ความเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นเงื่อนไขเดียวที่พระเจ้าทรงเรียกร้องสำหรับความรอด ความเชื่อไม่ใช่การกล่าวยอมรับพระคริสต์เท่านั้น แต่เป็นกิจซึ่งแสดงออกจากจิตใจของผู่ที่เชื่อที่แสวงหาการติดตามของพระคริสต์ในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดด้วย
แนวคิดเรื่องความเชื่อในพันธสัญญาใหม่รวมถึงองค์ประกอบ 4 อย่างมีดังต่อไปนี้
1. ความเชื่อ หมายถึง การเชื่อและการไว้วางใจอย่างแน่วแน่ในพระคริสต์ ผู้ซึ่งถูกตรึงตายและเป็นขึ้นในฐานะที่ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของเรา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเชื่อสุดใจ การยอมมอบเจตจำนงของเรา และการอุทิศถวายตนเองทั้งหมด แด่พระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งพันธสัญญาใหม่เปิดเผยไว้
2. ความเชื่อเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ นั่นคือ การหันจากบาป ด้วยความสำนึกเสียใจอย่างแท้จริง และหันเข้าหาพระเจ้าโดยทางพระคริสต์ ความเชื่อที่นำไปถึงความรอดเป็นความเชื่อที่มีการกลับใจใหม่เสมอ
3. ความเชื่อรวมถึงความเชื่อฟังต่อพระเยซูคริสต์และพระวจนะของพระองค์ ในฐานะที่เป็นวิถีชีวิตที่ได้รับความเร้าใจโดยความเชื่อของเรา ความซาบซึ้งใจของเราต่อพระเจ้า และโดยพระราชกิจแห่งการทำให้บังเกิดใหม่ของพระวิญญาณ นั่นคือ "ความเชื่อฟังซึ่งมาจากความเชื่อ" ฉะนั้น ความเชื่อและความเชื่อฟังต้องไปควบคู่กัน ความเชื่อที่นำไปสู่ความรอดที่ปราศจากการอุทิศตัวให้แก่ความบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นไปไม่ได้
4. ความเชื่อรวมถึงการอุทิศตนจากจิตใจและยึดมั่นในพระเยซูคริสต์ ซึ่งแสดงออกโดยความไว้วางใจความรัก โดยความซาบซึ้ง และความจงรักภักดี ความเชื่อในความหมายสูงสุดนั้นไม่สามารถแยกจากความรักได้ แต่เป็นกิจแห่งการถวายบูชาและถวายตัวโดยตรงแด่พระคริสต์
ความเชื่อในพระเยซูว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด เป็นทั้งการกระทำที่เกิดขึ้นในขณะหนึ่งและเป็นท่าทีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งต้องเติบโตและทำให้เข้มแข็งขึ้น เพราะเรามีความเชื่อในผู้หนึ่งซึ่งยอมตายแทนเรา ความเชื่อของเราจึงควรจะเติบโตมั่นคงยิ่งขึ้น ความไว้วางใจและความเชื่อฟังพัฒนาไปสู่ความจงรักภักดีและการอุทิศตัว ความจงรักภักดีและการอุทิศตัวพัฒนาไปสุ่ความยึดมั่นอย่างจริงจังและความรักต่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ความเชื่อในพระคริสต์นี้นำเราเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้า และทำให้เราพ้นจากพระพิโรธของพระองค์ โดยความสัมพันธ์นี้เราจึงตายต่อบาป และพระวิญญาณบริสุทธิ์สนิทในเรา
ความเชื่อที่นำไปสู่ความรอด
แนวคิดเรื่องความเชื่อในพันธสัญญาใหม่รวมถึงองค์ประกอบ 4 อย่างมีดังต่อไปนี้
1. ความเชื่อ หมายถึง การเชื่อและการไว้วางใจอย่างแน่วแน่ในพระคริสต์ ผู้ซึ่งถูกตรึงตายและเป็นขึ้นในฐานะที่ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของเรา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเชื่อสุดใจ การยอมมอบเจตจำนงของเรา และการอุทิศถวายตนเองทั้งหมด แด่พระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งพันธสัญญาใหม่เปิดเผยไว้
2. ความเชื่อเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ นั่นคือ การหันจากบาป ด้วยความสำนึกเสียใจอย่างแท้จริง และหันเข้าหาพระเจ้าโดยทางพระคริสต์ ความเชื่อที่นำไปถึงความรอดเป็นความเชื่อที่มีการกลับใจใหม่เสมอ
3. ความเชื่อรวมถึงความเชื่อฟังต่อพระเยซูคริสต์และพระวจนะของพระองค์ ในฐานะที่เป็นวิถีชีวิตที่ได้รับความเร้าใจโดยความเชื่อของเรา ความซาบซึ้งใจของเราต่อพระเจ้า และโดยพระราชกิจแห่งการทำให้บังเกิดใหม่ของพระวิญญาณ นั่นคือ "ความเชื่อฟังซึ่งมาจากความเชื่อ" ฉะนั้น ความเชื่อและความเชื่อฟังต้องไปควบคู่กัน ความเชื่อที่นำไปสู่ความรอดที่ปราศจากการอุทิศตัวให้แก่ความบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นไปไม่ได้
4. ความเชื่อรวมถึงการอุทิศตนจากจิตใจและยึดมั่นในพระเยซูคริสต์ ซึ่งแสดงออกโดยความไว้วางใจความรัก โดยความซาบซึ้ง และความจงรักภักดี ความเชื่อในความหมายสูงสุดนั้นไม่สามารถแยกจากความรักได้ แต่เป็นกิจแห่งการถวายบูชาและถวายตัวโดยตรงแด่พระคริสต์
ความเชื่อในพระเยซูว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด เป็นทั้งการกระทำที่เกิดขึ้นในขณะหนึ่งและเป็นท่าทีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งต้องเติบโตและทำให้เข้มแข็งขึ้น เพราะเรามีความเชื่อในผู้หนึ่งซึ่งยอมตายแทนเรา ความเชื่อของเราจึงควรจะเติบโตมั่นคงยิ่งขึ้น ความไว้วางใจและความเชื่อฟังพัฒนาไปสู่ความจงรักภักดีและการอุทิศตัว ความจงรักภักดีและการอุทิศตัวพัฒนาไปสุ่ความยึดมั่นอย่างจริงจังและความรักต่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ความเชื่อในพระคริสต์นี้นำเราเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้า และทำให้เราพ้นจากพระพิโรธของพระองค์ โดยความสัมพันธ์นี้เราจึงตายต่อบาป และพระวิญญาณบริสุทธิ์สนิทในเรา