โรฮีนจาตลบหลังทหารไทย ฟ้องสื่อนอกเอาปืนจ่อไล่ตะเพิด
TO GO WITH SEAsia-migrants-boat,FOCUS by Thanaporn PROMYAMYAI, Preeti JHA (FILES) This file photo taken on May 14, 2015 shows Rohingya migrants swimming to collect food supplies dropped by a Thai army helicopter after they jumped from a boat (R) drifting in Thai waters off the southern island of Koh Lipe in the Andaman sea. The fate of around 300 ethnic Rohingya migrants whose overcrowded trawler has been bounced for days between Thai and Malaysian waters dramatises the desperate plight of Southeast Asia's new boat-people. AFP PHOTO / FILES / Christophe ARCHAMBAULT
เป็นเรื่องจนได้ ! ล่าสุด ชาวโรฮีนจาที่ขึ้นฝั่งที่อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อนอก อ้างทหารไทยเอาปืนขู่ไล่ หากไม่ออกเรือภายใน 10 นาที
วันที่ 20 พฤษภาคม 2558 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ซีราจุล อิสลาม ชาวโรฮีนจา อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเรือของชาวโรฮีนจาที่ได้ขึ้นฝั่งที่อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย จากความช่วยเหลือของชาวประมงอินโดนีเซีย หลังถูกเจ้าหน้าที่ไทยสกัดกั้นที่นอกเกาะหลีเป๊ะเมื่อสัปดาห์ก่อน เปิดเผยว่า เรือของพวกตนถูกเจ้าหน้าที่ไทยสกัดกั้นตรงบริเวณนอกเกาะหลีเป๊ะ โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ไทยได้ให้เสบียงกับพวกตน ก็ถูกทหารเรือของไทยผลักดันเรือออก ทั้งยังขู่ว่า หากเรือของพวกตนไม่ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวภายใน 10 นาที จะทำการยิงเรือของพวกตน
โดยก่อนหน้านี้ กองทัพเรือไทย เคยออกมาเปิดเผยว่า เบื้องต้น ไทยได้ให้การช่วยเหลือชาวโรฮีนจา ซึ่งชาวโรฮีนจาแจ้งว่า ไม่ต้องการขึ้นฝั่งในไทย พร้อมยืนยันที่จะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย
ขณะที่ ราซาลี ปูเต๊ะ ชาวประมงผู้พบเรือของชาวโรฮีนจา ก่อนช่วยเหลือเข้าฝั่งที่อาเจะห์ เล่าว่า ขณะที่ตนและเพื่อนกำลังหาปลา อยู่ห่างจากชายฝั่งอาเจะห์ประมาณ 60 กิโลเมตร ก็เห็นว่ามีเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่ในทะเลห่างจากเรือของพวกตนประมาณ 3 กิโลเมตร แถมเรือลำดังกล่าวยังเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ยิ่งเรือของพวกตนเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลืออย่างชัดเจน จึงได้ตัดสินใจช่วยกันนำเรือของชาวโรฮีนจาเข้าฝั่ง
ราซาลี ปูเต๊ะ กล่าวต่อว่า ตอนนั้น ตนได้แต่คิดว่าไม่อาจปล่อยให้พวกเขาตาย เพราะพวกเขาก็เป็นคนเหมือนกัน และตนดีใจมากที่ได้ช่วยชีวิตคนนับร้อย
Credit
http://pazanews.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%9F%E0%B9%89/
ถึงคุณฐาปนีย์ นี่คือคำตอบจาก โรฮิงยาที่เราช่วยเหลือ
TO GO WITH SEAsia-migrants-boat,FOCUS by Thanaporn PROMYAMYAI, Preeti JHA (FILES) This file photo taken on May 14, 2015 shows Rohingya migrants swimming to collect food supplies dropped by a Thai army helicopter after they jumped from a boat (R) drifting in Thai waters off the southern island of Koh Lipe in the Andaman sea. The fate of around 300 ethnic Rohingya migrants whose overcrowded trawler has been bounced for days between Thai and Malaysian waters dramatises the desperate plight of Southeast Asia's new boat-people. AFP PHOTO / FILES / Christophe ARCHAMBAULT
เป็นเรื่องจนได้ ! ล่าสุด ชาวโรฮีนจาที่ขึ้นฝั่งที่อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อนอก อ้างทหารไทยเอาปืนขู่ไล่ หากไม่ออกเรือภายใน 10 นาที
วันที่ 20 พฤษภาคม 2558 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ซีราจุล อิสลาม ชาวโรฮีนจา อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเรือของชาวโรฮีนจาที่ได้ขึ้นฝั่งที่อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย จากความช่วยเหลือของชาวประมงอินโดนีเซีย หลังถูกเจ้าหน้าที่ไทยสกัดกั้นที่นอกเกาะหลีเป๊ะเมื่อสัปดาห์ก่อน เปิดเผยว่า เรือของพวกตนถูกเจ้าหน้าที่ไทยสกัดกั้นตรงบริเวณนอกเกาะหลีเป๊ะ โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ไทยได้ให้เสบียงกับพวกตน ก็ถูกทหารเรือของไทยผลักดันเรือออก ทั้งยังขู่ว่า หากเรือของพวกตนไม่ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวภายใน 10 นาที จะทำการยิงเรือของพวกตน
โดยก่อนหน้านี้ กองทัพเรือไทย เคยออกมาเปิดเผยว่า เบื้องต้น ไทยได้ให้การช่วยเหลือชาวโรฮีนจา ซึ่งชาวโรฮีนจาแจ้งว่า ไม่ต้องการขึ้นฝั่งในไทย พร้อมยืนยันที่จะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย
ขณะที่ ราซาลี ปูเต๊ะ ชาวประมงผู้พบเรือของชาวโรฮีนจา ก่อนช่วยเหลือเข้าฝั่งที่อาเจะห์ เล่าว่า ขณะที่ตนและเพื่อนกำลังหาปลา อยู่ห่างจากชายฝั่งอาเจะห์ประมาณ 60 กิโลเมตร ก็เห็นว่ามีเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่ในทะเลห่างจากเรือของพวกตนประมาณ 3 กิโลเมตร แถมเรือลำดังกล่าวยังเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ยิ่งเรือของพวกตนเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลืออย่างชัดเจน จึงได้ตัดสินใจช่วยกันนำเรือของชาวโรฮีนจาเข้าฝั่ง
ราซาลี ปูเต๊ะ กล่าวต่อว่า ตอนนั้น ตนได้แต่คิดว่าไม่อาจปล่อยให้พวกเขาตาย เพราะพวกเขาก็เป็นคนเหมือนกัน และตนดีใจมากที่ได้ช่วยชีวิตคนนับร้อย
Credit http://pazanews.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%9F%E0%B9%89/