สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะค่ะ
นี้เป็นกระทู้แรกเลย ที่เราเขียนในพันทิป (แต่ยืมแอคเพื่อนมา)
แล้วก็ต้องขอขอบคุณ เจ้าของกระทู้ ่เมื่อแม่ส่งควายไปเมกา ่ มากๆ
เพราะเราไปอ่านกระทู้นี้มาแล้วทำให้อยากแชร์ประสบณ์การจริงของเรา
.
.
.
.
เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะค่ะ
เ ร า ไ ม่ ใ ช่ นั ก เ รี ย น แ ล ก เ ป ลี่ ย น ____ขีดเส้นใต้ยาวๆ ถถถ
คือเรามาเมกาด้วยงบทางบ้าน(ซึ่งที่บ้านไม่ใช่คนรวยอะไรแต่โชคที่ที่ได้ส่งพี่สาวมาทำงานที่เมกาก่อนหน้านี้แล้ว)
คือพี่สาวเรานางมาแบบออแพร นางจบมหาลัย นางก็อยากเปิดหูเปิดตาดูก็เลยไปลองสอบแบบออแพร
ออแพร คือเหมือนพี่เลี้ยงเด็กนะค่ะ อยู่กับโฮส เลี้ยงลูกให้โฮส แล้วตอนเด็กไปรร หรือ วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนเอาภาษา
มันเรียนเก่งมาก(ซึ่งผิดกับเราสุดๆ) จนมันได้เกรดนิยมที่นี้และได้รับเข้างานต่อ จนทำมาเรื่อยๆเกือบหกปี
แต่ระหว่างนั้นนางก็บอกกับแม่ตลอดว่าอยากรับน้องมาอยู่ด้วย
เนื่องจากอีน้องเกเรมาก อยู่ที่ไทยสร้างแต่เรื่องและปันหา
คือเราเป็นเด็กกิจกรรมค่ะ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่ไทยตอนประมาณมอสี่
ซ้อมหนักพอควร กลับบ้านเย็นทุกวัน พองานลีดจบ เราก็ยังติดนิสัยกับบ้านดึก
ที่บ้านเริ่มระอาใจ เลยไม่รู้จะทำไงกลับเราดี แต่นั้นก็ไม่สามารถทำให้เรามาเมกาได้หรอกค่ะ ถถถถ,,
คือเราติดเพื่อนแบบมว๊ากกกกกกกกกก ถึงมว๊ากกกกที่สุดดดด
พอช่วงมอห้าๆเพื่อนๆก็เริ่มหาที่เรียนพิเศษเพื่อที่จะสอบเข้ามหาลัยกัน
แต่เราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมหาลัยเลยจริงๆ เราว่ามันเร็วไปสำหรับเรามากค่ะ
เราก็เลยไปบอกแมม่ว่าเราอยากไปเมกา ไปอยู่กับพี่ ... และนั้นก็คือจุดเริ่มต้น
พี่เราตอบตกลงค่ะ แต่ว่าเราต้องทำเอกสารเองทั้งหมด แต่พี่จะเป็นคนบอกว่าเอาไรบ้าง
อย่างแรกคือ
- ไปเอาเกรดจากที่รร มา (อยย่างที่บอกเราพึ่งขึ้นมอห้า ตอนนั้นครูก็ไม่ยอมให้แต่เราก็ขอจนได้ค่ะ) พอได้เกรดมาก็ต้องส่งให้คนแปลค่ะแล้วก็ต้องงประทับตรากระทรวงการต่างประเทศจากไทยด้วย (ร้านแปลเราหาจากอากู๋เกิ้ลค่ะ)
- ใบเกิดก็ต้องส่งแปลแล้วประทับตาเหมือนกันค้ะ (คือค่าแปลไม่เท่าไหร่แต่ค่าประทับตราเนี้ยสิ แพงสลัดดด)
- พราสปอต หรือหนังสือเดินทางค่ะ แต่โชคดีเราเคยทำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
- ขอวีซ่าค่ะ ,, อันนี้เป็นอะไรที่ตัดสินชะตาชีวิต อีชะนีคนนี้เลยค่ะว่าจะได้ไปรึป่าว ต้องงส่งเรื่องไปให้เค้าก่อนค่ะ
จากนั้นก็ต้องไปสอบสัมภาษว่าจะไปทำไม
เรากะว่าจะไปสอบสัมภาษกับพี่ด้วย พี่จะได้ช่วยเพื่อมีอะไรขัดข้อง แต่ไม่เป็นตามนั้นค่ะ
พี่บินกลับมาจากเมกา แต่ ช่วงนั้นพายุเข้าพอดี นางเปลี่ยนเครื่องอยู่เกาหลี
นางติดพายุค่ะคุณขาาาาาาา เลยไม่ได้มากับเรา
เราไปกับพ่อสองคน(พ่อก็ขอวีซ่ากับเราเนื่องจากเราอายุไม่ถึง ต้องมีผู้ปกครองไปด้วย)
เรามาต่อแถวรอตั้งแต่ตีห้าค่ะ คนพอมีบ้าง
แต่พอดีเขาเรียกตามคิวสัมภาษค่ะ คือในใบของเราจะบอกไว้ว่าเข้ารอบเก้าโมง แปดโมง เจ็ดโมง ไรงี้
ส่วนของเรานะหรอออ หึๆ เก้าโมงค่ะ ยืนง้อยไปสิ..
