นิยาม พระเจ้าในที่นี้หมายถึง พระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด : God)
คริสตชนส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เชื่อว่าเมื่อตนเองตายไปแล้วจะได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์
โดยเชื่อตามคำสอนหรือคำเทศนาของอาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวชของแต่ละนิกาย
ที่มักสอนว่าพระเจ้าได้รับคริสตชนผู้ที่เชื่อในพระเจ้าเป็นลูกของพระองค์แล้ว
และพระเจ้าได้ประทานความรอดให้แก่ลูกของพระองค์อย่างถาวร
ไม่ว่าเขาจะประพฤติดีหรือชั่ว เขาก็ยังเป็นลูกของพระเจ้า โดยพระเจ้าได้ชำระบาปให้แก่เขาจนหมดสิ้นแล้ว
ดังนั้นเมื่อเขาตายไปแล้ว พระเจ้าจะรับเขาไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
***โดยเชื่อว่าที่เขาได้รับความรอดนั้น ก็รอดโดยพระคุณของพระเจ้า
โดยไม่เกี่ยวข้องกับการประพฤติของเขา***
ในงานศพของคริสตชน อาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวช มักจะกล่าวว่าคริสตชนที่ตายไปแล้วจะได้ไปอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้า
โดยไม่สนใจว่าเขามีความวางใจพระเจ้าหรือไม่ ? และเขาได้ประพฤติตามคำสอนของพระเยซูคริสต์หรือไม่ ?
ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ เป็นหัวใจสำคัญที่สุด
ที่จะทำให้มนุษย์ได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์ ดังปรากฏอยู่ในคำสอนของพระเยซูคริสต์
มัทธิว 7:24,26
เพราะฉะนั้น
ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างบ้านของตนไว้บนศิลา
แต่ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนคนที่โง่เขลาสร้างบ้านของตนไว้บนทราย
ยอห์น 5:24
เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า
ถ้าใครฟังคำของเรา และวางใจผู้ทรงใช้เรามา
คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว
=> ผู้ที่ประพฤติตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ และวางใจพระเจ้า จะได้ไปสวรรค์
หมายเหตุ คำสอนของพระเยซูคริสต์ คือ รักทุกคน ไม่ทำบาป และมุ่งทำความดี
ยอห์น 6:47
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ผู้ที่วางใจในเราก็มีชีวิตนิรันดร์
=> ผู้ที่วางใจพระเยซูคริสต์ จะได้ไปสวรรค์
มัทธิว 7:21
ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์
แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้
=> ไม่ใช่ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคน จะได้ไปสวรรค์
แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น จึงจะได้ไปสวรรค์
จากเรื่องดังกล่าวตามข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าเป็นอาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวช
ก็ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะสอนตามคำสอนของพระเยซูคริสต์
ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้มอบให้พระเจ้ามานำชีวิตของตนอย่างแท้จริงหรือไม่ ?
และพวกเขาได้เดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคงหรือไม่ ?
โดยที่พระเจ้าได้ให้เสรีภาพแก่พวกเขา
ที่จะเลือกเดินในทางที่พวกเขาต้องการ
ดังนั้นคริสตชนจึงต้องระมัดระวังในการรับฟังคำสอนของอาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวช
แล้วพิจารณาว่าคำสอนของพวกเขาสอดคล้องกับคำสอนของพระเยซูคริสต์หรือไม่ ?
เพื่อตนเองจะได้ไม่หลงผิดหรือมีความเชื่อผิด แล้วอาจส่งผลให้ตนเองไม่ได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์
ซึ่งจะโทษใครไม่ได้เลย นอกจากโทษตัวเอง
คริสตชนไปสวรรค์ได้อย่างไร ?
คริสตชนส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เชื่อว่าเมื่อตนเองตายไปแล้วจะได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์
โดยเชื่อตามคำสอนหรือคำเทศนาของอาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวชของแต่ละนิกาย
ที่มักสอนว่าพระเจ้าได้รับคริสตชนผู้ที่เชื่อในพระเจ้าเป็นลูกของพระองค์แล้ว
และพระเจ้าได้ประทานความรอดให้แก่ลูกของพระองค์อย่างถาวร
ไม่ว่าเขาจะประพฤติดีหรือชั่ว เขาก็ยังเป็นลูกของพระเจ้า โดยพระเจ้าได้ชำระบาปให้แก่เขาจนหมดสิ้นแล้ว
ดังนั้นเมื่อเขาตายไปแล้ว พระเจ้าจะรับเขาไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
***โดยเชื่อว่าที่เขาได้รับความรอดนั้น ก็รอดโดยพระคุณของพระเจ้า โดยไม่เกี่ยวข้องกับการประพฤติของเขา***
ในงานศพของคริสตชน อาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวช มักจะกล่าวว่าคริสตชนที่ตายไปแล้วจะได้ไปอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้า
โดยไม่สนใจว่าเขามีความวางใจพระเจ้าหรือไม่ ? และเขาได้ประพฤติตามคำสอนของพระเยซูคริสต์หรือไม่ ?
ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ เป็นหัวใจสำคัญที่สุด ที่จะทำให้มนุษย์ได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์ ดังปรากฏอยู่ในคำสอนของพระเยซูคริสต์
มัทธิว 7:24,26
เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างบ้านของตนไว้บนศิลา
แต่ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนคนที่โง่เขลาสร้างบ้านของตนไว้บนทราย
ยอห์น 5:24
เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครฟังคำของเรา และวางใจผู้ทรงใช้เรามา
คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว
=> ผู้ที่ประพฤติตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ และวางใจพระเจ้า จะได้ไปสวรรค์
หมายเหตุ คำสอนของพระเยซูคริสต์ คือ รักทุกคน ไม่ทำบาป และมุ่งทำความดี
ยอห์น 6:47
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่วางใจในเราก็มีชีวิตนิรันดร์
=> ผู้ที่วางใจพระเยซูคริสต์ จะได้ไปสวรรค์
มัทธิว 7:21
ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์
แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้
=> ไม่ใช่ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคน จะได้ไปสวรรค์
แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น จึงจะได้ไปสวรรค์
จากเรื่องดังกล่าวตามข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าเป็นอาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวช
ก็ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะสอนตามคำสอนของพระเยซูคริสต์
ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้มอบให้พระเจ้ามานำชีวิตของตนอย่างแท้จริงหรือไม่ ?
และพวกเขาได้เดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคงหรือไม่ ?
โดยที่พระเจ้าได้ให้เสรีภาพแก่พวกเขา ที่จะเลือกเดินในทางที่พวกเขาต้องการ
ดังนั้นคริสตชนจึงต้องระมัดระวังในการรับฟังคำสอนของอาจารย์/ศิษยาภิบาล หรือนักบวช
แล้วพิจารณาว่าคำสอนของพวกเขาสอดคล้องกับคำสอนของพระเยซูคริสต์หรือไม่ ?
เพื่อตนเองจะได้ไม่หลงผิดหรือมีความเชื่อผิด แล้วอาจส่งผลให้ตนเองไม่ได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์
ซึ่งจะโทษใครไม่ได้เลย นอกจากโทษตัวเอง