วันที่ 12 พฤษภาคม 2558 นั่งเล่นเน็ตอยู่ที่คณะฯ ณ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในขอนแก่น
บรรยากาศวันนั้นเหมือนฝนจะตก ฟ้าครึ้มๆหน่อย นั่งเล่นเน็ต เล่นไปเล่นมา เฮ้อออ...ออกไปเปิดหูเปิดตาดีกว่า เลยนึกขึ้นได้ว่าไปเที่ยววัดๆ หนึ่งดีกว่า เคยได้ยินชื่อมานานแล้ว แล้วก็ไม่ไกลมาก อยู่แถวๆ ถนนเลี่ยงเมืองของ จ.ขอนแก่น
คิดได้ปุ๊บ ก็ปิดคอมฯ ไปโล๊ดแหล่ว (กระทู้นี้อาจมีภาษาแปลกหูบ้าง แต่เอาเป็นว่าอย่าคิดหาความหมายมาก เข้าใจๆมันเหอะ อิอิ)
แว๊นซ์มอไซค์กลับหอแปปนึงเพื่อมาเอาอุปกรณ์ ไปเสิ่นข้างนอกทั้งที ก็ต้องมีอุปกรณ์บันทึกภาพใช่ป่ะ (เอิ่มมมม...คนอื่นอาจไม่บันทึก แต่เราชอบบันทึกอะนะ) คราวนี้ไม่แว๊นซ์แระ เพราะถ้าแว๊นซ์ก็ถือว่าไกลพอควร ก็เลยต้องบึ่งรถยนต์ไป เพราะมีของเยอะ แล้วก็กลัวฝนตกกลางทางด้วย (ก็ไม่รู้คิดได้ไง ฝนเหมือนจะตก แต่ก็ยังจะไป ไปคนเดียวด้วย คุณหนูๆ อย่าเลียนแบบในบางสถานที่นะคะ ระวังพวกโรคจิต อันตรายค่ะ)
เอาหล่ะ อุปกรณ์สำคัญที่เราพลาดไม่ได้เลยกะคือ กล้องถ่ายรูป วันนั้นที่ไป เอากล้องไป 2 ตัว คือ Nikon D7100 + 18-105mm. กะ Sigma Dp2m มีขาตั้งกล้อง แบตเตอรี่ แล้วก็ของใช้ส่วนตัว เรียกได้ว่า บ้าหอบฟางมาก แต่อารมณ์ยังชิวๆอยู่ ออกตัวก่อนนะว่าเราไม่ได้จบทางด้านถ่ายภาพอะไรมา เราเรียนสาขาเทคโนโลยีการอาหาร เห็นม๊ะ? คนละสายเลยกับการถ่ายภาพ แต่ไม่ต้องคิดไรมากค่ะคุณผู้ชม ชอบอะไรก็ทำไปเลยค่ะ หวังว่าคุณผู้ชมคงจะเพลิดเพลินไปกับเราเน้อ และได้เห็นตัวอย่างภาพจากสถานที่จริง ถ่ายทำจริงด้วยตัวเอง เบ้ยยยยย พูดมากไปแระ เข้าเรื่องๆ
วัดที่เราจะไปเยี่ยมชมก็คือ “วัดทุ่งเศรษฐี” ประวัติน่าสนใจมากๆ มีองค์เจดีย์ที่ชื่อว่า “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” ได้ออกแบบอย่างผสมผสาน ทั้งด้านความเชื่อในสิ่งที่เป็นสิริมงคลและความสวยงามที่ลงตัว และที่สำคัญงดงามมากกกกกกก วัดตั้งอยู่แถวถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น ถ้ามาจากทางบ้านไผ่ถนนมิตรภาพ ให้ขึ้นทางเลี่ยงเมืองที่บอกว่ามาจังหวัดกาฬสินธุ์ แล้วทางเข้าวัดจะอยู่ซ้ายมือ ให้สังเกตป้ายชื่อวัดเลยนะคะ
ออกเดินทางจากหอเวลา 15.32 น. ไปถึงโน่นประมาณ 16.01 น. ฟ้าไม่เปิดนะ เมฆครึ้มเต็มไปหมดแต่ฝนยังไม่ตก
ถ่ายรูปข้างทางให้ดู เบลอหน่อย เพราะกดๆ อย่างเดียว ไม่เล็ง
ภาพเส้นทางจาก Google Map
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 52mm, f 5.0, 1/100 sec.