พอเข้าไปสัมภาษเค้าก็ถามค่ะว่าไปเมกาทำไม มีใครอยู่ที่นั้น ไปนานไหม บลาบลาบลาาาา
แล้วก้ขอดูstatement ของพ่อค่ะ แล้วจริงๆแล้วพี่ก็ส่งจดหมายมาเชิญด้วย
ถ้ามีจดหมายจากคนทางนู้นส่งมา มันจะน่าเชื่อถือมากกว่าค่ะ
แต่พ่อเรามั่นใจค่ะเลยไม่ยอมให้เค้าดู
ตอนนั้นเค้าก็ยังไม่บอกนะค่ะว่าได้ไม่ได้
.
.
.
จนกระทั้ง .. หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันบินค่ะ
เราได้วีซ่าค่ะ แต่ได้แค่ปีเดียว(ลืมบอกว่าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยว)
ตอนนี้ก็วุ่นสิค่ะ ตั๋วเครื่องบินยังไม่จอง เอกสารที่ส่งไปแปลก็ยังไม่ได้ โอ้ยยยยยยยยย
วุ่ น ว า ย ม า ก ก ก กกกก
ทุกอย่างชุกละหุกหมดค่ะ เราตื่นเต้นมากกกก
เหมือนเราแแค่คิดว่ามันเป็นการไปเที่ยวแบบ สนุกๆ เกร๋อ่ะแกรรร ประมาณนั้น
สรุปคือเอกสารส่งมาทันเวลาพอดีค่ะ ส่วนตั๋วเครื่องบินหาได้แต่จ่ายหนักมากค่ะ เพราะจะบินไฟล์ทเดียวกับพี่ค่ะ
.
.
.
วันบิน...
เป็นอะไรที่ใจหายวูบๆค่ะ เพื่อนๆก็มาส่งเรา แต่มีเพื่อนกลุ่มนึงมาไม่ทันเราเข้าเกทไปก่อน สงสารพวกมันมากกก
ส่วนเพื่อนๆน้องๆที่ไม่ได้มาส่งก็ให้ของวัญมาดูต่างหน้าค่ะ คือใจหายที่ต้องจากพวกมันไปเหมือนกัน
อย่างที่บอกไปว่าเราติดเพื่อนมากกกกกกก
ตอนนั้นเครื่องเทคออฟ น่าจะตีสองมั้งค่ะ
เราบินสายการบินเกาหลีค่ะ เปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี(แอร์เกาหลีหน้าแน่นมาก บินยี่สิบชม. หน้ายังเป๊ะ อยากรู้เรื่องรองพื้นที่นางใช้)
ตอนบินไปเกาหลีก็นั่งไปกับน้อง(ลูกของพี่ค่ะ) ก็ผ่านไปด้วยดี
แต่จากเกาหลีไปเมกาเนี้ยสิค่ะ มันนั่งแบบปวดตรูดดดดมากค่ะคุณณณณณ
คือเรานั่งตรงกลางขนานข้างไปด้วยป้าเกาหลีและพี่ดำ
มันอึดอัดมากอ่าแกรรรรรร
มีตอนนึงค่ะ แอร์มาเสริฟอาหาร เราก็สั่งไรไปไม่รู้เพราะพูดอิงไม่ได้สักนิด บอกอะไรชิกเก้นนู้ดเดิ้ลมากูแดรกกหมดล่ะ
อาหารก็มาพร้อมไซด์ดิช คือถั่ว ซึ่ง ณ ตอนนั้นเรายังไม่กินถั่ว
มนุษย์ป้าเกาหลีเห็นเข้า พยายามพูดเกาหลีใส่ ทำไม้ทำมือแบบ
