สวัสดีครับ ผมอยากลองตั้งกระทู้เพื่อแสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับคนอื่นๆ ต่อระบบการเมืองการปกครองในประเทศไทยเราดูบ้าง เพื่อที่จะเป็นความรู้พื้นฐานในการตัดสินใจทางการเมืองหรือแสดงออกทางการเมืองในอนาคต
เท่าที่ผมได้ศึกษาดูอย่างคร่าวๆ การเมืองไทย เราได้มีการเปลี่ยนระบบการปกครองมาประมาณ 80 กว่าปี
และให้ความรู้สึกว่าการเมืองนั้นมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจเปลี่ยนมือกันอยู่สม่ำเสมอเป็นกิจวัตรประจำปี พอจะมองออกว่าแบ่งเป็น 2 ฝั่งหรืออาจจะมากกว่าโดยเป็นฝ่ายย่อยๆในแต่ละฝั่ง โดยทั้ง 2 ฝั่งอาจมีการเชื่อมโยงเพื่อประสานผลประโยชน์ให้ลงตัว
ที่ว่าน่าจะมี 2 ฝั่ง
ฝั่งแรกดูแล้วยังไงก็เหมือนเผด็จการ คือเชื่อว่าถ้าได้คนดีจริงๆมาปกครอง รับรองว่าต้องนำสังคมไปในทางที่ดี แต่ถ้าแย่ก็คงไม่ต้องนึกถึงสภาพในสังคมว่าจะน่าอยู่ไหม เท่ากับว่ามีความเสี่ยงสูง หากดีก็ดีเลย ไม่ดีก็จมเป็นเหมือน all or none law
อีกฝั่งนิยมประชาธิปไตย ซึ่งแน่นอนว่าเรามีการปรับระบบมาเพื่อให้ประเทศเราได้เป็นประชาธิปไตยคือให้สิทธิทุกๆคนในสังคมไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความคิด หรือไร้ความคิด เป็นวีรบุรุษ หรืออาชญากร มีฐานะ หรือฐานะลำบาก
ซึ่งโดยหลักการเชื่อว่าผลการตัดสินใจเมื่อเฉลี่ยรวมๆแล้วผลมันก็น่าจะเป็นที่พอใจได้ แก่ทุกคน
ตัวอย่างก็มีให้เห็นในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยว่ามันดีนะ เราจึงเอาบ้างก็อยากพัฒนาบ้าง และกระแสโลกก็ค่อนข้างจะไปในทางเห็นดีด้วยกับประชาธิปไตยเนื่องจากประเทศที่ปกครองนั้นก็เป็นมหาอำนาจจากการชนะสงครามโลก แม้ว่าปัจจุบันสงครามจะเป็นในแง่การต่อสู้ทางเศรษฐกิจแล้วก็ตาม
ดังนั้นประเทศเราเวลามีการแย่งชิงอำนาจของทั้ง 2 ฝั่ง จึงมักกล่าวอ้างว่ากำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่นะ ทั้ง 2 ฝั่งเลย
สรุปคือทั้งคู่ต่อสู้กันเพื่อเป้าหมายเดียวกันจริงหรือ ซึ่งในความเห็นผมที่มองจากไกลๆก็ดูว่ามันไม่ใช่นะ แล้วคนในสังคมคนอื่นเชื่ออย่างนั้นหรอ แล้วที่เราๆออกมาต่อสู้กันจนเกิดเหตุล้มตายรู้ตัวฆาตกรบ้างไม่รู้บ้าง โดยมีคนนำพูดอะไรทุกอย่างเราเชื่อเขาหรอครับ นี่เราเชียร์บอลหรือเราต่อสู้ทางการเมืองกันครับถ้าอีกฝั่งทำอะไรคุณก็ว่าผิดทั้งหมด (นี้ผมพูดถึงการต่อสู้กันที่เริ่มตั้งแต่ตอนผมยังไม่เกิดนะครับ มีเหตุการณ์ที่ผมสลดใจเป็นพิเศษคือ 6 ตุลาคม 2519 และผมไม่ใช่เด็ก มธ.ด้วย)
ตลอดระยะเวลาที่มีการเปลี่ยนการปกครองมีการต่อสู้จาก 2 ฝั่งการเมืองซึ่งแต่ละฝั่งก็ต่อสู้กันเองด้วยดูแล้วประเทศเรากำลังล้มลุกคลุกคลาน ไม่ค่อยที่จะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างราบรื่น หากเปรียบเทียบเป็นการแข่งวิ่งกับประเทศอื่นๆ แล้วเราเป็นคนดูจากอัฒจันทร์ ผมเห็นลู่วิ่งประเทศอื่นโล่งๆ วิ่งเข้าสู่เส้นชัยได้ เลือกว่าจะเดินหรือวิ่งแล้วแต่กำลังของนักกีฬา ส่วนลู่วิ่งประเทศเราดูแล้วมีป่าดงพงไพร ขอนไม้ขวางกั้น วัชพืชคอยพันขา บ่อน้ำ บ่อโคลน ให้ทีมเราต้องวิ่งๆ กระโดด ดำน้ำ กว่าจะถึงเส้นชัยได้ ยังไงยังงั้นหรืออาจไม่ถึงเส้นชัยก็เป็นได้ (อันนี้เปรียบเทียบเวอร์ๆไปงั้นนะครับ)
