นี่คือข้อเสียของความใจอ่อน ที่คนไทยมีเสมอมา
จนถูกกลุ่มคน หรือประเทศที่มีเลห์กลโกงสารพัด
แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองกันไม่รู้จักพอ
นี่ก็คืออีกช่องทางหนึ่ง มาลองอ่านกันดู

ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงไทย
นำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง ระบุว่า
ได้ตรวจสอบปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง
พบว่ามีข้อเท็จจริงหลายประการ
ที่สังคมไทยยังเข้าใจคลาดเคลื่อน

หนึ่ง คือ ไม่ใช่เชื้อชาติโรฮิงญาทั้งหมด
แต่มีชาวบังกลาเทศครึ่งต่อครึ่ง

สอง ไม่ได้มาจากรัฐยะไข่ของเมียนมาร์
ส่วนใหญ่จากคอกซ์บาซา ชายแดนบังกลาเทศ
ที่ติดกับรัฐยะไข่ของเมียนมาร์
แม้แต่ชาวโรฮิงญาจากยะไข่ที่หลบหนีออกมา
ก็ไปเริ่มต้นลงเรือที่คอกซ์บาซา
เพราะมีขบวนการ รับจ้างพาลงเรือ
ล่องจากอ่าวเบงกอลสู่ทะเลอันดามัน

สาม ส่วนใหญ่ไม่ใช่เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์
แต่สมัครใจ หวังเข้ามาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย
หรือประเทศที่สามเพื่อหางานทำ

สี่ มาด้วยการลงขันออกเงินค่าเดินทาง
และเช่าเรือกันมาเอง หวังลักลอบเข้าเมือง
ขณะที่มีเครือข่ายขบวนการ
ช่วยนำพาคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ไม่ใช่ขบวนการค้ามนุษย์

ห้า การจัดตั้งค่ายผู้อพยพ
หรือศูนย์พักพิงชั่วคราวในไทยจึงไม่จำเป็น
และไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง

หก มีค่ายใหญ่มาก 2 ค่ายอยู่ คอกซ์บาซา
จุคนได้ 3 แสน แต่ตอนนี้มีอยู่แค่ 2 หมื่นกว่าคน
ไทยสามารถส่งกลับไปพำนักในค่ายดังกล่าวได้

เจ็ด สำนักงานยูเอ็นเอชซีอาร์ ปล่อยปละละเลย
ให้ในค่ายที่คอกซ์บาซาหลบหนีออกมา
จึงต้องมีส่วนรับผิดชอบกับปัญหาด้วย
เพราะค่ายอยู่ในความดูแลของยูเอ็นเอชซีอาร์

แปด หลักการจัดการกับปัญหานี้ที่ถูกต้อง
คือ การส่งกลับไปที่ประเทศต้นทาง
คือค่าย คอกซ์บาซา ประเทศบังคลาเทศ

โดยประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นหารือ
ในที่ประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐาน
แบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย
ร่วมกับประเทศอาเซียน
วันที่ 29 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมด้วย