ไม่แดรกใช่ม้ายยยย ตรูแดรกให้เอ้งงงงงงง
ซึ่งอีชะนีตัวนี้ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่โบกมือไปมา พร้อมพูดว่า ไม่ ๆ
ไม่แดรกตอนนี้ป้า กูรอให้-นู้ดเดิ้ลกูหมดก่อนนนนนน ____ ไม่ทันอีป้าค่ะ นางคาบไป-ล่ะ
เราทำได้แต่มองหน้าอีป้า-อย่างอร่อยยย
จากนั้นก็แกล้งหลับใส่
งงงงง
เครื่องบินลงจอดที่สนามบิน Washington Dulles International Airport ค่ะ ในรัฐ Virginia ( near washington dc)
สนามบินอยู่ห่างจากบ้านเราประมาณแค่สิบห้านาทีค่ะ
คือเรามาช่วงปิดเทอมเล็กของมอห้า ตอนนั้นมันก็ฤดูใบ้ไม้ร่วงที่นี้พอดี
บรรยากาศที่มองมาจากสนามบิน มันดูแจ่มใสมากค่ะ
ดู่ไม่แตกต่างจากไทย แค่ต้นไม้เยอะกว่ามากๆ แล้วก่อนหน้านั้นมีหิมะตกมานิดหน่อย
ต้นไม้เลยดูขาวๆ เราแปลกใจมากค่ะ คือแบบ เห้ยย ต้นไม้พันไรว้าาาา มีกิ่งสีขาวอย่างกับน้ำแข็ง
แล้วเหตุที่มันไม่ละลายเพราะข้างนอกมัน ..
ห น า วววววววววววววววววววววววว มากกกกกก
คือคววามรู้สึกเราตอนนั้นมันแบบ หนาวยะเยือกอ่ะ ลมแรงเว่ออออ แต่แดดออกนะ
รอแท็กซี่แปบนึงก็ นั่งรถมาบ้านค่ะ
.
.
.
หมู่บ้านที่นี้เป็นแบบ หมู่บ้านก็บ้านเลยยยยย ไม่มีร้านค่าขายไรงี้
ส่วนร้านค้าก็จะเป็นช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ออกมาจากนอกหมู่บ้าน
เราอยู่บ้านประมาณเกือบเดือนได้เนื่องจากต้องติดต่อเรื่องเรียน ,,
.
.
ที่นี้เราสามารถเข้าเรียนรรรัฐบาลได้ค่ะ (เด็กเถื่อนก็เข้าเรียนรรรัฐได้นะ ขอแค่มีสิ่งที่ยืนยันว่ามีที่อยู่ในรัฐนั้นจริงๆ ,, ปล. เรามิใช่เด็กเถื่อนนะ )
ก็เป็นแบบ อเมริกันสคูลเลยค่ะ ชิวๆ ใส่ชุดไรก็ได้ ปีนึงเรียนแค่เจ็ดวิชา วันล่ะสี่คาบ
เรียนคาบเจ็ดทุกวัน คือแบบมันชิวมากค่ะ
.
.
อย่างที่บอกไปว่ากว่าจะทำเรื่องเข้าเรียนได้หมดเวลาไปเป็นเดือน
คืออย่างแรกต้องไปสอบวัดความรู้ก่อนค่ะ ว่าภาษาอังกฤษเราอยู่พื้นฐานไหน
มีทั้งหมด ห้าเลเวลด้วยกัน ทายสิเราจะได้ประมาณไหน สำหรับภาษาอังกฤษ ฟังพูดอ่านเขียน
.
