จ่าเชียร์....!!!
ยิ่งเห็น 9 ข้อเรียกร้องอันแสน "ดัดจริต" ของ UN จ่ายิ่งเชียร์ประยุทธ์
เพราะมันดัดจริตเรียกร้องในแบบที่ไม่แหกตาดูเลย
ว่าหากทำตามที่มันเรียกร้องนั้น จะก่อให้เกิดปัญหาสังคมในอนาคตกับประเทศนั้นๆแค่ไหน
ใครจะดราม่าก็ตามสบาย
แต่จ่าว่าประยุทธ์ทำถูกเรื่องโรฮิงยา
เพราะเราไม่อยู่ในฐานะที่จะดูแลอะไรใครใด้
ลำพังตัวเราเองยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย
เราเคยมีค่ายผู้ลี้ภัยเขมร
ในสมัยที่ประเทศแถบนี้มีสงคราม
และ ไทยทำตัวเป็น "ม้าอารี" โอบอุ้มผู้ลี้ภัยจากดินแดนพระยาละแวก
แต่พอถึงเวลาที่ได้ไปประเทศที่ 3
ประเทศที่ 3 อย่างไอ้กันก็เลือกคนที่มีการศึกษาไปหมด
ทิ้งไว้แต่เขมรระดับรากหญ้าให้เป็นภาระ เป็นปัญหาของเรา
การเปิดค่ายผู้ลี้ภัย
มันต้องมีทั้งสถานที่ๆรัดกุม
และ ต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหากับคนถิ่น
ยังไม่นับเรื่องงบประมาณที่ต้องดูแลให้กินอิ่มนอนหลับ
จ่าเคยไปสัมผัสค่ายผู้ลี้ภัยที่เชียงใหม่มาหลายครั้ง
จ่าบอกไว้เลยว่ามันอยู่กันสบายหายห่วง...สบายshipหาย...!!!!
ปลูกผัก, ปลูกหญ้า, "ซั่ม" กันแบบไม่ต้องคุมกำเนิดออกลูกออกหลานมามากมายก่ายกอง
เรื่องของ Hygiene ก็ปัญหาใหญ่
เท่าที่จ่าเห็นจ่าว่าเป็นแหล่งที่สะสมเชื้อโรคเป็นอย่างดี
หากดูแลพวกมันไม่ดี โอกาสที่จะเกิดโรคระบาดก็เยอะมาก
จ่าเห็นมันปล่อยลูกนั่งขี้เหลืองอ๋อยลงในแหล่งน้ำทั้งๆที่ส้วมก็มีใช้กัน
พออยู่ไปนานๆเข้า
พรรษาชักจะแก่กล้าขึ้น
ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ก็มัก "เรียกร้อง" ขออะไรที่เกินตัวอีกต่างหาก
เช่น เคยมีการก่อม๊อบ
เพื่อขออาหารที่ดีขึ้น (เอาของภัตตาคาร "ศรแดง" เลยมั้ยครับ ??)
หรือ ขอความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (ขอคอนโดฯศุภาลัยแบบเพนเฮ้าส์เลยมั๊ยเล่า..??)
ประเทศต้นทางเขายังไม่ยอมรับ
ประเทศที่นับถือศาสนาเดียวกันอย่างมาเลฯ และ อินโดฯ เขายังผลักดันออก
แล้วจะให้ประเทศที่มีปัญหาภายในมากมายอย่างเรามาเป็น "ม้าอารี" เหรอ..???
