อุทาหรณ์! เถ้าแก่เนี้ยเซรามิกถูกหลอกสั่งสินค้า สูญนับแสน
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000057186
20 พฤษภาคม 2558 09:17 น. (แก้ไขล่าสุด 20 พฤษภาคม 2558 09:22 น.)
ลำปาง - มิจฉาชีพเกลื่อนเมือง ยายวัย 66 ปีเถ้าแก่เนี้ยร้านเซรามิกเมืองรถม้าสูญเงินนับแสน หลังถูกลูกค้าหนุ่มสมุทรปราการสั่งซื้อสินค้าทางไลน์ลูกสาว 2 รอบให้ตายใจ พอครั้งที่ 3 เอาเช็คเข้าบัญชีโชว์ตัวเลขเป็นค่าสินค้า ก่อนถอนเงินออก ปิดร้านหนี
วันนี้ (20 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนา เสริมสุข อายุ 66 ปี เจ้าของร้าน “ป้านาเซรามิค” ซึ่งเป็นร้านขายส่งสินค้าเซรามิกทุกประเภทในราคาส่ง เลขที่ 44/1 หมู่บ้านชมพู ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง เปิดเผยเรื่องราวที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ระมัดระวังกันว่า มีลูกค้าสั่งซื้อสินค้ามาทางไลน์แล้วหลอกนำเช็คเข้าบัญชีโชว์ตัวเลขเงินเข้า เมื่อลูกค้าได้รับสินค้าแล้วกลับพบว่าเช็คที่นำเข้าบัญชีไม่มีเงินอยู่จริง
โดยลูกค้าคนนี้ชื่อนายประชิตชัย ธีระเมฆ หรือนัด อยู่บ้านเลขที่ 2513 ม.3 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ อายุประมาณ 26-27 ปี ติดต่อสั่งซื้อสินค้าเซรามิก ทั้งถ้วย จาน ชาม ผ่านทางไลน์ของลูกสาวมาแล้ว 2 ครั้ง และโอนเงินเข้าบัญชีครั้งละประมาณ 4-5 หมื่นบาท โดยไม่ได้พบหน้าค่าตากันแต่อย่างใด
พอได้รับออเดอร์ทางไลน์ ทางร้านก็จะเช็คบัญชีกับธนาคาร และทางธนาคารจะมี SMS บอกเมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชี เมื่อตนเองเห็น SMS เข้ามาก็จะจัดส่งสินค้าให้ แต่เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 58 ลูกค้าได้สั่งซื้อสินค้าเป็นเงิน 87,500 บาท และสั่งสินค้าเกินที่สั่งซื้ออีกหมื่นกว่าบาท รวมยอดสินค้า 104,300 บาท ซึ่งลูกค้าบอกว่าได้นำเช็คเข้าบัญชียอด 87,500 บาทแล้ว และทางธนาคารได้ SMS ส่งข้อความว่ามีเงินเข้าบัญชีแล้ว ตนจึงให้มีการจัดสินค้าไปส่ง พร้อมกับแจ้งยอดค้างอีกหมื่นกว่าให้ทราบ
หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ ลูกสาวนำสมุดบัญชีธนาคารไปปรับยอด พบว่าวันที่ 16 มี.ค.ที่มีการโอนเงินเข้านั้น เวลา 16.00 น. มีเงินออก ทำให้เช็คเด้ง และทางธนาคารได้โทรศัพท์บอกให้ไปรับเช็คคืน ซึ่งตนได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ ตอนแรกลูกค้าก็บ่ายเบี่ยง และบอกว่าจะนำเงินมาชำระให้ในวันที่ 1 เดือนถัดมา แต่สุดท้ายก็ติดต่ออะไรไม่ได้อีกเลย ทั้งหมายเลขโทรศัพท์หรือไลน์ จนต้องนำเรื่องดังกล่าวไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าเหตุไม่ได้อยู่ใน จ.ลำปาง แต่จะประสานงานในพื้นที่ให้ แต่ต้องใช้เวลา