.
.
ค่ะ เราได้ 1.9 ค่ะะะะ ง้อยแดรกกกกกกมากกกกกกกกก ก็เลยต้องเข้าเรียน ESOL ที่รร.
ส่วนคณิต ถึงแม้เราจะโดนคนิตครูไทยบ่อยๆ แต่มานี้เราดูฉลาดมากค่ะ สอบผ่านแต่อีกนิดเดียวเกือบผ่าน algebra 2 แล้วเชียว
แต่พอดีเราโง่เรื่องกราฟ แต่จริงๆเค้ามีเครื่องคิดเลขกราฟให้เรานะ แต่เราไม่ได้ใช้เครื่องคิดเลขเลย ค่ะ
คนที่คุ้มสอบชมเราใหญ่เลยว่าทำได้ไงไม่ใช่เครื่องคิดเลข เก่งจังคิดในใจได้ไงเลขตั้งเยอะ
เราไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่า ฉ ล า ด หรือ โ ง่ ดีค่ะ
เพราะ จริงๆ แล้ว เ ร า ใ ช้ เ ค รื่ อ ง คิ ด เ ล ข มั น ไ ม่ เ ป น น น นนน
ปุ่มเยอะเต็มไปหมด เรางงกับอีเครื่องคิดเลขมันมากกกก เลยไม่ใช้แมร่งงงงงงง
สรุปคือ แอลจีบราทู เราได้ 50 คะแนนค่ะ เราโดดดีใจแทบตาย แต่ก็งงทำไมคนคุมสอบ
ทำหน้าเสียใจใส่เรา
คำตอบคือเราตกค่ะเนื่องจากเกณฑ์การผ่านที่นี้ต้อง 64 ขึ้น
ฟรัคคคคคคคคคคคคคคคคค ค ค ค ค
อยากจะระเบิดเป็นโกโก้ครั้นนนน น น นน
เดี๋ยวขอกลับมาต่อเรื่องเรียนนะ ขอตัวไปนอนแปบ
เมื่อชะนีไทย.. อพยพไปเมกาเพราะกลัวแอดไม่ติดแต่ไม่เป็นอย่างที่คิด(ประสบณ์การจริงอย่างละเอียด)
นี้เป็นกระทู้แรกเลย ที่เราเขียนในพันทิป (แต่ยืมแอคเพื่อนมา)
แล้วก็ต้องขอขอบคุณ เจ้าของกระทู้ ่เมื่อแม่ส่งควายไปเมกา ่ มากๆ
เพราะเราไปอ่านกระทู้นี้มาแล้วทำให้อยากแชร์ประสบณ์การจริงของเรา
.
.
.
.
เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะค่ะ
เ ร า ไ ม่ ใ ช่ นั ก เ รี ย น แ ล ก เ ป ลี่ ย น ____ขีดเส้นใต้ยาวๆ ถถถ
คือเรามาเมกาด้วยงบทางบ้าน(ซึ่งที่บ้านไม่ใช่คนรวยอะไรแต่โชคที่ที่ได้ส่งพี่สาวมาทำงานที่เมกาก่อนหน้านี้แล้ว)
คือพี่สาวเรานางมาแบบออแพร นางจบมหาลัย นางก็อยากเปิดหูเปิดตาดูก็เลยไปลองสอบแบบออแพร
ออแพร คือเหมือนพี่เลี้ยงเด็กนะค่ะ อยู่กับโฮส เลี้ยงลูกให้โฮส แล้วตอนเด็กไปรร หรือ วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนเอาภาษา
มันเรียนเก่งมาก(ซึ่งผิดกับเราสุดๆ) จนมันได้เกรดนิยมที่นี้และได้รับเข้างานต่อ จนทำมาเรื่อยๆเกือบหกปี
แต่ระหว่างนั้นนางก็บอกกับแม่ตลอดว่าอยากรับน้องมาอยู่ด้วย
เนื่องจากอีน้องเกเรมาก อยู่ที่ไทยสร้างแต่เรื่องและปันหา
คือเราเป็นเด็กกิจกรรมค่ะ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่ไทยตอนประมาณมอสี่
