(Boyzone) Dublin to Detroit กลมกล่อมแบบเหล้าใหม่ในขวดเก่า

ตามที่เราเข้าใจแต่เริ่มเดิมที การที่วงดนตรีสักวงหรือนักร้องสักคนจะเอาเพลงเก่ามา Cover ใหม่นั้น
ย่อมต้องหาวิธีทางที่จะสร้างเอกลักษณ์ใหม่เฉพาะตัวลงไปในเพลงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความแตกต่างไปจากเดิม
และได้รับความนิยมขึ้นในตัวบทเพลงนั้นๆ อีกครั้งหนึ่ง

          แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่กับวง Boyzone วงบอยแบนด์ไอริสรุ่นดึก ที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค 90
ที่ออกสตูดิโออัลบั้มที่ 6 Dublin to Detroit ที่เพลงในอัลบั้มนี้เป็นเพลงเก่าทั้งหมด โดยอิงคอนเซ็ปต์แบบร่วมสมัย
โดยเลือกเพลงที่เคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของ Motown Record ค่ายเพลง Soul Pop ยุค 60s จาก
สไตล์เมืองดีทรอยต์ โดย Motown ประสบความสำเร็จกับเพลงที่ทำในลักษณะโซลเป็นหลัก จนเกิดแนวเฉพาะ
แบบที่เรียกว่า เดอะโมทาวน์ซาวด์ ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของดนตรีโซล ที่ได้รับอิทธิพลเด่นชัดจากเพลงป็อป
ซึ่งเราก็เลยเข้าใจได้ว่าชื่ออัลบั้มนั้นมาจากชื่อเมืองหลวงของไอร์แลนด์ที่ๆ ถิ่นกำเนิดของหนุ่มๆ Boyzone
กับชื่อเมืองดีทรอยต์จุดเริ่มต้นของเพลงฮิตสุดคลาสสิก ที่พวกเขานำกลับมาร้องอีกครั้ง



         และที่เราบอกไว้ตอนต้นว่าการ Cover ของ Boyzone นั้นแตกต่างจากกระแสหลักเลยก็คือ พวกเขาเลือกที่
จะใช้ท่วงทำนองดนตรีในแบบดั้งเดิมของเพลง และปรับเปลี่ยนดีไซน์การร้องแต่เพียงเท่านั้น
         ซึ่งจะว่าไปแล้วทางวงก็เคย Cover เพลงจนชาวบ้านชาวเมืองเข้าในว่าเป็นเพลงของพวกเขาเองจนโด่งดัง
ทั่วโลกมาแล้วอย่าง Love me For a reason ที่เป็นเพลงของ The osmonds (ที่จริงๆ ก็ไม่ใช่ออริจินอลหรอก)
มาแบบจังหวะการร้องทำนองเกือบจะเป๊ะๆ เลย (จะไม่เหมือนก็คงท่าเต้นสุดจ๊าบละมั้ง)
        คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เมื่อเทียบกับ The osmonds
        
        คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


         Dublin to Detroit เปิดหัวอัลบั้มด้วยไตเติลแทรคมีจังหวะ Soul นุ่มๆ ด้วย What Becomes Of The Broken Hearted
แค่เพลงแรกก็ติดหูละ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ         
        ซึ่งในเมื่อมันเป็นเพลงเก่า เราจึงไปค้นหาเวอร์ชั่นที่แตกต่างออกไปซึ่งมีหลากหลายพอควร
และเราก็ไปเจอต้นฉบับของ Jimmy Ruffin

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
       ที่เราฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่ามันต่าง...แต่ยังคงความเหมือนเดิมไว้ได้ด้วยเฮ้ย! เพราะสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ เพลงมันคลีนและลื่นหูขึ้น
อาจจะเพราะการบันทึกเสียงที่พัฒนาขึ้นกว่าเมื่อ 50 ปีก่อน กับเทคนิคใหม่ๆ ที่สอดแทรกไปเล็กน้อยจนเราไม่รู้สึกเลี่ยน