ในแง่ "มนุษยธรรม" นั้น
การให้อาหาร ให้ยารักษาโรค
และ ผลักดันออกไป มันคือทางออกที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้
สำหรับประเทศที่ GDP ตอนนี้เป็นเลขศูนย์ และ มีระเบิดถี่ยิบใน 3 จว.ชายแดนใต้
จ่าไม่เคยเห็นประเทศที่อ้าง "มนุษยธรรม"
มันมาช่วยเราแก้ปัญหาอะไรเลยในวันที่เกิดปัญหา
ส่วนนักข่าวช่อง 3 จอมดราม่า
จะมี "อีโมชั่น" อะไรขนาดไหนนั้น
ก็จงสำเหนียกไว้ด้วยว่าในฐานะมืออาชีพนั้น
นักข่าวไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสร้างซีนนี้เข้าไปในเนื้อหาที่พึงต้องทำตามวิชาชีพออก Public
เพราะมันคือ fact ไม่ใช่ fiction
อีกทั้งมันยังเป็นการ "รายงานข่าว"
ไม่ใช่การ "เปิดวิกกองถ่ายละครช่อง 3"
ยกเว้นว่านักข่าวจะถ่ายคลิปส่วนตัว
แล้วเอาไว้นั่งดูคนเดียวในส้วมตอนนั่งขี้
หรือ อัพขึ้นยูทูปซึ่งเป็นช่องทางส่วนตัวของนักข่าวคนนั้น
แบบนั้นนักข่าวจะดราม่าอะไรขนาดไหนก็ตามสบาย...!!!!
คนเสพข่าวส่วนใหญ่เขาเสพ "ข้อเท็จจริง"
ไม่ได้อยากเสพ "อีโมชั่น" ของนักข่าว (ที่ควรต้องมีความเป็นมืออาชีพ)
ข้อเท็จจริงเป็นแบบไหนก็ใช้ความเป็นมืออาชีพรายงานออกมาตามที่พึงทำในวิชาชีพ
แล้วจะกลับบ้านไปร้องให้ก็ตามสบาย...ไม่มีใครเขาห้าม
ทำงานให้สมกับเป็น "มืออาชีพ" ใน "วิชาชีพ" ของตัวเองหน่อย
พอใครแตะก็โวยวายว่า "แทรกแซงสื่อ"
ดังนั้นเมื่อสื่อทำงานแบบ "มือสมัครเล่น"
คนดูก็มีสิทธิ์ที่จะโวยวายเช่นกันว่า "ถูกสื่อแทรกแซงการรับรู้ข้อเท็จจริงด้วยการ Tie in อารมณ์ส่วนตัวลงในเนื้อหา"
นักข่าวดัดจริตควรจะรู้นะครับ
ว่าการเป็น "นักข่าวทีวี" นั้นมัน Tie in ได้แค่สินค้าจากสปอนเซอร์
จะอยู่ในคอสทูม หรือ อยู่ในลูปพิ้ง โลโก้ หรือ จะเป็นพร็อพ ก็ตามสบาย
แต่ไม่ใช่ "อารมณ์" ของนักข่าวที่ไป Stand up covering ในสนามข่าวครับ
อเมริกาเองเราก็เห็นในข่าวบ่อยๆ
ว่าเวลามีไอ้พวกเม็กซิกัน หรือ คิวบัน หลบหนีเข้าเมือง
มันก็ไม่ได้เมตตาปราณีให้อาศัยในแผ่นดินมัน เหมือนที่มันเรียกร้องกับคนอื่น
หรือ อังกฤษที่เป็นต้นตอนปัญหาโรฮิงยาก็เถอะ
ใครไม่เชื่อก็ลองหาทางหลบหนีเข้าไปอยู่ในบ้านมันดูเถอะ
จะได้รู้ว่ามันเมตตา ปราณี ให้ข้าว ให้น้ำ และ ตั้งค่ายผู้ลี้ภัยให้อยู่แบบถาวรหริอเปล่า ??
UN ก็เช่นกัน
สรรหาแต่คำพูดสวยๆมากดดันประเทศที่ไม่เกี่ยวข้อง
แต่ไม่เคยใช้อำนาจที่มีอยู่ไป "แซงชั่น" ประเทศต้นทางอย่างพม่า เพื่อแก้ปัญหา
แถมยังเศรือกมาออกแถลงการณ์
เพื่อให้ประเทศที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาร่วมรับผิดชอบ
แต่ละข้อก็ "ดัดจริต" ทั้งนั้นอีกต่างหากว่ะ...!!!
