เนื้อเรื่องย่อ : เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเอมี่อ้วนได้พาวง 'บาร์เดน เบลลาส์' ไปขายหน้าในการแสดงฉลองวันเกิดโอบาม่า จนทำให้เกิดวิกฤตจะโดนยุบวง, เพื่อที่จะรักษาวงไว้ พวกนางทั้งหลายจะต้องไปชิงแชมป์อะคาเปลล่าโลกให้ได้
ในแง่ของเนื้อเรื่อง - ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ นอกจากเสียงเพลงเพราะๆและสร้างสรรค์ที่เราจะได้ฟังทั้งเรื่องแล้ว ยังมีมุขตลกร้ายเสียดสีอีกมากมายที่หนังขยันใส่เข้ามาไม่ได้ขาด ทั้งจากตัวละครหลักในวง Bellas เองและคู่หูโฆษกจอมเหยียดก็ตาม (ซึ่งโดยส่วนตัวแอบตั้งตาดูฉากไอ้สองคนนี้มากกว่าฉากร้องเพลงเสียอีก) ซึ่งในภาคสองนี้ก็ต้องบอกเลย มุกตลกเหล่านี้คือสิ่งดีงามเพียงสิ่งเดียวที่พอจะพยุงหนังให้อยู่ไปตลอดรอดฝั่งได้ ..
.. เพราะไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนใดมาเข้าสิงผู้กำกับ ที่ทำให้ตัวหนังมันดูมั่วและกลวงขนาดนี้, จุดอ่อนของหนังที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ 'การเกลี่ยบท' ที่ไม่สมดุลกันระหว่างตัวละครในทีมไม่เหมือนกับภาคแรก ตัวละครบางตัวที่เด่นพออยู่แล้วก็โดนดันขึ้นมาจนบังตัวอื่นเสียมิด อาทิตัวฮาปากร้ายของทีมอย่าง Fat Amy (Rebel Wilson) ที่จู่ๆก็มีสตอรี่ผุดขึ้นมามากมายแบบไม่มีที่มาที่ไปจนเกินงาม ซึ่งด้วยสัดส่วนที่มันผิดปกติทำให้ความฮาที่เป็นจุดเด่นของนางดูหมองไปอย่างน่าเสียดาย
ปัญหาอีกเรื่องคือความไม่สมเหตุสมผลและไม่ปะติดปะต่อของเรื่องราว เหมือนหนังพยายามจะใส่ดราม่าหลายๆอย่างเข้ามาในเรื่อง แต่กลับไม่เอาใจใส่จนมันดู 'น่ารำคาญ' ไปเสียฉิบ, อาทินึกจะใส่ฉากพวกนางๆเข้าฐานลูกเสือ มีเล่นโคลน มีกระโดดหอ (พร้อมกับมีเพลงคลอเบาๆ) ก็ใส่เข้ามาเฉย หรือฉากงานปาร์ตี้ที่ฉายฟุตเทจวัยรุ่นดิ้นกันข้างสระว่ายน้ำแบบไม่มีนัยยะอะไรเลย อันนี้ถือว่าเลวร้ายมาก
ยิ่งพูดถึงตัวนางเอก(?)ของเรื่องอย่าง Beca (Anna Kendrick) นี่ถือว่าดับสนิท ชนิดว่าไม่สามารถดึงความโดดเด่นมาให้ตัวเองเลยซักฉาก ถึงแม้จะมีปมประเด็นดราม่าเรื่องของการแอบทิ้งวงไปฝึกงานมาช่วยเพิ่มสตอรี่ก็ตามแต่มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้น ยิ่งการที่นางมีบทที่ต้องห่างวงออกไป กลับกลายเป็นทำให้ตัวตนของนางเฟดออกไปอีก เรียกได้ว่าดับสนิทไม่ต้องสปาร์คกันอีกรอบเลย