ซ้อมหนักพอควร กลับบ้านเย็นทุกวัน พองานลีดจบ เราก็ยังติดนิสัยกับบ้านดึก
ที่บ้านเริ่มระอาใจ เลยไม่รู้จะทำไงกลับเราดี แต่นั้นก็ไม่สามารถทำให้เรามาเมกาได้หรอกค่ะ ถถถถ,,
คือเราติดเพื่อนแบบมว๊ากกกกกกกกกก ถึงมว๊ากกกกที่สุดดดด
พอช่วงมอห้าๆเพื่อนๆก็เริ่มหาที่เรียนพิเศษเพื่อที่จะสอบเข้ามหาลัยกัน
แต่เราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมหาลัยเลยจริงๆ เราว่ามันเร็วไปสำหรับเรามากค่ะ
เราก็เลยไปบอกแมม่ว่าเราอยากไปเมกา ไปอยู่กับพี่ ... และนั้นก็คือจุดเริ่มต้น
พี่เราตอบตกลงค่ะ แต่ว่าเราต้องทำเอกสารเองทั้งหมด แต่พี่จะเป็นคนบอกว่าเอาไรบ้าง
อย่างแรกคือ
- ไปเอาเกรดจากที่รร มา (อยย่างที่บอกเราพึ่งขึ้นมอห้า ตอนนั้นครูก็ไม่ยอมให้แต่เราก็ขอจนได้ค่ะ) พอได้เกรดมาก็ต้องส่งให้คนแปลค่ะแล้วก็ต้องงประทับตรากระทรวงการต่างประเทศจากไทยด้วย (ร้านแปลเราหาจากอากู๋เกิ้ลค่ะ)
- ใบเกิดก็ต้องส่งแปลแล้วประทับตาเหมือนกันค้ะ (คือค่าแปลไม่เท่าไหร่แต่ค่าประทับตราเนี้ยสิ แพงสลัดดด)
- พราสปอต หรือหนังสือเดินทางค่ะ แต่โชคดีเราเคยทำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
- ขอวีซ่าค่ะ ,, อันนี้เป็นอะไรที่ตัดสินชะตาชีวิต อีชะนีคนนี้เลยค่ะว่าจะได้ไปรึป่าว ต้องงส่งเรื่องไปให้เค้าก่อนค่ะ
จากนั้นก็ต้องไปสอบสัมภาษว่าจะไปทำไม
เรากะว่าจะไปสอบสัมภาษกับพี่ด้วย พี่จะได้ช่วยเพื่อมีอะไรขัดข้อง แต่ไม่เป็นตามนั้นค่ะ
พี่บินกลับมาจากเมกา แต่ ช่วงนั้นพายุเข้าพอดี นางเปลี่ยนเครื่องอยู่เกาหลี
นางติดพายุค่ะคุณขาาาาาาา เลยไม่ได้มากับเรา
เราไปกับพ่อสองคน(พ่อก็ขอวีซ่ากับเราเนื่องจากเราอายุไม่ถึง ต้องมีผู้ปกครองไปด้วย)
เรามาต่อแถวรอตั้งแต่ตีห้าค่ะ คนพอมีบ้าง
แต่พอดีเขาเรียกตามคิวสัมภาษค่ะ คือในใบของเราจะบอกไว้ว่าเข้ารอบเก้าโมง แปดโมง เจ็ดโมง ไรงี้
ส่วนของเรานะหรอออ หึๆ เก้าโมงค่ะ ยืนง้อยไปสิ..
พอเข้าไปสัมภาษเค้าก็ถามค่ะว่าไปเมกาทำไม มีใครอยู่ที่นั้น ไปนานไหม บลาบลาบลาาาา
แล้วก้ขอดูstatement ของพ่อค่ะ แล้วจริงๆแล้วพี่ก็ส่งจดหมายมาเชิญด้วย
ถ้ามีจดหมายจากคนทางนู้นส่งมา มันจะน่าเชื่อถือมากกว่าค่ะ
แต่พ่อเรามั่นใจค่ะเลยไม่ยอมให้เค้าดู
ตอนนั้นเค้าก็ยังไม่บอกนะค่ะว่าได้ไม่ได้
.
.
.