1. ยึดถือเรื่องการช่วยชีวิตเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ด้วยการยกระดับความเข้มแข็งของปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย
-ข้อนี้ UN ไม่แหกตาดูข่าวเลยเหรอครัฟฟ
ว่าไทยก็ช่วยชีวิตด้วยการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม
ยารักษาโรค และ น้ำมัน ให้ครบถ้วนไม่ตกไม่หล่น
แล้วไอ้ที่จะให้ไปค้นหา , ไปกู้ภัยเนี่ย จะไปหาหรือไปกู้ภัยให้ใคร
ตอนที่โรฮิงยามันออกเรือมันส่งเส้นทางเดินเรือมาบอกเหรอว่า "จะมาแถวนี้นะ ช่วยดูแลหน่อย"
2. หยุดการผลักดันเรือและมาตรการต่างๆ ที่ช่วยให้เรือเหล่านั้นออกจากน่านน้ำ ขณะที่รับประกันด้วยว่า มาตรการทั้งหมดที่ใช้นั้นสอดคล้องกับข้อปฏิบัติของหลักการไม่ส่งกลับ (non-refoulement) และมาตรฐานสิทธิมนุษยชนอื่นๆ
-ข้อนี้ต้องให้โรฮิงยาเดินเรือไปที่ชายฝั่งอังกฤษ หรือ อเมริกา
แล้วจะได้รู้กันเลยว่าไอ้ประเทศเหล่านั้นมันทำแบบเดียวกันกับไทยหรือเปล่า
3. เตรียมการเพื่อนำเรือเข้าฝั่งอย่างมีประสิทธิภาพและพยากรณ์ได้ ไปยังสถานที่ปลอดภัยที่มีการต้อนรับทางมนุษยธรรมอย่างพอเพียง
-ข้อนี้ขรำว่ะ
จะให้ต้อนรับ "พอเพียง" ขนาดไหน
ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ยา ให้น้ำมันนี่ยังไม่พออีกเหรอ
จะให้ต้อนรับแบบเอาขบวนแห่กลองยาว มีน้ำมะตูมเป็นเวลคั่ม ดริ้งค์ พร้อมพวงมาลัยคล้องคอด้วยเลยมั๊ย
4. หลีกเลี่ยงการจับกุมผู้อพยพและมาตรการลงโทษอื่นๆ และรับรองด้วยว่าสิทธิมนุษยชนของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยทั้งหมดจะได้รับการคุ้มครอง และการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก จะต้องถูกชี้นำด้วยผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก
-ถ้าเป็นการหลบหนีเข้าเมือง
ซึ่งมันผิดกฏหมายของประเทศนั้นๆ
เขาก็บังคับใช้กฏหมายตามที่มันตราไว้นั่นแหละ
จะโดนลงโทษ , จะโดนเนรเทศออกไป หรือ จะโดนลากเรือออกไปในน่านน้ำสากลมันไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอก
5. จัดตั้งกระบวนการคัดกรองด้วยเจ้าหน้าที่ร่วมจากรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อจำแนกแยกแยะสถานการณ์ของผู้อพยพแต่ละคน ว่าเป็น ก. ผู้อพยพที่ต้องการความคุ้มครองเช่น หลบภัย ลี้ภัย หรือ เป็นบุคคลไร้สัญชาติ ข. เป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์หรือผู้มีความเสี่ยง ถูกทรมานหรือการทารุณอื่นๆ หากถูกส่งกลับประเทศที่พวกเขาจากมา ค. ผู้อพยพที่มีปัญหาสุขภาพต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน และ ง. ผู้อพยพที่สมัครใจเดินทางกลับมาตุภูมิด้วยตัวเอง
-อ้าวววว..
