ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีเพื่อนๆ ชาวบลูแพลนเน็ตทุกคน
เพราะนี่คือกระทู้รีวิวการเดินทางกระทู้แรกของพลอยเลย
ด้วยความที่เด็กสถาปัตย์อย่างพวกเราเรียนเหนื่อย เรียนหนัก งานเยอะ กันมามาก
ก่อนส่งงานเราก็วางแผนกับเพื่อนๆอีก 3 คน ว่าจะไปเที่ยวกันก่อนแยกย้ายกลับบ้าน
ทุกคนลงความเห็นกันว่า"เชียงใหม่นี่แหละ" แบบว่าสวนกระแสมากมาย
คนอื่นเขาไปทะเลกันนะ หน้าร้อนแบบนี้ ต้องตีโปงในน้ำสิ 555+
ว่าแล้วจะรออะไร ส่งงานเสร็จวันที่ 7 เราก็ออกเดินทางด้วยรถไฟตอนรอบหนึ่งทุ่มยี่สิบเอ็ดของวันนั้นเลย
-----
เราเดินทางกันระหว่งวันที่ 7-9 พฤษภาคม 2558 เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
คืนแรกเราหลับกันบนรถไฟ / คืนที่สองเราพักกันที่เกสท์เฮ้าส์
7 พฤษภาคม 2558
เวลาหนึ่งทุ่มตรงสี่สหายอย่างเราก็มาถึงสถานีรถไฟฟ้าพิษณุโลก ขบวนรถไฟที่เราต้องขึ้นคือ ขบวนที่ 109
ซึ่งมันเป็นรถเร็ว เราเลือกนั่งกันแบบชั้น 2 ที่นั่งพัดลม ราคา 260 บาท รอบ 19.21 น.
แต่ได้ขึ้นรถไฟกันจริงๆก็ประมาณสองทุ่มเห็นจะได้ และด้วยความที่มันมืดแล้วรูปช่วงนี้เลยไม่มีเลย
บนรถไฟมีแต่คนขายของ (ขายจริงๆคะ) แน่นอนว่าต้องมีหมดค่าของกินบนรถไฟกันบ้าง
ส่วนตัวพลอยหมดไปกับค่าข้าวกระเพรา 35 บาท ซาลาเปา 15 บาท น้ำเปล่า 10 บาท เพื่อนๆคนอื่นก็แล้วแต่ท้องจะเรียกร้อง
8 พฤษภาคม 2558
ตื่นๆ กินๆ นอนๆ นั่งๆ เล่นๆ หลับๆ ลืมตามาอีกที่ ถึงเชียงใหม่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเวลา 04.05 น.
เดินเบลอๆ จ่าย 3 บาท ล้างหน้า แปรงฟัน มานั่งกันมึนๆ ไปไหนดีล่ะ (ทริปนี้ไม่มีแผนตอนมาถึงเท่าไหร่)
นั่งคิดๆกันสักพัก เออ นั่งรถไปกินโจ๊กกันที่ตลาดเช้าก่อนล่ะกัน ค่ารถแดงไปตลาดเช้า 30 บาท ค่าโจ๊กหมูมื้อแรกของวัน 30 บาท
อิ่มท้องปุบก็แอบเดินเข้าตลาดได้ดอกไม้มาสองกำในราคา 20 บาท
ก่อนจะเหมาพี่รถแดงขึ้นดอยสุเทพ ราคา 100 บาท (แอบน้ำตาจิไหล ท่องไว้ว่าไม่คงไม่แพง เพราะระยะทางมันไกลจริงๆ)
ถึงดอยสุเทพสี่สหายเริ่มกระโดดลงจากรถแทบไม่ทัน มึนหัวชวนอ้วกมาก คนขับแกแว๊นมาก
แต่ก็ยังชื่นใจ บนดอยอากาศตอนเช้าไม่ร้อนเลย ท้องฟ้าก็สวย
เดินๆ วิ่งๆ นั่งเล่นกับน้องหมา จขกท. ก็ลากเพื่อนมาถ่ายรูปให้เราหนึ่งที ซึ่งออกมาหน้านิ่งเกินไปแล้ว 555
เดินๆวิ่งๆ ขึ้นบันได มาถึงก็ไหว้พระ แยกย้ายกันถ่ายรูปไปเรื่อยเลย
ไหว้หลวงพ่อทันใจ เราก็ขอไปว่าให้การเดินทางครั้งนี้สนุกและปลอดภัย
แล้วก็มามนัสการพระบรมธาตุกัน เดินวนๆ
ระฆังถูกเรียงกันอย่างสวยงาม
หลังตีระฆังเสร็จก็ไปนั่งพัก เดินผ่านน้องหมา ก็ขอแชะมาสักรูป ซึ่งนางก็นิ่งมากเลย น่ารักจริงๆ
ก็มั่วแต่เดินๆ เล่นๆ เลยไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองตอนอยู่ในวัดเลย มาจ๊ะเอ๋ อ้าวเพื่อนแอบถ่ายเรามานิน่า 555 รูปเดียวจริงๆ
หลังจากเดินลงมาจากวัดเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเข้าไปตกลงกับลุงที่น่ารักและใจดี
เราทำการตกลงเป็นที่เรียบร้อยว่าลุงจะไปส่งเราที่
