แต่ก่อนห้องราชดำเนินเรื่องการเมือง อ่านแล้วสนุกมากครับ มีคนตั้งข้อสังเกตุ มีคนเอาหลักฐานมาแย้ง เมื่อมีหลักฐาน ก็ยอมรับในหลักฐาน เถียงกันแบบมิตรภาพ เถียงกันจบแล้วก็จบ ไปถียงกันเรื่องประเด็นใหม่ต่อไป
แต่หลังจากที่มีปรากฏการณ์ ม็อบเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ขึ้นมา ห้องราชดำเนินก็เปลี่ยนไป ฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมรับเหตุผลข้อโต้แย้งของอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานก็ตามที โดยจะฝังใจในข้อมูลของฝ่ายตัวเองอย่างฝังใจข้อโต้แย้งต่าง ๆ จึงเหมือนกับไร้ความหมายในทันที
พูดง่าย ๆ คือ ในช่วงฝ่ายใดกำลังมาแรง คนที่เห็นต่าง(ที่อยู่ตรงกลาง) จะถูกผลักไสให้เป็นอีกฝ่ายในทันที เมื่อถูกผลักไสมาก ๆ เข้า คนที่เป็นกลาง เลยกลายเป็น สลิ่ม-แดง โดยไม่รู้ตัวในทันที กลายเป็นการเถียงกันแบบบ้า ๆ บอ ๆ ไร้ซึ่งเหตุผล วัน ๆ เอาแต่ข้อมูลเท็จ บิดเบือนมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม หลักฐานข้อโต้แย้งต่าง ๆ ไม่ต้องพูดถึง อาจจำนนในกระทู้นี้ก็จบไป แต่...กระทู้หน้าเอามาเล่าใหม่ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่รู้จบ
เหลือที่ว่างให้คนตรงกลางเอาไว้ด้วยเถอะครับ อย่าผลักไสคนเห็นต่าง ต้องไปเป็น สลิ่ม-แดง เลยครับ ถ้าเกิดมีคนเห็นต่างควรอธิบายให้เขาเข้าใจครับ แล้วคนที่เข้าใจแล้วก็อย่าไปตั้งกระทู้ใหม่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เลยครับ
ห้องราชดำเนิน แดง-สลิ่ม มาจากไหน
แต่หลังจากที่มีปรากฏการณ์ ม็อบเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ขึ้นมา ห้องราชดำเนินก็เปลี่ยนไป ฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมรับเหตุผลข้อโต้แย้งของอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานก็ตามที โดยจะฝังใจในข้อมูลของฝ่ายตัวเองอย่างฝังใจข้อโต้แย้งต่าง ๆ จึงเหมือนกับไร้ความหมายในทันที
พูดง่าย ๆ คือ ในช่วงฝ่ายใดกำลังมาแรง คนที่เห็นต่าง(ที่อยู่ตรงกลาง) จะถูกผลักไสให้เป็นอีกฝ่ายในทันที เมื่อถูกผลักไสมาก ๆ เข้า คนที่เป็นกลาง เลยกลายเป็น สลิ่ม-แดง โดยไม่รู้ตัวในทันที กลายเป็นการเถียงกันแบบบ้า ๆ บอ ๆ ไร้ซึ่งเหตุผล วัน ๆ เอาแต่ข้อมูลเท็จ บิดเบือนมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม หลักฐานข้อโต้แย้งต่าง ๆ ไม่ต้องพูดถึง อาจจำนนในกระทู้นี้ก็จบไป แต่...กระทู้หน้าเอามาเล่าใหม่ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่รู้จบ
เหลือที่ว่างให้คนตรงกลางเอาไว้ด้วยเถอะครับ อย่าผลักไสคนเห็นต่าง ต้องไปเป็น สลิ่ม-แดง เลยครับ ถ้าเกิดมีคนเห็นต่างควรอธิบายให้เขาเข้าใจครับ แล้วคนที่เข้าใจแล้วก็อย่าไปตั้งกระทู้ใหม่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เลยครับ