ซึ่งตนเห็นว่าความเป็นไปได้ที่จะได้เงินคืนคงมีน้อย เพราะแม้แต่ร้านที่รถบรรทุกนำสินค้าไปส่งสินค้าก็ปิดหนีไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงทำใจ แต่ไม่อยากให้ร้านค้า หรือผู้ประกอบการที่ทำมาค้าขายโดยสุจริต และเหนื่อยยากลำบากถูกมิจฉาชีพหลอกเอาสินค้าไปอีก เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ตั้งแต่ต้นปีสินค้าแทบขายไม่ได้เลย
“ที่ร้านต้องซื้อสินค้าเงินสดและเอากำไรเพียงเล็กน้อยเพราะไม่ต้องการให้ราคาสูงกว่าราคาส่งของโรงงานใหญ่ สินค้าบางตัวได้กำไรเพียงชิ้นละ 1 บาท หากซื้อมากก็คิดกำไรเพียงชิ้นละ 50 สตางค์เท่านั้น”
นางนาบอกว่า หลังติดตามข่าวกรณีที่มีร้านทองสูญเงินไปนับล้านบาท เพราะมีการสั่งซื้อ และนำเช็คเข้าบัญชี เมื่อเจ้าของเห็นว่ามียอดเข้าจริงจึงยอมปล่อยทองไป สุดท้ายพบเช็คเด้ง ก็มีลักษณะเดียวกับตนเองเช่นกัน จึงอยากฝากให้ทุกคนให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะการสั่งซื้อทางไลน์ หรืออินเทอร์เน็ตต่างๆ ขอให้เช็กเงินให้ชัดเจนก่อน ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอกสูญเงินเหมือนตนเอง ส่วนลูกค้ารายนี้หากมีผู้พบเห็นขอให้แจ้งเบาะแสได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.ลำปาง เพื่อจะได้ติดตามจับกุมตัว ไม่ให้ไปหลอกผู้บริสุทธิ์คนอื่นให้ได้รับความเดือดร้อนอีก
อุทาหรณ์! เถ้าแก่เนี้ยเซรามิกถูกหลอกสั่งสินค้า สูญนับแสน
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000057186
20 พฤษภาคม 2558 09:17 น. (แก้ไขล่าสุด 20 พฤษภาคม 2558 09:22 น.)
ลำปาง - มิจฉาชีพเกลื่อนเมือง ยายวัย 66 ปีเถ้าแก่เนี้ยร้านเซรามิกเมืองรถม้าสูญเงินนับแสน หลังถูกลูกค้าหนุ่มสมุทรปราการสั่งซื้อสินค้าทางไลน์ลูกสาว 2 รอบให้ตายใจ พอครั้งที่ 3 เอาเช็คเข้าบัญชีโชว์ตัวเลขเป็นค่าสินค้า ก่อนถอนเงินออก ปิดร้านหนี
วันนี้ (20 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนา เสริมสุข อายุ 66 ปี เจ้าของร้าน “ป้านาเซรามิค” ซึ่งเป็นร้านขายส่งสินค้าเซรามิกทุกประเภทในราคาส่ง เลขที่ 44/1 หมู่บ้านชมพู ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง เปิดเผยเรื่องราวที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ระมัดระวังกันว่า มีลูกค้าสั่งซื้อสินค้ามาทางไลน์แล้วหลอกนำเช็คเข้าบัญชีโชว์ตัวเลขเงินเข้า เมื่อลูกค้าได้รับสินค้าแล้วกลับพบว่าเช็คที่นำเข้าบัญชีไม่มีเงินอยู่จริง
โดยลูกค้าคนนี้ชื่อนายประชิตชัย ธีระเมฆ หรือนัด อยู่บ้านเลขที่ 2513 ม.3 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ อายุประมาณ 26-27 ปี ติดต่อสั่งซื้อสินค้าเซรามิก ทั้งถ้วย จาน ชาม ผ่านทางไลน์ของลูกสาวมาแล้ว 2 ครั้ง และโอนเงินเข้าบัญชีครั้งละประมาณ 4-5 หมื่นบาท โดยไม่ได้พบหน้าค่าตากันแต่อย่างใด
