DEAD ZONE อันตราย มันเคลื่อนที่ได้ ไปอยู่ทะเลใหน สิ่งมีชีวิตตายเรียบ


ทีมนักวิจัยจากศูนย์เฮล์มโฮลตซ์เพื่อการวิจัยมหาสมุทรแห่งคีลในเมืองคีล ประเทศเยอรมนี เผยแพร่ผลการตรวจสอบและวิจัยปรากฏการณ์ "เดดโซน" หรือจุดที่มีออกซิเจนต่ำมากๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติกผ่านวารสารวิชาการ "ไบโอจีโอไซนซ์" เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่าจุดที่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวนอกจากจะมีระดับออกซิเจนในน้ำต่ำมาก ต่ำจนไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตใดๆ ใช้ชีวิตอยู่ได้แล้ว ยังสามารถทรงตัวอยู่นานนับเป็นเดือนๆ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบนิเวศชายฝั่งได้หากเคลื่อนที่เข้าใกล้

ในรายงานที่เผยแพร่สู่สาธารณะดังกล่าวระบุว่าทีมวิจัยค้นพบพื้นที่"เดดโซน" ดังกล่าวในน่านน้ำเปิดเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก อยู่ภายในพื้นที่น้ำวนขนาดใหญ่ที่ยาวราว 160 กิโลเมตร ที่อาจหมุนวนอยู่แบบนี้แต่ละครั้งนานหลายเดือน คุณลักษณะสำคัญของ "เดดโซน" ก็คือ พื้นน้ำบริเวณที่มีออกซิเจนเจือปนอยู่ต่ำมาก จนแทบเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์ต่างๆ จะรอดชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น หากสัตว์น้ำชนิดหนึ่งชนิดใดผ่านเข้าไปในพื้นที่เดดโซนดังกล่าวก็ต้องเร่งหลบหนีออกไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็ตายสถานเดียวเท่านั้น

ปรากฏการณ์ "เดดโซน" ที่เป็นที่รู้จักกันแต่เดิมนั้นมีให้พบเห็นกันบ่อยครั้งไม่น้อยบริเวณพื้นที่ชายฝั่งและมักเกิดเป็นฤดูกาล ตัวอย่างเช่น เขตเดดโซนที่ก่อตัวขึ้นในพื้นที่อ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นหนึ่งในเดดโซนที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเกิดขึ้นทุกๆ หน้าร้อน เกิดจากการที่แม่น้ำมิสซิสซิปปีพัดพาเอาสารอาหารจำนวนมากไหลลงสู่ทะเลบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิปปีส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เติบโตขยายตัวของสาหร่ายทะเลมากเป็นพิเศษในพื้นที่ดังกล่าวที่เรียกว่า"ปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่ง" ที่สร้างของเสียจำนวนมหาศาลตามมา เมื่อจุลชีพอื่นๆ เข้าไปย่อยสลายของเสียดังกล่าวก็จะดึงเอาออกซิเจนออกไปจากน้ำมากเป็นพิเศษเพื่อใช้ในกระบวนการย่อยสลาย ส่งผลให้เกิดภาวะออกซิเจนต่ำในบริเวณดังกล่าว

แต่ปรากฏการณ์เดดโซนที่พบใหม่นี้เกิดขึ้นจากกระบวนการที่แตกต่างกันออกไปโยฮันเนสคาร์สเตนเซน ผู้เขียนรายงานระบุว่า สาเหตุหลักของการขาดออกซิเจนในพื้นที่เดดโซนใจกลางมหาสมุทรนั้น เกิดจากการที่ภาวะน้ำที่หมุนวนได้สร้าง "กำแพงน้ำ" ขึ้นบริเวณใจกลางที่กักน้ำในบริเวณนั้นเอาไว้ น้ำที่ถูกกักจะสูญเสียออกซิเจนไปอย่างรวดเร็ว และเนื่องจากภาวะหมุนวนของน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจนกับผืนน้ำโดยรอบน้ำวนดังกล่าวได้ออกซิเจนจึงหมดไปอย่างรวดเร็ว

คาร์สเตนเซนตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่าภาวะน้ำวนดังกล่าวนั้นไม่ได้ลึกมากมายนัก น้ำจะวนอยู่เพียงแค่ระดับ 20-30 เมตร ในเวลาเดียวกันพื้นผิวด้านบนสุดของน้ำวนก็พัดพาเอาสารอาหารไปสะสมไว้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่งย่อยๆ ขึ้นตามมา ยิ่งทำให้การสูญเสียออกซิเจนในบริเวณดังกล่าวรวดเร็วขึ้นไปอีก

ทีมวิจัยตรวจวัดปริมาณออกซิเจนในพื้นที่เดดโซนหลายจุดที่ค้นพบพบว่าค่าออกซิเจนในน้ำต่ำจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีออกซิเจนเลยสัดส่วนสูงสุดที่พบนั้น มีออกซิเจนเจือปนอยู่เพียง 0.3 มิลลิลิตรต่อน้ำทะเล 1 ลิตร ในขณะที่สัดส่วนของน้ำทะเลทั่วไปนั้น ค่าของออกซิเจนต่ำสุดที่เจือปนอยู่ในน้ำทะเลจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือวัดได้ 1 มิลลิลิตรต่อน้ำทะเล 1 ลิตร

คาร์สเตนเซนระบุว่า "เดดโซน" ใหม่ที่ค้นพบนี้เคลื่อนที่ได้ ทำให้มันมีโอกาสเคลื่อนที่เข้าไปส่งผลกระทบต่อประชาชนของหมู่เกาะเคปเวอร์เดได้ ด้วยการทำให้น้ำทะเลใกล้ชายฝั่งมีออกซิเจนต่ำมาก ทำลายระบบนิเวศบริเวณนั้นไปทั้งหมดนั่นเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1432003673
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ปี 2001 ทางตอนใต้ของเกาะเสม็ดก็เคยมีภาพลักษณะนี้ครับ
ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่