นี่สัญญากับฉันหน่อยสิ ว่าจะเก็บเรื่องของเราเป็นความลับตลอดไป”
“ฉันยกโทษให้ เพราะว่าฉันชอบเธอ”
บอกเราสิ ว่าอ่านแล้วไม่คิดอะไรกัน ?
จนสุดเมื่อหนังดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย รสชาติหวานของบลูเบอร์รี่ และครีมชีสที่หวานเลี่ยนก็ถูกกำจัดออกไป เหลือเพียงแต่รสชาติเค็มปะแล่มของแครกเกอร์
รสชาติของน้ำตา
ถ้าคุณเคยมีรอยช้ำสีม่วงจางๆในใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกดทับลงไปในรอยนั้น ให้คุณรู้สึกเจ็บเบาๆ หรืออย่างหนัก ก็คงต้องมีการเสียน้ำตากันบ้าง คุณอาจเคยเจออันนาหรือมาร์นี่ หรือทั้งสองคนนั่นแหละ จนกระทั่งคุณได้มาดูภาพยนตร์ของGhilbli เรื่องนี้ คุณอาจจะระลึกว่า จริงๆแล้วคุณไม่ได้แค่เจอ คุณอาจเป็นเคยเป็นสองคนนั้นมาก่อนด้วยซ้ำ
ขอให้อร่อยกับบลูเบอร์รี่ชีสเค้กเรื่องนี้นะคะ
*คำเตือน : ถ้าคุณเคยกินข้าวคนเดียวที่โรงเรียน คุณไม่ควรดูหนังเรื่องนี้คนเดียว ความอ้างว้างอาจฆ่าคุณได้*