พอได้รับออเดอร์ทางไลน์ ทางร้านก็จะเช็คบัญชีกับธนาคาร และทางธนาคารจะมี SMS บอกเมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชี เมื่อตนเองเห็น SMS เข้ามาก็จะจัดส่งสินค้าให้ แต่เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 58 ลูกค้าได้สั่งซื้อสินค้าเป็นเงิน 87,500 บาท และสั่งสินค้าเกินที่สั่งซื้ออีกหมื่นกว่าบาท รวมยอดสินค้า 104,300 บาท ซึ่งลูกค้าบอกว่าได้นำเช็คเข้าบัญชียอด 87,500 บาทแล้ว และทางธนาคารได้ SMS ส่งข้อความว่ามีเงินเข้าบัญชีแล้ว ตนจึงให้มีการจัดสินค้าไปส่ง พร้อมกับแจ้งยอดค้างอีกหมื่นกว่าให้ทราบ
หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ ลูกสาวนำสมุดบัญชีธนาคารไปปรับยอด พบว่าวันที่ 16 มี.ค.ที่มีการโอนเงินเข้านั้น เวลา 16.00 น. มีเงินออก ทำให้เช็คเด้ง และทางธนาคารได้โทรศัพท์บอกให้ไปรับเช็คคืน ซึ่งตนได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ ตอนแรกลูกค้าก็บ่ายเบี่ยง และบอกว่าจะนำเงินมาชำระให้ในวันที่ 1 เดือนถัดมา แต่สุดท้ายก็ติดต่ออะไรไม่ได้อีกเลย ทั้งหมายเลขโทรศัพท์หรือไลน์ จนต้องนำเรื่องดังกล่าวไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าเหตุไม่ได้อยู่ใน จ.ลำปาง แต่จะประสานงานในพื้นที่ให้ แต่ต้องใช้เวลา
ซึ่งตนเห็นว่าความเป็นไปได้ที่จะได้เงินคืนคงมีน้อย เพราะแม้แต่ร้านที่รถบรรทุกนำสินค้าไปส่งสินค้าก็ปิดหนีไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงทำใจ แต่ไม่อยากให้ร้านค้า หรือผู้ประกอบการที่ทำมาค้าขายโดยสุจริต และเหนื่อยยากลำบากถูกมิจฉาชีพหลอกเอาสินค้าไปอีก เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ตั้งแต่ต้นปีสินค้าแทบขายไม่ได้เลย
“ที่ร้านต้องซื้อสินค้าเงินสดและเอากำไรเพียงเล็กน้อยเพราะไม่ต้องการให้ราคาสูงกว่าราคาส่งของโรงงานใหญ่ สินค้าบางตัวได้กำไรเพียงชิ้นละ 1 บาท หากซื้อมากก็คิดกำไรเพียงชิ้นละ 50 สตางค์เท่านั้น”
นางนาบอกว่า หลังติดตามข่าวกรณีที่มีร้านทองสูญเงินไปนับล้านบาท เพราะมีการสั่งซื้อ และนำเช็คเข้าบัญชี เมื่อเจ้าของเห็นว่ามียอดเข้าจริงจึงยอมปล่อยทองไป สุดท้ายพบเช็คเด้ง ก็มีลักษณะเดียวกับตนเองเช่นกัน จึงอยากฝากให้ทุกคนให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะการสั่งซื้อทางไลน์ หรืออินเทอร์เน็ตต่างๆ ขอให้เช็กเงินให้ชัดเจนก่อน ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอกสูญเงินเหมือนตนเอง ส่วนลูกค้ารายนี้หากมีผู้พบเห็นขอให้แจ้งเบาะแสได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.ลำปาง เพื่อจะได้ติดตามจับกุมตัว ไม่ให้ไปหลอกผู้บริสุทธิ์คนอื่นให้ได้รับความเดือดร้อนอีก