เจอวีรบุรุษนักบิดพอดี
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 52mm, f 5.0, 1/40 sec.
ทางเข้าจะยังเป็นดินลูกรังอยู่ รองบประมาณก่อน อนาคตน่าจะเป็นคอนกรีต
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 52mm, f 5.0, 1/50 sec.
ถึงแว๊วววว วัดทุ่งเศรษฐี แค่ป้ายทางเข้าก็สวยแล้ว แล้วข้างในจะขนาดไหน
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/320 sec.
เข้าไปตามทางในวัดเลยนะคะ มีที่จอดรถเยอะแยะเลยค่ะ ถึงปุ๊บก็ขอเข้าไปทำธุระส่วนตัวซะหน่อย พอเห็นสุขาเท่านั้นแหละ รีบทำธุระแล้วไปหยิบกล้องที่รถมาถ่ายรูปเลย แบบว่า สุขาตกแต่งสวยค่ะ สะอาดสะอ้าน ถ่ายมาแต่ข้างนอกนะคะ ข้างในก็สวยเหมือนกัน แต่คิดว่าไม่ควรโชว์
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/50 sec.
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/60 sec.
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/15 sec.
หลังจากพร้อมที่จะพร้อมเยี่ยมชมแล้ว ขอชมรอบนอกพระมหาเจดีย์ฯ นิดนึง เป็นยังไงคะคุณผู้ชม งดงามมากใช่มั้ย
เล่านิดนึง ตอนที่ไปพอดีมีทีมงานจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งมาเยี่ยมชมด้วย เหมือนจะมาถ่ายทำวิดีโออะไรสักอย่าง ถ้าน้องๆได้อ่านกระทู้นี้ ก็คือพี่เองนะ ที่น้องเห็นเหมือนป้าโทรมๆคนนึง หิ้วของพะรุงพะรังแล้วก็มีขาตั้งกล้องหน่ะ
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/1000 sec.
ก่อนเยี่ยมชม เราไปดูประวัติพอสังเขปและแผนที่ของวัดก่อนดีกว่า จะได้รู้จักว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
แล้วก็จากที่ไปศึกษาข้อมูลภายในวัดมาคร่าวๆ สรุปได้ประมาณนี้
1. ผู้สถาปนาวัด คือ หลวงตาย่ามแดง หรือ หลวงตาอ๋อย ซึ่งเป็นชื่อที่ลูกหลานศิษยานุศิษย์เรียกถึงท่าน ส่วนชื่อของหลวงตาที่ปรากฎตามทะเบียนราษฎร์คือ สวาสดิ์ ศีลอุดมทรัพย์ ที่ชื่อว่าหลวงตาย่ามแดงนั้นเป็นเพราะหลวงตาท่านใช้ย่ามสีแดงอยู่เป็นประจำ แล้วช่วงหลังๆก็จะมีใส่ชุดแดงทั้งชุดพร้อมผ้าคลุมไหล่สีแดงเป็นภาพที่ชินตา ท่านว่าสีแดงนั้นเป็นเครื่องหมายของพวกเล่นฤทธิ์ รวมไปถึงเหล่าเทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกาอันเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์ทั้งหลาย ทั้งสอดคล้องกับสีของธาตุไฟ ซึ่งกสินไฟเป็นกองกสินที่หลวงตามีความโปรดปรานในการทำฌานพิเศษ ที่สำคัญที่สุด สีแดงนั้นเป็นสีประจำตัวทั้งของ “พญายมราช” พระผู้เป็นอธิบดีในนิรยภูมิ คือ ภูมินรก กับ “ท้าวเวสสุวัน” เจ้าแห่งยักษ์ เจ้าแห่งภูติผีจิตวิญญาณและโชคลาภความมั่งคั่ง ทั้งยังเป็นอธิบดีในหมู่จตุโลกบาลทั้ง 4
2. ในประวัติเล่าว่า เหตุที่เรียก หลวงตา ก็เพราะว่า เมื่อก่อนเคยบวชเป็นพระ แต่ตอนนี้ไม่ได้บวชแล้วก็ยังมีคนเรียกว่าหลวงตาด้วยความเคยชิน
3. สิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของหลวงตา น่าจะเป็น ยามแดง มีหมู่ลูกหลานใกล้ชิดเรียกขานกันว่า “กระเป๋าโดราเอมอน” คือลูกศิษย์ลูกหามักจะคอยลุ้นว่าท่านจะหยิบอะไร แปลกๆ สนุกๆ ออกมาให้ดู ซึ่งในระยะเวลาหลายปี ท่านก็ได้คอยช่วยชี้แนะให้คำสั่งสอน ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยวิธีที่น่าอัศจรรย์ใจ
4. จนกระทั่งปี 2535 ท่านพิจารณาแล้วเห็นว่าได้โปรดผู้คนในต่างถิ่นมาเป็นเวลาอันสมควรแล้ว จึงตัดสินใจกลับมาโปรดลูกหลานตนเองในบ้านเกิดของท่านที่จังหวัดขอนแก่น
