ประสบการณ์สุดประทับใจนั่งรถไฟฟรีเที่ยวเชียงใหม่ (1-4 พ.ค. 57)

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวพันทิป นี่เป็นครั้งแรกของเจ้าของกระทู้ที่จะมาเล่าถึงประสบการณ์สุดประทับใจในการนั่งรถไฟฟรีไปเชียงใหม่ เจอทั้งร้อน หนาว หลงทาง ผิดแผน แต่ก็สนุกมากเลยค่ะ ^ ^ อมยิ้ม04

เราชวนน้องแบกเป้เที่ยวกันทั้งหมด 5 คนรวมตัวเราด้วย เราบอกกับน้องทุกคนก่อนเลยว่า นั่งรถไฟฟรีนะ 555 ให้เขาทำใจกันก่อน (น้องๆ บอกว่าโอเคเลยค่ะพี่หนูก็อยากเที่ยวแบบนี้เหมือนกัน) เราก็เลยโล่งใจ แผนการเที่ยวของเราคือวันที่ 1-4 พ.ค. 57 เที่ยวแค่ในตัวเมืองบวกกับไหว้พระ และขี่มอไซเล่นไปเรื่อยๆ

วันแรก 1-05-57 นัดกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงตอน 10.30 น. เพื่อที่จะรีบจองตั๋วรถไฟฟรีกัน  เมื่อพร้อมหน้ากันก็รีบวิ่งไปจองตั๋วฟรีโดยการโชว์บัตรประชาชนเพื่อแลกกับตั๋วค่ะ พวกเราได้ตั๋วเป็นรถเร็วขบวนที่ 109 กรุงเทพ-เชียงใหม่ (รถไฟฟรี) ออกจากกรุงเทพตอน 12.45 น.  ถึงเชียงใหม่ 04.05 น. ตอนที่แลกตั๋วเลยถามพี่คนที่จ่ายตั๋วว่ารถไฟจะมากี่โมงคะ พี่เขาบอกว่า สัก 11.00 น ก็ลองเดินมาดูที่ชานชาลาได้แล้ว




จากนั้นเราก็ไปหาอะไรรองท้องกันก่อนเดินทาง 10.45 น. ก็ลองเดินมาดู และมีเสียงประกาศว่า รถไฟกรุงเทพ-เชียงใหม่ ขบวนที่ 109 จะเข้าชานชาลาแล้ว เราและน้องก็รีบเดินมองหาตู้ที่ 7 แล้วขึ้นไปจองที่กัน (ตั๋วฟรีก็บุ๊คที่ไว้ให้เรานะคะ แต่กันพลาด ^ ^) อยากจะบอกว่าขึ้นไปนั่งจองที่เป็นอะไรที่ค่อนข้างร้อนมาก เพราะว่ารถไฟยังไม่ออก อับลม และแดดค่อนข้างแรง เราก็นั่งกันบนนั้นแหละค่ะ ผลัดกับน้องๆ ลงไปรับลมกัน กว่าจะ 12.45 น. พี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ ก็เริ่มจะขึ้นมานั่งและจองที่กันบ้างแล้วววว






ยายคนนี้ไม่มีที่นั่งค่ะ เพราะตั๋วไม่ได้บุ๊คที่ไว้ให้ เพราะยายแกลงรังสิต เลยมาชวนน้องเราคุย (มิตรภาพนี่มีได้ทุกวัยจริงๆ อมยิ้ม36)


พอได้เวลารถไฟก็เริ่มออกจากสถานีสารภาพเลยว่าเราเหมือนเด็กมาก ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวด้วยการนั่งรถไฟนี่หล่ะ เรามองหน้าน้องๆ แล้วเดาถูกเลยว่าน้องต้องร้อนมากแน่ๆ เราคิดในใจว่าอีกนิดเดียวนะ เดี๋ยวแดดก็ร่มแล้ว