จุดชมวิว / ดอยปุย / พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ / วัดอุโมงค์ / วัดร่ำเปิง (โครงการบ้างข้างวัด)
ค่ารถเหมา ราคา 800 บาท เฉลี่ยคนละ 200 บาท
และในแต่ละจุดคุณลุงแกไม่เคยเร่งเวลาเราเลย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก
มองเห็นภูเขาหลายลูกเลย อากาศก็ดี จำได้ว่าตอนถึงจุดชมวิว พึ่งจะแปดโมงเห็นจะได้
มองลงไปเห็นถึงหมู่บ้านดอยปุยกันเลย
ตอนนั่งรถขึ้นมานี่ แอบหวาดเสียว ถนนนิดเดียวเอง แต่คุณลุงก็ขับมาส่งอย่างปลอดภัย
แล้วสามสาวก็ลากกันมาแชะรูปก็ไว้ให้ลูกหลานดูกันอีกหนึ่งที
ถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ คุณลุงก็พาเราขับย้อนมาเข้าหมู่บ้ายดอยปุย
ตอนที่เราไปมันยังสายๆอยู่เลย นักท่องเที่ยวเลยยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่
เด็กๆก็ยังไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นให้เราเห็นมากนัก แต่ดอกไม้นี่บานให้เราทุกดอกจริงๆ
ระหว่างทางเดินขึ้นไปชมดอกไม้ ก็มีร้านยิงหน้าไม้ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายกำไล และอื่นๆมากมาย
เจอหนุ่มน้อยกำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นกันอยู่ เล่นแอบถ่ายมาซะเลย
มาถึงต้องจุดนี้ หน้าทางเข้าก็จะมีเด็กๆมาถ่ายรูปด้วย
ดอกไม้สวยๆมันมีอีกเยอะแย่มากมายเลย ขึ้นมาก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
ลงจากดอยปุยมา ก็มุ่งหน้ามาสู่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ
ซึ่งเจอกับประชากรจีนเยอะมาก และชาวญี่ปุ่นอีกนิดหน่อย แต่เราก็ได้แต่มองแล้วก็ปล่อยผ่านไป
เพราะเราก็มาเที่ยวของเราเหมือนกันนิน่า
เริ่มต้นจากทางเข้า เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอดอกไม้กับดอกไม้
และแน่นอนว่าแดดเริ่มออก เหงื่อก็เริ่มออก แต่พวกเราด็เดินอย่างใจเย็น
รู้สึกเหมือนเดิมเป็นวงกลม เดินทะลุผ่านโดมที่เป็นกระจกๆ มีดอกไม้เยอะเลย ผ่านแปลงกุหลาบ
ที่ตอนนั้นกำลังมีลุงๆป้าๆมาดูแลอย่างเบามือ
ก่อนจะเดินขึ้น แล้วก็มาแชะภาพกันอีกหนึ่งที
คนนี้ก็คือผู้บ่าวที่เป็นตากล้องให้สาวๆนั่นแหละ นางบอกของสักแชะสิ 555
เป็นเกิร์ลกรุ๊ปกันสักพัก ก็เดินต่อมาเรื่อยๆ จนสิบเอ็ดโมง
สี่สหายก็ตกลงกันมาเราควรเดินออกกันสักที
[CR] ทริปฉุกเฉิน // ร้อนนี้ ... ที่เชียงใหม่
เพราะนี่คือกระทู้รีวิวการเดินทางกระทู้แรกของพลอยเลย
ด้วยความที่เด็กสถาปัตย์อย่างพวกเราเรียนเหนื่อย เรียนหนัก งานเยอะ กันมามาก
ก่อนส่งงานเราก็วางแผนกับเพื่อนๆอีก 3 คน ว่าจะไปเที่ยวกันก่อนแยกย้ายกลับบ้าน
ทุกคนลงความเห็นกันว่า"เชียงใหม่นี่แหละ" แบบว่าสวนกระแสมากมาย
คนอื่นเขาไปทะเลกันนะ หน้าร้อนแบบนี้ ต้องตีโปงในน้ำสิ 555+
ว่าแล้วจะรออะไร ส่งงานเสร็จวันที่ 7 เราก็ออกเดินทางด้วยรถไฟตอนรอบหนึ่งทุ่มยี่สิบเอ็ดของวันนั้นเลย
คืนแรกเราหลับกันบนรถไฟ / คืนที่สองเราพักกันที่เกสท์เฮ้าส์
ซึ่งมันเป็นรถเร็ว เราเลือกนั่งกันแบบชั้น 2 ที่นั่งพัดลม ราคา 260 บาท รอบ 19.21 น.