5. ประมาณปี 2542 ท่านจำได้ว่ามีที่ดินเก่าแก่อยู่แปลงหนึ่งประมาณ 5 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.พระลับ ในเขต อ.เมืองขอนแก่น จึงจ้างรถแบคโฮมาปรับพื้นที่ ปรากฎว่าเกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้น คือ ไปขุดเจอพระขรรค์โบราณ (ลักษณะเป็นพระขรรค์สำริดเก่าคร่ำยาวราวฟุตกว่า) ทำให้ท่านฉุดคิดได้ว่า ที่ดินผืนนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เมื่อกำหนดจิตดูจึงรู้ด้วยญาณวิถีในทันทีว่า ผืนแผ่นดินที่ว่านี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ท่านเรียกว่าเป็น “แผ่นดินสามโลกธาตุ” เป็นจุดบรรจบกันของสามโลก คือ แดนมนุษย์ สวรรค์ และบาดาล (นาคพิภพและนิรยภูมิ) เป็นช่องทางสำคัญอันเหล่าเทวดาทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างสัญจรติดต่อถึงกัน ท่านจึงดำริให้สร้างวัดขึ้น ร่วมกับลูกหลานศิษยานุศิษย์และร่วมกันจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม จนปัจจุบันมีที่ดินรวมกว่า 73 ไร่ โดยที่ตรงจุดสำคัญสามโลกธาตุนั้นท่านก็กำหนดให้สร้างพระมหาเจดีย์ครอบไว้
6. เมื่อจะก่อสร้าง ได้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2548 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จส่วนยอด ต่อมาจัดให้มีพิธียกฉัตรทองคำเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2551 ในขั้นแรกหลวงตาให้ตั้งชื่อเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นมานี้ว่า “มหาเจดีย์รัตนะ” (เจดีย์แก้ว ซึ่งเป็นที่บรรจุพระทันต์แก้วซี่ขวาล่าง พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ และเครื่องสักการะทั้งหลายทั้งปวง นับถือว่าตำแหน่งของพระมหาเจดีย์ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเจดีย์จุฬามณี) เพื่อให้มีความหมายพ้องกับชื่อเจดีย์ “จุฬามณี” (เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่ขวาบนในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กับนาคเจดีย์ในนาคพิภพซึ่งบรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่ซ้ายล่าง ส่วนซี่ที่ 4 ทราบมาว่า ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดหลินกวง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน) ดังนั้นเมื่อผู้ใดได้มาสักการะพระมหาเจดีย์แห่งนี้ก็เท่ากับได้กราบไหว้บูชาเจดีย์ตั้งสามองค์ในสามโลกธาตุในคราเดียวกัน
7. ต่อมา ท่านเจ้าคุณสมาน (พระธรรมดิลก เจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ) ได้ให้ความเมตตาแนะนำให้ขยายนามมหาเจดีย์รัตนะให้มีความหมายกว้างและลึกซึ้งมากขึ้นจากเพิ่ม เป็นชื่อ “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” มีความหมายว่า มหาเจดีย์แก้วรัตนะแห่งสามโลก พร้อมทั้งตั้งชื่อวัดว่า “วัดทุ่งเศรษฐี” คำว่าเศรษฐีเป็นคำสันสกฤต แปลว่า ผู้ประเสริฐ จะมีแต่เศรษฐีมาทำบุญที่วัด มีทั้งเศรษฐีน้อย เศรษฐีใหญ่ และว่าที่เศรษฐีมากมายหลายคน จึงเป็นที่มาของชื่อ “ทุ่งเศรษฐี”
8. สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ มณฑปองค์ปฐม พระพุทธนีลวรรโณศิโลทรัพยุดม สวนนรก รูปปั้นพญานาค แท่นแว่นฟ้าจุฬามณีและท่านาคเจดีย์ศรีนาคิน และเสนาสนะอื่นๆ
เป็นยังไง ได้รับความรู้ที่มาของวัดนี้เข้าไปเยอะเลย ดูคำอธิบายในรูปประวัติของวัดที่ถ่ายมาประกอบด้วยนะคะ
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 22mm, f 3.8, 1/13 sec.