ก็ไม่ได้อยากให้ขึ้นฝั่งตั้งแต่แรก
แล้วจะให้มาคัดกรองอะไรกับโรฮิงยาล่ะ
ไอ้ขั้นตอนที่ว่านี้มันแทบจะหมายถึงการตั้งค่ายอพยพถาวรแล้วนะครัฟฟฟ
6. เพิ่มช่องทางเพื่อการอพยพอย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับแรงงานอพยพในทุกระดับทักษะ
-เดี๋ยวเขาเข้าสู่ AEC
เรื่องแบบนี้มันก็มีอยู่ในโรดแม็พอยู่แล้ว
การเคลื่อนย้ายของแรงงานแบบถูกกฏหมายไทยก็ทำมานานแล้ว
ไม่งั้นแรงงานพม่า , เขมร , ลาว ที่มาทำมาหากินที่นี่จะมีบัตรประจำตัวได้ยังไงล่ะ
7. เพิ่มความพยายามในการดำเนินคดีเอาผิดกับสมาชิกขบวนการค้ามนุษย์และผู้ขนส่งคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อสิทธิมนุษยชน และเคารพสิทธิ์ของผู้ตกเป็นเหยื่ออย่างเต็มที่ด้วย
-ประยุทธ์ก็สั่งให้ขุดรากถอนโคนอยู่นี่ไง
โดนข้อหา "ค้ามนุษย์" นี่ประยุทธ์มันแทบจะหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว
เอาแต่เรียกร้องให้ "เคารพสิทธิ์" ของผู้อพยพแต่ไอ้คนเรียกร้องดันไม่ "เคารพสิทธิ์" ในการตัดสินใจของเจ้าของบ้าน...โถ....
8. เพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศเป็น 2 เท่า เพื่อหาทางแก้ไข 'ปัจจัยผลักดัน' และรากเหง้าของปัญหาที่ทำให้เกิดการอพยพและลี้ภัย โดยเฉพาะการแบ่งแยก, การถูกทอดทิ้ง, การข่มเหงรังแก และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
-จะไปร่วมมืออะไรกับพม่ามัน ??
ปัญหาภายในประเทศมันก็ต้องแก้ของมัน
คนอื่นเขาก็มีปัญหาของเขาที่ต้องแก้เช่นกัน ยะลาก็เพิ่งระเบิดไปหยกๆ
มันข่มเหงรังแกกันที่รัฐยะไข่ แล้วจะให้คนอื่นไปเศรือกอะไรกับเรื่องภายในของมัน ??
9. ออกมาตรการเฉพาะเพื่อต่อสู้กับการหวาดกลัวชาวต่างชาติ และการแบ่งแยกใดๆ บนพื้นฐานของเชื้อชาติ, เพศ, ภาษา, ศาสนา, ชนเผ่า, สัญชาติ, ถิ่นกำเนิด หรือสถานะอื่นๆ
-แหมมม...
ขนาดในไทยยังแบ่งแยก ยังเหยียดกันเองเลย.... เจ๊กอย่างโน้น จีนอย่างนี้....
ไอ้ บก.ลายจุดยังยกเรื่องคนจีนโพ้นทะเลที่อพยพมาในเจนเนอเรชั่นแรก มาเปรียบเทียบกับกรณีโรฮิงยาเลย
ทั้งๆที่องค์ประกอบของการอพยพมามันต่างกันราวฟ้ากับเหว อีกทั้งปัจจัยทางสังคมของไทยในยุคนั้นก็ไม่เหมือนยุคนี้
เรียกร้องมา 9 ข้อ
แต่ละข้อไม่เคยนึกถึง "สิทธิ์" ของเจ้าของบ้านเลย
แม้จ่าจะไม่ชอบประยุทธ์เลยซักนิด
แต่กรณีของโรฮิงยาจ่าเห็นด้วยกับประยุทธ์มัน 100%
เฮ้อออ.....นานๆจะเชียร์ประยุทธ์มันซักที....!!!!!!
