เมื่อพิจารณาได้ดังนี้ ปัญหาจริงๆของไม่ขันติธรรมต่อความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องทางสังคม ที่ไม่ได้มีศาสนาเป็นแรงขับ
แต่ใช้ศาสนาเป็นเรื่องรองรับการลงโทษเท่านั้น
^
อ่านแค่นี้ก็รู้แล้วว่าข้อความนี้ต้องมาจากปากของมุสลิมแถ พูดขาวให้เป็นดำ พูดดำให้เป็นขาว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ความโหดร้ายของคนพวกเดียวกัน

ก็แล้วทำไมคนในศาสนาอื่นเค้าลดความรุนแรงของการลงโทษได้ จนกลายเป็นไม่ลงโทษ เพราะคนในศาสนาอื่นพัฒนาได้ยังไงล่ะ คือพัฒนาจากการเชื่อคำสอนยุคหินไปเป็นเปลี่ยนแปลงคำสอนให้เข้ากับสภาพของสังคมในปัจจุบัน  ในขณะที่มุสลิมยังคลั่งคำสอนยุคหินอันโหดร้าย นั่นก็เพราะว่าลัทธิอิสลามสอนให้คนคลั่งศาสนาจนมีความโหดร้ายไปอย่างต่อเนื่อง จนไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสังคมมุสลิมไปในทางที่ดีได้นั่นเอง

เท่านี้ไม่พอ มุสลิมที่ไปอาศัยประเทศคนอื่นเค้าอยู่ก็นำ sharia law (ซึ่งเป็นกฎหมายอิสลามป่าเถื่อนยุคหิน) ไปบังคับใช้กับเจ้าของประเทศอย่างไม่มียางอาย  เพราะไปอาศัยประเทศคนอื่นอยู่ แต่ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับกฎหมายและประเพณีท้องถิ่น

นี่ไง ดูข่าวอันนี้

ที่อังกฤษพวกมุสลิมตั้งศาลอิสลามอย่างผิดกฎหมาย 85 แห่ง เพื่อตัดสินคดีความตาม sharia law (กฎหมายยุคหินป่าเถื่อน) โดยไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายอังกฤษ

ในย่านที่มีมุสลิมอยู่หนาแน่น พวกมุสลิมบังคับผู้หญิงอังกฤษให้คลุมหน้าถ้าไม่คลุมก็โดนทำร้ายร่างกาย พวกมุสลิมทำร้ายร่างกายเกย์  พวกมุสลิมละเมิดสิทธิของผู้อื่นที่ไม่ได้นับถือและไม่คิดจะนับถือลัทธิอิสลาม

จนตอนนี้ Islamophobia (ความหวาดกลัวและเกลียดชังลิทธิอิสลาม) แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว  คนไทยและคนประเทศอื่นๆทั่วโลกถึงไม่อยากให้โรฮิงญาเข้ามาประเทศพวกเค้า ยังไงล่ะ