ในส่วนตัวผมเอง ว่าแน่นอนผมชอบประชาธิปไตยมากกว่า เพราะมันเป็นกระบวนการที่มีเหตุผลให้สิทธิแก่ทุกคนตัดสินใจ (ซึ่งเกิดมาเป็นคนมันก็ควรมีสิทธิรึป่าวครับ) และตัวผมก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบยกย่องใครหรือบุคคลนิยม ตามใครๆเขาทำกัน ไม่ว่าจะมีคำเล่าว่าดียังไง เพราะความจริงที่ปรากฎมันก็เป็นตัวตัดสินอยู่แล้วว่าใครสร้างประโยชน์ให้สังคมมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าข้อมูลจะแก้จะบิดเบือนยังไง คือใช้ความคิดนิดนึงมันก็น่าจะรู้ความจริงแล้วป่ะครับ และเรื่องการพัฒนาประเทศที่ต้องนำเงินจากของทุกคนไปใช้เพื่อพัฒนาให้ทุกคน ไม่ได้นำไปเก็บไว้เป็นของใครให้ปลวกขึ้นไม่ได้ประโยชน์แก่เจ้าของเงินตัวจริงแต่อย่างใด อันนี้เองที่ประชาธิปไตยมันตอบโจทย์ความต้องการของสังคมที่อยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามหากประเทศเราจะเปลี่ยนไปค่อนแนวเผด็จการจริง ผมก็หวังว่าจะมีคนดีๆในนั้นบ้างที่จะนำสังคมเราให้พัฒนาไปสมกับศักยภาพ และทรัพยากรที่เรามีอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงก็ตาม
อันนี้เป็นเพียงหนึ่งความคิดจากเด็กรุ่นใหม่คนนึง ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจทางการเมืองอีกมาก ผิดพลาดอย่างไรขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
แก้ไข#1 เปลี่ยนเว้นวรรคเป็นขึ้นบรรทัดใหม่
ความคิดเห็นต่อการเมืองในประเทศไทยจากคน Gen Y
เท่าที่ผมได้ศึกษาดูอย่างคร่าวๆ การเมืองไทย เราได้มีการเปลี่ยนระบบการปกครองมาประมาณ 80 กว่าปี
และให้ความรู้สึกว่าการเมืองนั้นมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจเปลี่ยนมือกันอยู่สม่ำเสมอเป็นกิจวัตรประจำปี พอจะมองออกว่าแบ่งเป็น 2 ฝั่งหรืออาจจะมากกว่าโดยเป็นฝ่ายย่อยๆในแต่ละฝั่ง โดยทั้ง 2 ฝั่งอาจมีการเชื่อมโยงเพื่อประสานผลประโยชน์ให้ลงตัว
ที่ว่าน่าจะมี 2 ฝั่ง
ฝั่งแรกดูแล้วยังไงก็เหมือนเผด็จการ คือเชื่อว่าถ้าได้คนดีจริงๆมาปกครอง รับรองว่าต้องนำสังคมไปในทางที่ดี แต่ถ้าแย่ก็คงไม่ต้องนึกถึงสภาพในสังคมว่าจะน่าอยู่ไหม เท่ากับว่ามีความเสี่ยงสูง หากดีก็ดีเลย ไม่ดีก็จมเป็นเหมือน all or none law
อีกฝั่งนิยมประชาธิปไตย ซึ่งแน่นอนว่าเรามีการปรับระบบมาเพื่อให้ประเทศเราได้เป็นประชาธิปไตยคือให้สิทธิทุกๆคนในสังคมไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความคิด หรือไร้ความคิด เป็นวีรบุรุษ หรืออาชญากร มีฐานะ หรือฐานะลำบาก
ซึ่งโดยหลักการเชื่อว่าผลการตัดสินใจเมื่อเฉลี่ยรวมๆแล้วผลมันก็น่าจะเป็นที่พอใจได้ แก่ทุกคน
ตัวอย่างก็มีให้เห็นในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยว่ามันดีนะ เราจึงเอาบ้างก็อยากพัฒนาบ้าง และกระแสโลกก็ค่อนข้างจะไปในทางเห็นดีด้วยกับประชาธิปไตยเนื่องจากประเทศที่ปกครองนั้นก็เป็นมหาอำนาจจากการชนะสงครามโลก แม้ว่าปัจจุบันสงครามจะเป็นในแง่การต่อสู้ทางเศรษฐกิจแล้วก็ตาม