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 22mm, f 3.8, 1/13 sec.
[CR] ท่องเที่ยวชม “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” ณ วัดทุ่งเศรษฐี จ.ขอนแก่น กับ 111 ภาพประกอบ
บรรยากาศวันนั้นเหมือนฝนจะตก ฟ้าครึ้มๆหน่อย นั่งเล่นเน็ต เล่นไปเล่นมา เฮ้อออ...ออกไปเปิดหูเปิดตาดีกว่า เลยนึกขึ้นได้ว่าไปเที่ยววัดๆ หนึ่งดีกว่า เคยได้ยินชื่อมานานแล้ว แล้วก็ไม่ไกลมาก อยู่แถวๆ ถนนเลี่ยงเมืองของ จ.ขอนแก่น
คิดได้ปุ๊บ ก็ปิดคอมฯ ไปโล๊ดแหล่ว (กระทู้นี้อาจมีภาษาแปลกหูบ้าง แต่เอาเป็นว่าอย่าคิดหาความหมายมาก เข้าใจๆมันเหอะ อิอิ)
แว๊นซ์มอไซค์กลับหอแปปนึงเพื่อมาเอาอุปกรณ์ ไปเสิ่นข้างนอกทั้งที ก็ต้องมีอุปกรณ์บันทึกภาพใช่ป่ะ (เอิ่มมมม...คนอื่นอาจไม่บันทึก แต่เราชอบบันทึกอะนะ) คราวนี้ไม่แว๊นซ์แระ เพราะถ้าแว๊นซ์ก็ถือว่าไกลพอควร ก็เลยต้องบึ่งรถยนต์ไป เพราะมีของเยอะ แล้วก็กลัวฝนตกกลางทางด้วย (ก็ไม่รู้คิดได้ไง ฝนเหมือนจะตก แต่ก็ยังจะไป ไปคนเดียวด้วย คุณหนูๆ อย่าเลียนแบบในบางสถานที่นะคะ ระวังพวกโรคจิต อันตรายค่ะ)
เอาหล่ะ อุปกรณ์สำคัญที่เราพลาดไม่ได้เลยกะคือ กล้องถ่ายรูป วันนั้นที่ไป เอากล้องไป 2 ตัว คือ Nikon D7100 + 18-105mm. กะ Sigma Dp2m มีขาตั้งกล้อง แบตเตอรี่ แล้วก็ของใช้ส่วนตัว เรียกได้ว่า บ้าหอบฟางมาก แต่อารมณ์ยังชิวๆอยู่ ออกตัวก่อนนะว่าเราไม่ได้จบทางด้านถ่ายภาพอะไรมา เราเรียนสาขาเทคโนโลยีการอาหาร เห็นม๊ะ? คนละสายเลยกับการถ่ายภาพ แต่ไม่ต้องคิดไรมากค่ะคุณผู้ชม ชอบอะไรก็ทำไปเลยค่ะ หวังว่าคุณผู้ชมคงจะเพลิดเพลินไปกับเราเน้อ และได้เห็นตัวอย่างภาพจากสถานที่จริง ถ่ายทำจริงด้วยตัวเอง เบ้ยยยยย พูดมากไปแระ เข้าเรื่องๆ
วัดที่เราจะไปเยี่ยมชมก็คือ “วัดทุ่งเศรษฐี” ประวัติน่าสนใจมากๆ มีองค์เจดีย์ที่ชื่อว่า “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” ได้ออกแบบอย่างผสมผสาน ทั้งด้านความเชื่อในสิ่งที่เป็นสิริมงคลและความสวยงามที่ลงตัว และที่สำคัญงดงามมากกกกกกก วัดตั้งอยู่แถวถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น ถ้ามาจากทางบ้านไผ่ถนนมิตรภาพ ให้ขึ้นทางเลี่ยงเมืองที่บอกว่ามาจังหวัดกาฬสินธุ์ แล้วทางเข้าวัดจะอยู่ซ้ายมือ ให้สังเกตป้ายชื่อวัดเลยนะคะ
