การเล่นกีฬาฟุตบอลของเด็กไม่ใช่แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงสมอง พัฒนาสมองได้อีกด้วย
อย่างที่ทราบกันดีครับ ว่าสมองของคนเราแบ่งเป็น 2 ซีก คือซีกซ้ายและซีกขวา
- ซีกซ้าย- เกี่ยวข้องกับการคิดคำนวณ กระบวนการตัดสินใจและการรับรู้
- ซีกขวา - เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ
ซึ่งสำหรับเด็กๆ ไม่ว่าจะวัยอนุบาลหรือประถม สมองทั้งสองซีกจะเกิดการเรียนรู้ได้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อเขาได้ลงมือทำครับ เพราะการเคลื่อนไหวผ่านการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นการทำงาน ของสมองซีกซ้ายและขวาทำงานอย่างสัมพันธ์กัน รวมทั้งกีฬาฟุตบอล ยังส่งเสริมให้เด็กๆ ได้คิดวางแผน คิดจินตนาการ ขณะเล่นกีฬาอีกด้วยครับ
วิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน Brain Research ฉบับเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2553 โดยลอรา แชดด็อกและทีมวิจัย พบว่า เด็กวัย 9-10 ปี ที่มีการออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายจะมีปริมาณสมองส่วน ฮิปโปแคมปัสใหญ่กว่าเด็กที่ไม่มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายเลยถึง 12% ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมด้านความจำและการเรียนรู้ ยิ่งถ้าสมองส่วนนี้มีขนาดใหญ่ การเรียนรู้ของคนๆ นั้นก็จะดีขึ้นตามไปด้วยครับ และนี่จึงเป็นที่ยืนยันได้ว่าการออกกำลังกายดีต่อสมองลูกชัวร์
การส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬาฟุตบอล พ่อแม่ไม่ควรเคร่งครัดเกินไป แต่ควรอยู่บนพื้นฐานที่ลูกต้องเล่นอย่างสนุก ซึ่งจะทำให้เขาไม่ต่อต้านการเล่นกีฬาฟุตบอลในอนาคต อีกทั้งเมื่อลูกสนุกและมีความสุขแล้วสมองส่วน Nucleus Accumbens จะมีการหลั่งสารโดปามีนทำให้เด็กๆ รู้สึกมีความสุข สมองปลอดโปร่งครับ ดังนั้นสำหรับวัยนี้ควรเล่นกีฬาแบบ Play & Fun ดีที่สุดครับ
https://www.facebook.com/smilefootballacademy
Cr. Smile Football Academy
บำรุงสมองลูกด้วยกีฬาฟุตบอล การเล่นกีฬาฟุตบอลของเด็กไม่ใช่แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงสมอง พัฒนาสมองได้
อย่างที่ทราบกันดีครับ ว่าสมองของคนเราแบ่งเป็น 2 ซีก คือซีกซ้ายและซีกขวา
- ซีกซ้าย- เกี่ยวข้องกับการคิดคำนวณ กระบวนการตัดสินใจและการรับรู้
- ซีกขวา - เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ
ซึ่งสำหรับเด็กๆ ไม่ว่าจะวัยอนุบาลหรือประถม สมองทั้งสองซีกจะเกิดการเรียนรู้ได้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อเขาได้ลงมือทำครับ เพราะการเคลื่อนไหวผ่านการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นการทำงาน ของสมองซีกซ้ายและขวาทำงานอย่างสัมพันธ์กัน รวมทั้งกีฬาฟุตบอล ยังส่งเสริมให้เด็กๆ ได้คิดวางแผน คิดจินตนาการ ขณะเล่นกีฬาอีกด้วยครับ
วิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน Brain Research ฉบับเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2553 โดยลอรา แชดด็อกและทีมวิจัย พบว่า เด็กวัย 9-10 ปี ที่มีการออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายจะมีปริมาณสมองส่วน ฮิปโปแคมปัสใหญ่กว่าเด็กที่ไม่มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายเลยถึง 12% ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมด้านความจำและการเรียนรู้ ยิ่งถ้าสมองส่วนนี้มีขนาดใหญ่ การเรียนรู้ของคนๆ นั้นก็จะดีขึ้นตามไปด้วยครับ และนี่จึงเป็นที่ยืนยันได้ว่าการออกกำลังกายดีต่อสมองลูกชัวร์
การส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬาฟุตบอล พ่อแม่ไม่ควรเคร่งครัดเกินไป แต่ควรอยู่บนพื้นฐานที่ลูกต้องเล่นอย่างสนุก ซึ่งจะทำให้เขาไม่ต่อต้านการเล่นกีฬาฟุตบอลในอนาคต อีกทั้งเมื่อลูกสนุกและมีความสุขแล้วสมองส่วน Nucleus Accumbens จะมีการหลั่งสารโดปามีนทำให้เด็กๆ รู้สึกมีความสุข สมองปลอดโปร่งครับ ดังนั้นสำหรับวัยนี้ควรเล่นกีฬาแบบ Play & Fun ดีที่สุดครับ
https://www.facebook.com/smilefootballacademy
Cr. Smile Football Academy