จ่าพิเชษฐ์
@@@@@-----------------------------ดั ด จ ริ ต จ ริ ง จ ริ ง ว่ะ........!!!!!!!!!!-----------------------@@@@@
ยิ่งเห็น 9 ข้อเรียกร้องอันแสน "ดัดจริต" ของ UN จ่ายิ่งเชียร์ประยุทธ์
เพราะมันดัดจริตเรียกร้องในแบบที่ไม่แหกตาดูเลย
ว่าหากทำตามที่มันเรียกร้องนั้น จะก่อให้เกิดปัญหาสังคมในอนาคตกับประเทศนั้นๆแค่ไหน
ใครจะดราม่าก็ตามสบาย
แต่จ่าว่าประยุทธ์ทำถูกเรื่องโรฮิงยา
เพราะเราไม่อยู่ในฐานะที่จะดูแลอะไรใครใด้
ลำพังตัวเราเองยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย
เราเคยมีค่ายผู้ลี้ภัยเขมร
ในสมัยที่ประเทศแถบนี้มีสงคราม
และ ไทยทำตัวเป็น "ม้าอารี" โอบอุ้มผู้ลี้ภัยจากดินแดนพระยาละแวก
แต่พอถึงเวลาที่ได้ไปประเทศที่ 3
ประเทศที่ 3 อย่างไอ้กันก็เลือกคนที่มีการศึกษาไปหมด
ทิ้งไว้แต่เขมรระดับรากหญ้าให้เป็นภาระ เป็นปัญหาของเรา
การเปิดค่ายผู้ลี้ภัย
มันต้องมีทั้งสถานที่ๆรัดกุม
และ ต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหากับคนถิ่น
ยังไม่นับเรื่องงบประมาณที่ต้องดูแลให้กินอิ่มนอนหลับ
จ่าเคยไปสัมผัสค่ายผู้ลี้ภัยที่เชียงใหม่มาหลายครั้ง
จ่าบอกไว้เลยว่ามันอยู่กันสบายหายห่วง...สบายshipหาย...!!!!
ปลูกผัก, ปลูกหญ้า, "ซั่ม" กันแบบไม่ต้องคุมกำเนิดออกลูกออกหลานมามากมายก่ายกอง
เรื่องของ Hygiene ก็ปัญหาใหญ่
เท่าที่จ่าเห็นจ่าว่าเป็นแหล่งที่สะสมเชื้อโรคเป็นอย่างดี
หากดูแลพวกมันไม่ดี โอกาสที่จะเกิดโรคระบาดก็เยอะมาก
จ่าเห็นมันปล่อยลูกนั่งขี้เหลืองอ๋อยลงในแหล่งน้ำทั้งๆที่ส้วมก็มีใช้กัน
พออยู่ไปนานๆเข้า
พรรษาชักจะแก่กล้าขึ้น
ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ก็มัก "เรียกร้อง" ขออะไรที่เกินตัวอีกต่างหาก
เช่น เคยมีการก่อม๊อบ
เพื่อขออาหารที่ดีขึ้น (เอาของภัตตาคาร "ศรแดง" เลยมั้ยครับ ??)
หรือ ขอความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (ขอคอนโดฯศุภาลัยแบบเพนเฮ้าส์เลยมั๊ยเล่า..??)
ประเทศต้นทางเขายังไม่ยอมรับ
ประเทศที่นับถือศาสนาเดียวกันอย่างมาเลฯ และ อินโดฯ เขายังผลักดันออก
แล้วจะให้ประเทศที่มีปัญหาภายในมากมายอย่างเรามาเป็น "ม้าอารี" เหรอ..???