       ลึกๆ เราคิดว่าการที่พวกเขาเลือกที่จะนำบทเพลงที่ดังมากในอดีตมาร้องใหม่แบบนี้ ส่วนนึงก็เพื่อนปลุกกระแสเพลง Motown อีกครั้ง
โดยอ้อมก็ยังได้ใจแฟนเพลงดั้งเดิมของทั้งสองฝั่ง Dublin ถึง Detroit เลยทีเดียว
      

Tracklist
1. What Becomes Of The Broken Hearted (Jimmy Ruffin)
2. Tracks Of My Tears  (The Miracles)
3. You Can't Hurry Love (The Supremes)
4. This Old Heart Of Mine (The Isley Brothers)
5. Just My Imagination (The Temptations)
6. Higher And Higher (Jackie Wilson)
7. I'm Doing Fine Now (New York City )
8. Reach Out (I'll Be There) (The Four Tops)
9. The Tears of A Clown (Smokey Robinson and The Miracles only)
10. Wherever I Lay My Hat (Paul Young)
11. What Christmas Means To Me (Stevie Wonder)

      ด้วยความต่อเนื้อในครั้งแรกเราเปิดฟังไล่เรียงไปทีละเพลงตามลำดับ (ให้อรรถรสเหมือนฟังเทปคลาสเซทไปอีกแบบ)
เพลงเหล่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาหยิบยกขึ้นมาร้องกัน แต่เคยนำกลับมาร้องหลายครั้งแล้วในสไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
The Tracks of My Tears ที่เคยถูกร้องจากทั้ง Boy II Men , Rod Stewart , Johnny Rivers และอีกเยอะเลย
      ส่วนอีกเพลงที่เราอยากแนะนำเลยคือ Wherever I Lay My Hat ของ Paul Young ที่หนุ่มๆ BZ เค้นเสียงออกมา
ให้โลกได้รู้ว่า...ยังเตะปีบดังอยู่นะเอ่อ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

      จากการสังเกตเพลงที่เลือกมารวมในอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่เน้นการประสานเสียง ฟังสบายๆ เป็นหลัก
ซึ่งเสียงหลักๆ ก็ตกเป็นเสียงของ Ronan เพียงเท่านั้น จริงๆ แล้ววงนี้เราแยกโทนเสียงที่แตกต่างได้แค่ Ronan กับ Stephen gately
แต่พอไม่มี Stephen เราก็เลยรู้สึกว่าโทนเสียงในเพลงดูจะคล้อยตามไปกันหมด

       ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าเราได้ฟังอัลบั้มนี้ช้าไป (มันวางแผงตั้งแต่ พ.ย. ปีที่แล้ว) และก็เงียบมาก จนเราคิดว่า BZ20
คืออัลบั้มใหม่ล่าสุดของทางวงซะอีก คือจริงๆ เราก็ไม่ได้ตามข่าววงนี้มาสักพักตั้งแต่วงเหลือ 4 คน กับเพลงใหม่ยุค 2010
เสียงยังคงเส้นคงวา แต่เนื้อร้องของเพลงกลับไม่โดนใจเอาซะเลย
      
       เราว่าทางออกที่เหมาะสมจนน่าจะทำให้วงได้รับความนิยมอีกครั้งเป็นอัลบั้มนี้ เพราะ เราเพิ่งหามาฟังทั้งอัลบั้มได้เมื่อสัปดาห์ก่อน
หลังจากออกขายมาได้ 6 เดือน แต่เพลงพวกนี้บอกได้เลยว่าเป็นการขัดเกลาเพลงที่เป็นอมตะฟังสบายในมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งอย่างลงตัว
แบบเหล้าเก่าเขย่าใหม่ เอ๊ย! เหล้าใหม่ ในขวดดั้งเดิมนั่นเอง

       และที่อีกอย่างเราก็คิดว่าจาก set list 2014 ที่มีออกมานั้นก็ไม่มีรายชื่อเพลงในอัลบั้มนี้เลย ก็ได้แต่ลุ้นว่าการมาเยือนไทยคราวนี้
พวกเขาจะขนเพลงคลาสสิกนุ่มละมุนในชุดนี้มาร้องให้เราฟังบ้าง สัก 3-5 เพลงก็ยังดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่