จากกรุงเทพ-อยุธยา-ลพบุรี ประมาณ 15.30 น. พ่อของเราก็มาส่งน้ำเป็ปซี่ใส่น้ำแข็ง และพวกของกินมาให้ที่สถานีลพบุรี (พ่อเจ้าของเราอยู่ลพบุรีค่ะ) ตอนนั้นเหมือนได้กินอะไรที่ชื่นใจมากๆๆ เพราะแดดตอนเวลาบ่าย 3 ค่อนข้างจะแรงเป็นพิเศษ




เลยลพบุรีมาสักพักก็เข้าสู่ นครสวรรค์ แดดร่มแถมลมเย็นๆ ก็เริ่มมาแล้ว รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ ก็เข้าสู่ พิจิตร – พิษณุโลก หลังจากผ่านพิษณุโลกมาแล้วขอบอกเลยว่าเวลาผ่านไปไวมาก มาถึงอุตรดิตถ์-ศิลาอาสน์-เด่นชัย (คนเริ่มน้อย) – ลำปาง –ขุนตาน – ลำพูน – จนถึงปลายทางเชียงใหม่วันที่ 02-05-2557 เวลา 05.15 น. เลทไปชั่วโมงกว่าๆ (เราไม่ได้หลับเลยเพราะว่าตื่นเต้นมากกกก และอากาศก็หนาวมากกกกก)

วันที่ 02-05-2557 ลงมาจากรถไฟก็จะมีวินรถแดงคอยมาเรียก เราก็เลยลองถามราคาไปว่าถ้าไปเที่ยวดอยสุเทพ ดอยปุย เท่าไหร่คะ เขาก็บอกว่า 5 คน 1,500 บาท (ตกคนละ 300) เราก็เลยยังไม่ตกลงอะไรแล้วไปซื้อตั๋วรถไฟขากลับก่อน (ได้กลับวันที่ 4-05-2557 รถด่วนรอบ 17.30 ถึง กรุงเทพ 8.35 น. ราคา 270 บาท ชั้น 3) แล้วค่อยมาเรียกรถแดงไปฝากของที่โรงแรมก่อน เราจองไว้ที่ B2 Green ตรงถนนห้วยแก้ว ลุงคิดหัวละ 40 บาท แล้วก็ฝากนามบัตรไว้ให้กับเราว่าถ้าสนใจเที่ยวโทรหาลุงเดี๋ยวลุงจะแถมพาเที่ยวที่อื่นด้วย เราก็รับมาแล้วเข้า รร. บอกว่ามาฝากของ ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมบอกว่า ตอนนี้ห้องว่างอยากจะเช็คอินเลยมั้ย (6.00 น.) โดยไม่มีการชาร์จเพิ่มนะคะ เรารีบตกลงแล้วแยกย้ายกันไปอาบน้ำ แล้วโทรนัดลุงให้มารับตอน 8.00 น. ให้พาเที่ยวพระธาตุดอยสุเทพ – ดอยปุย – ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์




ที่พระธาตุดอยสุเทพ จะมีพี่ผู้ชายคนนึงคอยแนะนำค่ะว่าควรทำอะไรยังไง ดีมากๆ เลย ขอบคุณมากนะคะ อมยิ้ม17


ก่อนจะไปดอยปุยเลยได้ถ่ายรูปกับเด็กชาวเขา แค่เรียกว่า พี่คนสวยคะ เราก็ถ่ายแล้วแหละค่ะ อมยิ้ม16




บนดอยปุยอากาศดีมากเลยค่ะ อดไม่ได้ที่จะใส่ชุดชาวเขาถ่ายรูปกับเค้าด้วย อมยิ้ม29


ลงจากดอยมาประมาณเที่ยงนิดๆ เราเลยให้ลุงพาเที่ยววัดต่อ แต่ลุงคนขับเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ขับรถแบบเบรกรัวมากก ปาดไปปาดมา เลยตัดสินใจกับน้องๆ ว่ากลับที่พักเถอะไปพักกัน แล้วเย็นๆ ค่อยออกมาเที่ยวกันเอง ก็เลยให้ลุงขับมาส่งที่ รร. ลุงถามว่าทำไมไม่ไปต่อหล่ะ (นี่ลุงยังไม่รู้ตัวอีกหรออออ) เราก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วเดินออกมาเลย