ในแง่ "มนุษยธรรม" นั้น
การให้อาหาร ให้ยารักษาโรค
และ ผลักดันออกไป มันคือทางออกที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้
สำหรับประเทศที่ GDP ตอนนี้เป็นเลขศูนย์ และ มีระเบิดถี่ยิบใน 3 จว.ชายแดนใต้
จ่าไม่เคยเห็นประเทศที่อ้าง "มนุษยธรรม"
มันมาช่วยเราแก้ปัญหาอะไรเลยในวันที่เกิดปัญหา
ส่วนนักข่าวช่อง 3 จอมดราม่า
จะมี "อีโมชั่น" อะไรขนาดไหนนั้น
ก็จงสำเหนียกไว้ด้วยว่าในฐานะมืออาชีพนั้น
นักข่าวไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสร้างซีนนี้เข้าไปในเนื้อหาที่พึงต้องทำตามวิชาชีพออก Public
เพราะมันคือ fact ไม่ใช่ fiction
อีกทั้งมันยังเป็นการ "รายงานข่าว"
ไม่ใช่การ "เปิดวิกกองถ่ายละครช่อง 3"
ยกเว้นว่านักข่าวจะถ่ายคลิปส่วนตัว
แล้วเอาไว้นั่งดูคนเดียวในส้วมตอนนั่งขี้
หรือ อัพขึ้นยูทูปซึ่งเป็นช่องทางส่วนตัวของนักข่าวคนนั้น
แบบนั้นนักข่าวจะดราม่าอะไรขนาดไหนก็ตามสบาย...!!!!
คนเสพข่าวส่วนใหญ่เขาเสพ "ข้อเท็จจริง"
ไม่ได้อยากเสพ "อีโมชั่น" ของนักข่าว (ที่ควรต้องมีความเป็นมืออาชีพ)
ข้อเท็จจริงเป็นแบบไหนก็ใช้ความเป็นมืออาชีพรายงานออกมาตามที่พึงทำในวิชาชีพ
แล้วจะกลับบ้านไปร้องให้ก็ตามสบาย...ไม่มีใครเขาห้าม
ทำงานให้สมกับเป็น "มืออาชีพ" ใน "วิชาชีพ" ของตัวเองหน่อย
พอใครแตะก็โวยวายว่า "แทรกแซงสื่อ"
ดังนั้นเมื่อสื่อทำงานแบบ "มือสมัครเล่น"
คนดูก็มีสิทธิ์ที่จะโวยวายเช่นกันว่า "ถูกสื่อแทรกแซงการรับรู้ข้อเท็จจริงด้วยการ Tie in อารมณ์ส่วนตัวลงในเนื้อหา"
นักข่าวดัดจริตควรจะรู้นะครับ
ว่าการเป็น "นักข่าวทีวี" นั้นมัน Tie in ได้แค่สินค้าจากสปอนเซอร์
จะอยู่ในคอสทูม หรือ อยู่ในลูปพิ้ง โลโก้ หรือ จะเป็นพร็อพ ก็ตามสบาย
แต่ไม่ใช่ "อารมณ์" ของนักข่าวที่ไป Stand up covering ในสนามข่าวครับ
อเมริกาเองเราก็เห็นในข่าวบ่อยๆ
ว่าเวลามีไอ้พวกเม็กซิกัน หรือ คิวบัน หลบหนีเข้าเมือง
มันก็ไม่ได้เมตตาปราณีให้อาศัยในแผ่นดินมัน เหมือนที่มันเรียกร้องกับคนอื่น
หรือ อังกฤษที่เป็นต้นตอนปัญหาโรฮิงยาก็เถอะ
ใครไม่เชื่อก็ลองหาทางหลบหนีเข้าไปอยู่ในบ้านมันดูเถอะ
จะได้รู้ว่ามันเมตตา ปราณี ให้ข้าว ให้น้ำ และ ตั้งค่ายผู้ลี้ภัยให้อยู่แบบถาวรหริอเปล่า ??
UN ก็เช่นกัน
สรรหาแต่คำพูดสวยๆมากดดันประเทศที่ไม่เกี่ยวข้อง
แต่ไม่เคยใช้อำนาจที่มีอยู่ไป "แซงชั่น" ประเทศต้นทางอย่างพม่า เพื่อแก้ปัญหา
แถมยังเศรือกมาออกแถลงการณ์
เพื่อให้ประเทศที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาร่วมรับผิดชอบ
แต่ละข้อก็ "ดัดจริต" ทั้งนั้นอีกต่างหากว่ะ...!!!