สิ่งที่น่าเสียดายคือความหลากหลายของตัวละครรองต่างๆที่เคยเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้กลับหายไป อย่างสาวเสียงน้อยอย่าง Lilly (Hana Mae Lee) หรือบุคคลลักลอบเข้าเมือง Flo (Chrissie Fit) ก็มีส่วนร่วมกับเนื้อเรื่องน้อยมาก (โดยเฉพาะลิลลี่ ผู้เขียนฮากับมุกนางมาก) สมดังที่บอกไว้ข้างต้นว่าการเกลี่ยบทบาทคือปัญหาของเรื่องจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการแสดงและดนตรีเพราะๆต่างก็ยังคงเป็นตัวชูโรงให้หนังเรื่องนี้ได้อยู่ ซึ่งตลอดเรื่องที่เราจะได้รับชมก็จะมีเพลงเพราะๆกับฉากสวยๆให้เราได้ดูชนิดไม่ขาดหาย ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่พอจะชื่นชมได้ แต่ก็อดตลกฉากโชว์สุดท้ายของเรื่องที่พยายามจะทำให้มันเซอร์เรียลเหมือนกับงานคอนเสิร์ตจริงๆ จนมันกลายเป็นไม่สมจริงไปเสียฉิบ แต่ก็หยวนๆละกัน.
"Pitch Perfect ก็ยังคงเป็นหนังที่มีดีที่เพลงเหมือนเช่นภาคแรก แต่กลับขาดความกลมกล่อมและมีการเดินเรื่องที่ไม่ราบรื่น กอปรกับตัวละครที่เป็นสีสันก็ไม่ได้ฉายแววเท่าที่ควร ถือว่าคุณภาพตกลงอย่างมาก แต่โชคยังดี ที่มีมุกเสียดสีสังคม/เพศในเรื่องเป็นจุดเด่นที่น่ารอคอยยิ่งกว่า (ถึงแม้ในโรงจะมีผู้เขียนและฝรั่ง2-3คน ขำก็เถอะ) นับได้ว่าเป็นหนังที่ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เสียดาย"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 6.5/10
นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเวลาที่คุณส่งผู้หญิงไปเรียนมหาลัยครับ by Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ :
https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1
Pitch Perfect 2 - ทำนองที่ไม่ลงตัว
ในแง่ของเนื้อเรื่อง - ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ นอกจากเสียงเพลงเพราะๆและสร้างสรรค์ที่เราจะได้ฟังทั้งเรื่องแล้ว ยังมีมุขตลกร้ายเสียดสีอีกมากมายที่หนังขยันใส่เข้ามาไม่ได้ขาด ทั้งจากตัวละครหลักในวง Bellas เองและคู่หูโฆษกจอมเหยียดก็ตาม (ซึ่งโดยส่วนตัวแอบตั้งตาดูฉากไอ้สองคนนี้มากกว่าฉากร้องเพลงเสียอีก) ซึ่งในภาคสองนี้ก็ต้องบอกเลย มุกตลกเหล่านี้คือสิ่งดีงามเพียงสิ่งเดียวที่พอจะพยุงหนังให้อยู่ไปตลอดรอดฝั่งได้ ..
.. เพราะไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนใดมาเข้าสิงผู้กำกับ ที่ทำให้ตัวหนังมันดูมั่วและกลวงขนาดนี้, จุดอ่อนของหนังที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ 'การเกลี่ยบท' ที่ไม่สมดุลกันระหว่างตัวละครในทีมไม่เหมือนกับภาคแรก ตัวละครบางตัวที่เด่นพออยู่แล้วก็โดนดันขึ้นมาจนบังตัวอื่นเสียมิด อาทิตัวฮาปากร้ายของทีมอย่าง Fat Amy (Rebel Wilson) ที่จู่ๆก็มีสตอรี่ผุดขึ้นมามากมายแบบไม่มีที่มาที่ไปจนเกินงาม ซึ่งด้วยสัดส่วนที่มันผิดปกติทำให้ความฮาที่เป็นจุดเด่นของนางดูหมองไปอย่างน่าเสียดาย
ปัญหาอีกเรื่องคือความไม่สมเหตุสมผลและไม่ปะติดปะต่อของเรื่องราว เหมือนหนังพยายามจะใส่ดราม่าหลายๆอย่างเข้ามาในเรื่อง แต่กลับไม่เอาใจใส่จนมันดู 'น่ารำคาญ' ไปเสียฉิบ, อาทินึกจะใส่ฉากพวกนางๆเข้าฐานลูกเสือ มีเล่นโคลน มีกระโดดหอ (พร้อมกับมีเพลงคลอเบาๆ) ก็ใส่เข้ามาเฉย หรือฉากงานปาร์ตี้ที่ฉายฟุตเทจวัยรุ่นดิ้นกันข้างสระว่ายน้ำแบบไม่มีนัยยะอะไรเลย อันนี้ถือว่าเลวร้ายมาก
ยิ่งพูดถึงตัวนางเอก(?)ของเรื่องอย่าง Beca (Anna Kendrick) นี่ถือว่าดับสนิท ชนิดว่าไม่สามารถดึงความโดดเด่นมาให้ตัวเองเลยซักฉาก ถึงแม้จะมีปมประเด็นดราม่าเรื่องของการแอบทิ้งวงไปฝึกงานมาช่วยเพิ่มสตอรี่ก็ตามแต่มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้น ยิ่งการที่นางมีบทที่ต้องห่างวงออกไป กลับกลายเป็นทำให้ตัวตนของนางเฟดออกไปอีก เรียกได้ว่าดับสนิทไม่ต้องสปาร์คกันอีกรอบเลย
สิ่งที่น่าเสียดายคือความหลากหลายของตัวละครรองต่างๆที่เคยเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้กลับหายไป อย่างสาวเสียงน้อยอย่าง Lilly (Hana Mae Lee) หรือบุคคลลักลอบเข้าเมือง Flo (Chrissie Fit) ก็มีส่วนร่วมกับเนื้อเรื่องน้อยมาก (โดยเฉพาะลิลลี่ ผู้เขียนฮากับมุกนางมาก) สมดังที่บอกไว้ข้างต้นว่าการเกลี่ยบทบาทคือปัญหาของเรื่องจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการแสดงและดนตรีเพราะๆต่างก็ยังคงเป็นตัวชูโรงให้หนังเรื่องนี้ได้อยู่ ซึ่งตลอดเรื่องที่เราจะได้รับชมก็จะมีเพลงเพราะๆกับฉากสวยๆให้เราได้ดูชนิดไม่ขาดหาย ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่พอจะชื่นชมได้ แต่ก็อดตลกฉากโชว์สุดท้ายของเรื่องที่พยายามจะทำให้มันเซอร์เรียลเหมือนกับงานคอนเสิร์ตจริงๆ จนมันกลายเป็นไม่สมจริงไปเสียฉิบ แต่ก็หยวนๆละกัน.
"Pitch Perfect ก็ยังคงเป็นหนังที่มีดีที่เพลงเหมือนเช่นภาคแรก แต่กลับขาดความกลมกล่อมและมีการเดินเรื่องที่ไม่ราบรื่น กอปรกับตัวละครที่เป็นสีสันก็ไม่ได้ฉายแววเท่าที่ควร ถือว่าคุณภาพตกลงอย่างมาก แต่โชคยังดี ที่มีมุกเสียดสีสังคม/เพศในเรื่องเป็นจุดเด่นที่น่ารอคอยยิ่งกว่า (ถึงแม้ในโรงจะมีผู้เขียนและฝรั่ง2-3คน ขำก็เถอะ) นับได้ว่าเป็นหนังที่ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เสียดาย"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 6.5/10
นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเวลาที่คุณส่งผู้หญิงไปเรียนมหาลัยครับ by Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ : https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1