จนกระทั้ง .. หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันบินค่ะ
เราได้วีซ่าค่ะ แต่ได้แค่ปีเดียว(ลืมบอกว่าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยว)
ตอนนี้ก็วุ่นสิค่ะ ตั๋วเครื่องบินยังไม่จอง เอกสารที่ส่งไปแปลก็ยังไม่ได้ โอ้ยยยยยยยยย
วุ่ น ว า ย ม า ก ก ก กกกก
ทุกอย่างชุกละหุกหมดค่ะ เราตื่นเต้นมากกกก
เหมือนเราแแค่คิดว่ามันเป็นการไปเที่ยวแบบ สนุกๆ เกร๋อ่ะแกรรร ประมาณนั้น
สรุปคือเอกสารส่งมาทันเวลาพอดีค่ะ ส่วนตั๋วเครื่องบินหาได้แต่จ่ายหนักมากค่ะ เพราะจะบินไฟล์ทเดียวกับพี่ค่ะ
.
.
.
วันบิน...
เป็นอะไรที่ใจหายวูบๆค่ะ เพื่อนๆก็มาส่งเรา แต่มีเพื่อนกลุ่มนึงมาไม่ทันเราเข้าเกทไปก่อน สงสารพวกมันมากกก
ส่วนเพื่อนๆน้องๆที่ไม่ได้มาส่งก็ให้ของวัญมาดูต่างหน้าค่ะ คือใจหายที่ต้องจากพวกมันไปเหมือนกัน
อย่างที่บอกไปว่าเราติดเพื่อนมากกกกกกก
ตอนนั้นเครื่องเทคออฟ น่าจะตีสองมั้งค่ะ
เราบินสายการบินเกาหลีค่ะ เปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี(แอร์เกาหลีหน้าแน่นมาก บินยี่สิบชม. หน้ายังเป๊ะ อยากรู้เรื่องรองพื้นที่นางใช้)
ตอนบินไปเกาหลีก็นั่งไปกับน้อง(ลูกของพี่ค่ะ) ก็ผ่านไปด้วยดี
แต่จากเกาหลีไปเมกาเนี้ยสิค่ะ มันนั่งแบบปวดตรูดดดดมากค่ะคุณณณณณ
คือเรานั่งตรงกลางขนานข้างไปด้วยป้าเกาหลีและพี่ดำ
มันอึดอัดมากอ่าแกรรรรรร
มีตอนนึงค่ะ แอร์มาเสริฟอาหาร เราก็สั่งไรไปไม่รู้เพราะพูดอิงไม่ได้สักนิด บอกอะไรชิกเก้นนู้ดเดิ้ลมากูแดรกกหมดล่ะ
อาหารก็มาพร้อมไซด์ดิช คือถั่ว ซึ่ง ณ ตอนนั้นเรายังไม่กินถั่ว
มนุษย์ป้าเกาหลีเห็นเข้า พยายามพูดเกาหลีใส่ ทำไม้ทำมือแบบ
ไม่แดรกใช่ม้ายยยย ตรูแดรกให้เอ้งงงงงงง
ซึ่งอีชะนีตัวนี้ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่โบกมือไปมา พร้อมพูดว่า ไม่ ๆ
ไม่แดรกตอนนี้ป้า กูรอให้-นู้ดเดิ้ลกูหมดก่อนนนนนน ____ ไม่ทันอีป้าค่ะ นางคาบไป-ล่ะ
เราทำได้แต่มองหน้าอีป้า-อย่างอร่อยยย
จากนั้นก็แกล้งหลับใส่งงงงง
เครื่องบินลงจอดที่สนามบิน Washington Dulles International Airport ค่ะ ในรัฐ Virginia ( near washington dc)
สนามบินอยู่ห่างจากบ้านเราประมาณแค่สิบห้านาทีค่ะ
คือเรามาช่วงปิดเทอมเล็กของมอห้า ตอนนั้นมันก็ฤดูใบ้ไม้ร่วงที่นี้พอดี
บรรยากาศที่มองมาจากสนามบิน มันดูแจ่มใสมากค่ะ
ดู่ไม่แตกต่างจากไทย แค่ต้นไม้เยอะกว่ามากๆ แล้วก่อนหน้านั้นมีหิมะตกมานิดหน่อย
ต้นไม้เลยดูขาวๆ เราแปลกใจมากค่ะ คือแบบ เห้ยย ต้นไม้พันไรว้าาาา มีกิ่งสีขาวอย่างกับน้ำแข็ง
แล้วเหตุที่มันไม่ละลายเพราะข้างนอกมัน ..