1. ยึดถือเรื่องการช่วยชีวิตเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ด้วยการยกระดับความเข้มแข็งของปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย
-ข้อนี้ UN ไม่แหกตาดูข่าวเลยเหรอครัฟฟ
ว่าไทยก็ช่วยชีวิตด้วยการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม
ยารักษาโรค และ น้ำมัน ให้ครบถ้วนไม่ตกไม่หล่น
แล้วไอ้ที่จะให้ไปค้นหา , ไปกู้ภัยเนี่ย จะไปหาหรือไปกู้ภัยให้ใคร
ตอนที่โรฮิงยามันออกเรือมันส่งเส้นทางเดินเรือมาบอกเหรอว่า "จะมาแถวนี้นะ ช่วยดูแลหน่อย"
2. หยุดการผลักดันเรือและมาตรการต่างๆ ที่ช่วยให้เรือเหล่านั้นออกจากน่านน้ำ ขณะที่รับประกันด้วยว่า มาตรการทั้งหมดที่ใช้นั้นสอดคล้องกับข้อปฏิบัติของหลักการไม่ส่งกลับ (non-refoulement) และมาตรฐานสิทธิมนุษยชนอื่นๆ
-ข้อนี้ต้องให้โรฮิงยาเดินเรือไปที่ชายฝั่งอังกฤษ หรือ อเมริกา
แล้วจะได้รู้กันเลยว่าไอ้ประเทศเหล่านั้นมันทำแบบเดียวกันกับไทยหรือเปล่า
3. เตรียมการเพื่อนำเรือเข้าฝั่งอย่างมีประสิทธิภาพและพยากรณ์ได้ ไปยังสถานที่ปลอดภัยที่มีการต้อนรับทางมนุษยธรรมอย่างพอเพียง
-ข้อนี้ขรำว่ะ
จะให้ต้อนรับ "พอเพียง" ขนาดไหน
ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ยา ให้น้ำมันนี่ยังไม่พออีกเหรอ
จะให้ต้อนรับแบบเอาขบวนแห่กลองยาว มีน้ำมะตูมเป็นเวลคั่ม ดริ้งค์ พร้อมพวงมาลัยคล้องคอด้วยเลยมั๊ย
4. หลีกเลี่ยงการจับกุมผู้อพยพและมาตรการลงโทษอื่นๆ และรับรองด้วยว่าสิทธิมนุษยชนของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยทั้งหมดจะได้รับการคุ้มครอง และการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก จะต้องถูกชี้นำด้วยผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก
-ถ้าเป็นการหลบหนีเข้าเมือง
ซึ่งมันผิดกฏหมายของประเทศนั้นๆ
เขาก็บังคับใช้กฏหมายตามที่มันตราไว้นั่นแหละ
จะโดนลงโทษ , จะโดนเนรเทศออกไป หรือ จะโดนลากเรือออกไปในน่านน้ำสากลมันไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอก
5. จัดตั้งกระบวนการคัดกรองด้วยเจ้าหน้าที่ร่วมจากรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อจำแนกแยกแยะสถานการณ์ของผู้อพยพแต่ละคน ว่าเป็น ก. ผู้อพยพที่ต้องการความคุ้มครองเช่น หลบภัย ลี้ภัย หรือ เป็นบุคคลไร้สัญชาติ ข. เป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์หรือผู้มีความเสี่ยง ถูกทรมานหรือการทารุณอื่นๆ หากถูกส่งกลับประเทศที่พวกเขาจากมา ค. ผู้อพยพที่มีปัญหาสุขภาพต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน และ ง. ผู้อพยพที่สมัครใจเดินทางกลับมาตุภูมิด้วยตัวเอง
-อ้าวววว..