ดังนั้นประเทศเราเวลามีการแย่งชิงอำนาจของทั้ง 2 ฝั่ง จึงมักกล่าวอ้างว่ากำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่นะ ทั้ง 2 ฝั่งเลย
สรุปคือทั้งคู่ต่อสู้กันเพื่อเป้าหมายเดียวกันจริงหรือ ซึ่งในความเห็นผมที่มองจากไกลๆก็ดูว่ามันไม่ใช่นะ แล้วคนในสังคมคนอื่นเชื่ออย่างนั้นหรอ แล้วที่เราๆออกมาต่อสู้กันจนเกิดเหตุล้มตายรู้ตัวฆาตกรบ้างไม่รู้บ้าง โดยมีคนนำพูดอะไรทุกอย่างเราเชื่อเขาหรอครับ นี่เราเชียร์บอลหรือเราต่อสู้ทางการเมืองกันครับถ้าอีกฝั่งทำอะไรคุณก็ว่าผิดทั้งหมด (นี้ผมพูดถึงการต่อสู้กันที่เริ่มตั้งแต่ตอนผมยังไม่เกิดนะครับ มีเหตุการณ์ที่ผมสลดใจเป็นพิเศษคือ 6 ตุลาคม 2519 และผมไม่ใช่เด็ก มธ.ด้วย)
ตลอดระยะเวลาที่มีการเปลี่ยนการปกครองมีการต่อสู้จาก 2 ฝั่งการเมืองซึ่งแต่ละฝั่งก็ต่อสู้กันเองด้วยดูแล้วประเทศเรากำลังล้มลุกคลุกคลาน ไม่ค่อยที่จะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างราบรื่น หากเปรียบเทียบเป็นการแข่งวิ่งกับประเทศอื่นๆ แล้วเราเป็นคนดูจากอัฒจันทร์ ผมเห็นลู่วิ่งประเทศอื่นโล่งๆ วิ่งเข้าสู่เส้นชัยได้ เลือกว่าจะเดินหรือวิ่งแล้วแต่กำลังของนักกีฬา ส่วนลู่วิ่งประเทศเราดูแล้วมีป่าดงพงไพร ขอนไม้ขวางกั้น วัชพืชคอยพันขา บ่อน้ำ บ่อโคลน ให้ทีมเราต้องวิ่งๆ กระโดด ดำน้ำ กว่าจะถึงเส้นชัยได้ ยังไงยังงั้นหรืออาจไม่ถึงเส้นชัยก็เป็นได้ (อันนี้เปรียบเทียบเวอร์ๆไปงั้นนะครับ)
ในส่วนตัวผมเอง ว่าแน่นอนผมชอบประชาธิปไตยมากกว่า เพราะมันเป็นกระบวนการที่มีเหตุผลให้สิทธิแก่ทุกคนตัดสินใจ (ซึ่งเกิดมาเป็นคนมันก็ควรมีสิทธิรึป่าวครับ) และตัวผมก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบยกย่องใครหรือบุคคลนิยม ตามใครๆเขาทำกัน ไม่ว่าจะมีคำเล่าว่าดียังไง เพราะความจริงที่ปรากฎมันก็เป็นตัวตัดสินอยู่แล้วว่าใครสร้างประโยชน์ให้สังคมมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าข้อมูลจะแก้จะบิดเบือนยังไง คือใช้ความคิดนิดนึงมันก็น่าจะรู้ความจริงแล้วป่ะครับ และเรื่องการพัฒนาประเทศที่ต้องนำเงินจากของทุกคนไปใช้เพื่อพัฒนาให้ทุกคน ไม่ได้นำไปเก็บไว้เป็นของใครให้ปลวกขึ้นไม่ได้ประโยชน์แก่เจ้าของเงินตัวจริงแต่อย่างใด อันนี้เองที่ประชาธิปไตยมันตอบโจทย์ความต้องการของสังคมที่อยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามหากประเทศเราจะเปลี่ยนไปค่อนแนวเผด็จการจริง ผมก็หวังว่าจะมีคนดีๆในนั้นบ้างที่จะนำสังคมเราให้พัฒนาไปสมกับศักยภาพ และทรัพยากรที่เรามีอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงก็ตาม
อันนี้เป็นเพียงหนึ่งความคิดจากเด็กรุ่นใหม่คนนึง ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจทางการเมืองอีกมาก ผิดพลาดอย่างไรขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
แก้ไข#1 เปลี่ยนเว้นวรรคเป็นขึ้นบรรทัดใหม่