ห น า วววววววววววววววววววววววว มากกกกกก
คือคววามรู้สึกเราตอนนั้นมันแบบ หนาวยะเยือกอ่ะ ลมแรงเว่ออออ แต่แดดออกนะ
รอแท็กซี่แปบนึงก็ นั่งรถมาบ้านค่ะ
.
.
.
หมู่บ้านที่นี้เป็นแบบ หมู่บ้านก็บ้านเลยยยยย ไม่มีร้านค่าขายไรงี้
ส่วนร้านค้าก็จะเป็นช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ออกมาจากนอกหมู่บ้าน
เราอยู่บ้านประมาณเกือบเดือนได้เนื่องจากต้องติดต่อเรื่องเรียน ,,
.
.
ที่นี้เราสามารถเข้าเรียนรรรัฐบาลได้ค่ะ (เด็กเถื่อนก็เข้าเรียนรรรัฐได้นะ ขอแค่มีสิ่งที่ยืนยันว่ามีที่อยู่ในรัฐนั้นจริงๆ ,, ปล. เรามิใช่เด็กเถื่อนนะ )
ก็เป็นแบบ อเมริกันสคูลเลยค่ะ ชิวๆ ใส่ชุดไรก็ได้ ปีนึงเรียนแค่เจ็ดวิชา วันล่ะสี่คาบ
เรียนคาบเจ็ดทุกวัน คือแบบมันชิวมากค่ะ
.
.
อย่างที่บอกไปว่ากว่าจะทำเรื่องเข้าเรียนได้หมดเวลาไปเป็นเดือน
คืออย่างแรกต้องไปสอบวัดความรู้ก่อนค่ะ ว่าภาษาอังกฤษเราอยู่พื้นฐานไหน
มีทั้งหมด ห้าเลเวลด้วยกัน ทายสิเราจะได้ประมาณไหน สำหรับภาษาอังกฤษ ฟังพูดอ่านเขียน
.
.
.
ค่ะ เราได้ 1.9 ค่ะะะะ ง้อยแดรกกกกกกมากกกกกกกกก ก็เลยต้องเข้าเรียน ESOL ที่รร.
ส่วนคณิต ถึงแม้เราจะโดนคนิตครูไทยบ่อยๆ แต่มานี้เราดูฉลาดมากค่ะ สอบผ่านแต่อีกนิดเดียวเกือบผ่าน algebra 2 แล้วเชียว
แต่พอดีเราโง่เรื่องกราฟ แต่จริงๆเค้ามีเครื่องคิดเลขกราฟให้เรานะ แต่เราไม่ได้ใช้เครื่องคิดเลขเลย ค่ะ
คนที่คุ้มสอบชมเราใหญ่เลยว่าทำได้ไงไม่ใช่เครื่องคิดเลข เก่งจังคิดในใจได้ไงเลขตั้งเยอะ
เราไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่า ฉ ล า ด หรือ โ ง่ ดีค่ะ
เพราะ จริงๆ แล้ว เ ร า ใ ช้ เ ค รื่ อ ง คิ ด เ ล ข มั น ไ ม่ เ ป น น น นนน
ปุ่มเยอะเต็มไปหมด เรางงกับอีเครื่องคิดเลขมันมากกกก เลยไม่ใช้แมร่งงงงงงง
สรุปคือ แอลจีบราทู เราได้ 50 คะแนนค่ะ เราโดดดีใจแทบตาย แต่ก็งงทำไมคนคุมสอบทำหน้าเสียใจใส่เรา
คำตอบคือเราตกค่ะเนื่องจากเกณฑ์การผ่านที่นี้ต้อง 64 ขึ้น
ฟรัคคคคคคคคคคคคคคคคค ค ค ค ค
อยากจะระเบิดเป็นโกโก้ครั้นนนน น น นน
เดี๋ยวขอกลับมาต่อเรื่องเรียนนะ ขอตัวไปนอนแปบ