ก็ไม่ได้อยากให้ขึ้นฝั่งตั้งแต่แรก
แล้วจะให้มาคัดกรองอะไรกับโรฮิงยาล่ะ
ไอ้ขั้นตอนที่ว่านี้มันแทบจะหมายถึงการตั้งค่ายอพยพถาวรแล้วนะครัฟฟฟ
6. เพิ่มช่องทางเพื่อการอพยพอย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับแรงงานอพยพในทุกระดับทักษะ
-เดี๋ยวเขาเข้าสู่ AEC
เรื่องแบบนี้มันก็มีอยู่ในโรดแม็พอยู่แล้ว
การเคลื่อนย้ายของแรงงานแบบถูกกฏหมายไทยก็ทำมานานแล้ว
ไม่งั้นแรงงานพม่า , เขมร , ลาว ที่มาทำมาหากินที่นี่จะมีบัตรประจำตัวได้ยังไงล่ะ
7. เพิ่มความพยายามในการดำเนินคดีเอาผิดกับสมาชิกขบวนการค้ามนุษย์และผู้ขนส่งคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อสิทธิมนุษยชน และเคารพสิทธิ์ของผู้ตกเป็นเหยื่ออย่างเต็มที่ด้วย
-ประยุทธ์ก็สั่งให้ขุดรากถอนโคนอยู่นี่ไง
โดนข้อหา "ค้ามนุษย์" นี่ประยุทธ์มันแทบจะหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว
เอาแต่เรียกร้องให้ "เคารพสิทธิ์" ของผู้อพยพแต่ไอ้คนเรียกร้องดันไม่ "เคารพสิทธิ์" ในการตัดสินใจของเจ้าของบ้าน...โถ....
8. เพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศเป็น 2 เท่า เพื่อหาทางแก้ไข 'ปัจจัยผลักดัน' และรากเหง้าของปัญหาที่ทำให้เกิดการอพยพและลี้ภัย โดยเฉพาะการแบ่งแยก, การถูกทอดทิ้ง, การข่มเหงรังแก และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
-จะไปร่วมมืออะไรกับพม่ามัน ??
ปัญหาภายในประเทศมันก็ต้องแก้ของมัน
คนอื่นเขาก็มีปัญหาของเขาที่ต้องแก้เช่นกัน ยะลาก็เพิ่งระเบิดไปหยกๆ
มันข่มเหงรังแกกันที่รัฐยะไข่ แล้วจะให้คนอื่นไปเศรือกอะไรกับเรื่องภายในของมัน ??
9. ออกมาตรการเฉพาะเพื่อต่อสู้กับการหวาดกลัวชาวต่างชาติ และการแบ่งแยกใดๆ บนพื้นฐานของเชื้อชาติ, เพศ, ภาษา, ศาสนา, ชนเผ่า, สัญชาติ, ถิ่นกำเนิด หรือสถานะอื่นๆ
-แหมมม...
ขนาดในไทยยังแบ่งแยก ยังเหยียดกันเองเลย.... เจ๊กอย่างโน้น จีนอย่างนี้....
ไอ้ บก.ลายจุดยังยกเรื่องคนจีนโพ้นทะเลที่อพยพมาในเจนเนอเรชั่นแรก มาเปรียบเทียบกับกรณีโรฮิงยาเลย
ทั้งๆที่องค์ประกอบของการอพยพมามันต่างกันราวฟ้ากับเหว อีกทั้งปัจจัยทางสังคมของไทยในยุคนั้นก็ไม่เหมือนยุคนี้
เรียกร้องมา 9 ข้อ
แต่ละข้อไม่เคยนึกถึง "สิทธิ์" ของเจ้าของบ้านเลย
แม้จ่าจะไม่ชอบประยุทธ์เลยซักนิด
แต่กรณีของโรฮิงยาจ่าเห็นด้วยกับประยุทธ์มัน 100%
เฮ้อออ.....นานๆจะเชียร์ประยุทธ์มันซักที....!!!!!!
จ่าพิเชษฐ์