แต่ได้ขึ้นรถไฟกันจริงๆก็ประมาณสองทุ่มเห็นจะได้ และด้วยความที่มันมืดแล้วรูปช่วงนี้เลยไม่มีเลย
บนรถไฟมีแต่คนขายของ (ขายจริงๆคะ) แน่นอนว่าต้องมีหมดค่าของกินบนรถไฟกันบ้าง
ส่วนตัวพลอยหมดไปกับค่าข้าวกระเพรา 35 บาท ซาลาเปา 15 บาท น้ำเปล่า 10 บาท เพื่อนๆคนอื่นก็แล้วแต่ท้องจะเรียกร้อง
เดินเบลอๆ จ่าย 3 บาท ล้างหน้า แปรงฟัน มานั่งกันมึนๆ ไปไหนดีล่ะ (ทริปนี้ไม่มีแผนตอนมาถึงเท่าไหร่)
นั่งคิดๆกันสักพัก เออ นั่งรถไปกินโจ๊กกันที่ตลาดเช้าก่อนล่ะกัน ค่ารถแดงไปตลาดเช้า 30 บาท ค่าโจ๊กหมูมื้อแรกของวัน 30 บาท
ก่อนจะเหมาพี่รถแดงขึ้นดอยสุเทพ ราคา 100 บาท (แอบน้ำตาจิไหล ท่องไว้ว่าไม่คงไม่แพง เพราะระยะทางมันไกลจริงๆ)
แต่ก็ยังชื่นใจ บนดอยอากาศตอนเช้าไม่ร้อนเลย ท้องฟ้าก็สวย
เดินๆ วิ่งๆ นั่งเล่นกับน้องหมา จขกท. ก็ลากเพื่อนมาถ่ายรูปให้เราหนึ่งที ซึ่งออกมาหน้านิ่งเกินไปแล้ว 555
เราทำการตกลงเป็นที่เรียบร้อยว่าลุงจะไปส่งเราที่
จุดชมวิว / ดอยปุย / พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ / วัดอุโมงค์ / วัดร่ำเปิง (โครงการบ้างข้างวัด)
ค่ารถเหมา ราคา 800 บาท เฉลี่ยคนละ 200 บาท
และในแต่ละจุดคุณลุงแกไม่เคยเร่งเวลาเราเลย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก
มองลงไปเห็นถึงหมู่บ้านดอยปุยกันเลย
ถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ คุณลุงก็พาเราขับย้อนมาเข้าหมู่บ้ายดอยปุย
ตอนที่เราไปมันยังสายๆอยู่เลย นักท่องเที่ยวเลยยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่
เด็กๆก็ยังไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นให้เราเห็นมากนัก แต่ดอกไม้นี่บานให้เราทุกดอกจริงๆ
ซึ่งเจอกับประชากรจีนเยอะมาก และชาวญี่ปุ่นอีกนิดหน่อย แต่เราก็ได้แต่มองแล้วก็ปล่อยผ่านไป
เพราะเราก็มาเที่ยวของเราเหมือนกันนิน่า
และแน่นอนว่าแดดเริ่มออก เหงื่อก็เริ่มออก แต่พวกเราด็เดินอย่างใจเย็น
ที่ตอนนั้นกำลังมีลุงๆป้าๆมาดูแลอย่างเบามือ
ก่อนจะเดินขึ้น แล้วก็มาแชะภาพกันอีกหนึ่งที
สี่สหายก็ตกลงกันมาเราควรเดินออกกันสักที
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น