หลังจากพักผ่อนกันแล้วตกเย็นก็โทรบอกกับ จนท. รร. ว่าจะเช่ามอเตอร์ไซ เขาก็โทรตามให้ 3 คัน ทิ้งบัตรประชาชนไว้กับที่ร้านแล้วพอคืนรถเขาก็เอาบัตรมาคืนให้ค่ะ พอได้มอไซแล้วก็ถึงเวลาออกแว๊นกันแล้วหล่ะ ตอนแรกตั้งใจจะไปขี่รถเล่นใน มช. แต่หลงทางกันแบบไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ก็เลยตัดสินใจไปหาข้าวกินที่ถนนนิมมานแทนแล้วกัน ร้านที่เลือกไว้ตั้งแต่แรกเลยคือร้านต๋อง นิมมานซอย 13 บรรยากาศร้านสบายๆ เปิดเพลงเพราะดี อาหารพื้นเมืองก็น่ากินมากๆ ร้านนี้เราปลื้มเลยหล่ะ บิลออกมาก็ตกใจ คนละ 120 บาท ถูกมากกก


กับข้าวมีทั้งหมด 5 อย่างค่ะ แต่อดไม่ไหวเลยขอแชะภาพซะก่อน


มีเพื่อนมาทักทายซะด้วย


หลังจากมื้อหลักก็ไปหาร้านนมกินกัน มาจบที่ร้านสวนนม นิมมานซอย 6 ร้านน่ารักบรรยากาศโอเคเลยค่ะ ในระหว่างที่กินกันก็คิดอยู่ว่าจะไปไหนต่อดี สุดท้ายก็ตัดสินใจกันว่าไปเดินเล่นไนท์บาร์ซากัน  ขี่รถออกมาแบบงงๆ เพราะไม่แน่ใจว่าจุดหมายหน้าตาเป็นยังไง ขับไปถามทางไปก็ถึงจุดหมายแล้วเดินเล่นแปปนึงค่ะ ตอนขากลับนี่โหดสุดกลับตอนห้าทุ่มกว่าๆ เกือบขับรถออกนอกเมืองแหน่ะ กว่าจะมาถึง รร. ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า

ตื่นมาตอนเช้าวันที่ 3-05-57 อากาศเย็นมากอาจเป็นเพราะว่าเมื่อคืนฝนตก 8.30 น. ก็ซิ่งกันออกมากินโจ๊กร้านสมเพชร แล้วต่อด้วยการไหว้พระวัดเชียงมั่น-อนุสาวรีย์สามกษัตริย์-วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร-วัดพันเตา-วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร



อนุสาวรีย์สามกษัตริย์


ชอบลานตรงนี้มากๆ







วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร





วัดพันเตา






วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร


หลังจากไหว้พระในเมืองกันเสร็จก็ขอไปแอ๊วหนุ่มเหนือที่อ่างแก้ว มช. อากาศเย็นๆ มีแดดนิดหน่อย (มช. เป็นมหาวิทยาลัยในฝันของเราที่อยากไปอยู่ แต่ตอนนี้แก่เกินไปละ T T)






นั่งพักถ่ายรูปกินน้ำร้านตรงข้ามอ่างไปสักแป๊บก็ขี่มอไซออกมาไหว้พระครูบาศรีวิชัยเพื่อเป็นศิริมงคลแค่ตัวเองค่ะ แวะกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ เดินขึ้นไปน้ำตกห้วยแก้วสักหน่อย อากาศร้อนสุดๆ แต่น้ำเย็นมากก ประมาณบ่ายสามหน่อยๆ ก็กลับที่พักมานอนแช่แอร์สักแป๊บ แล้วเย็นๆ ค่อยออกมาแว๊นกันใหม่

ขอพักแว๊บนึงน้า สาวแว่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่