ออกเดินทางจากหอเวลา 15.32 น. ไปถึงโน่นประมาณ 16.01 น. ฟ้าไม่เปิดนะ เมฆครึ้มเต็มไปหมดแต่ฝนยังไม่ตก
ถ่ายรูปข้างทางให้ดู เบลอหน่อย เพราะกดๆ อย่างเดียว ไม่เล็ง
ภาพเส้นทางจาก Google Map
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 52mm, f 5.0, 1/100 sec.
เจอวีรบุรุษนักบิดพอดี
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 52mm, f 5.0, 1/40 sec.
ทางเข้าจะยังเป็นดินลูกรังอยู่ รองบประมาณก่อน อนาคตน่าจะเป็นคอนกรีต
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 52mm, f 5.0, 1/50 sec.
ถึงแว๊วววว วัดทุ่งเศรษฐี แค่ป้ายทางเข้าก็สวยแล้ว แล้วข้างในจะขนาดไหน
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/320 sec.
เข้าไปตามทางในวัดเลยนะคะ มีที่จอดรถเยอะแยะเลยค่ะ ถึงปุ๊บก็ขอเข้าไปทำธุระส่วนตัวซะหน่อย พอเห็นสุขาเท่านั้นแหละ รีบทำธุระแล้วไปหยิบกล้องที่รถมาถ่ายรูปเลย แบบว่า สุขาตกแต่งสวยค่ะ สะอาดสะอ้าน ถ่ายมาแต่ข้างนอกนะคะ ข้างในก็สวยเหมือนกัน แต่คิดว่าไม่ควรโชว์
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/50 sec.
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/60 sec.
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/15 sec.
หลังจากพร้อมที่จะพร้อมเยี่ยมชมแล้ว ขอชมรอบนอกพระมหาเจดีย์ฯ นิดนึง เป็นยังไงคะคุณผู้ชม งดงามมากใช่มั้ย
เล่านิดนึง ตอนที่ไปพอดีมีทีมงานจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งมาเยี่ยมชมด้วย เหมือนจะมาถ่ายทำวิดีโออะไรสักอย่าง ถ้าน้องๆได้อ่านกระทู้นี้ ก็คือพี่เองนะ ที่น้องเห็นเหมือนป้าโทรมๆคนนึง หิ้วของพะรุงพะรังแล้วก็มีขาตั้งกล้องหน่ะ
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 18mm, f 3.5, 1/1000 sec.
ก่อนเยี่ยมชม เราไปดูประวัติพอสังเขปและแผนที่ของวัดก่อนดีกว่า จะได้รู้จักว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
แล้วก็จากที่ไปศึกษาข้อมูลภายในวัดมาคร่าวๆ สรุปได้ประมาณนี้
1. ผู้สถาปนาวัด คือ หลวงตาย่ามแดง หรือ หลวงตาอ๋อย ซึ่งเป็นชื่อที่ลูกหลานศิษยานุศิษย์เรียกถึงท่าน ส่วนชื่อของหลวงตาที่ปรากฎตามทะเบียนราษฎร์คือ สวาสดิ์ ศีลอุดมทรัพย์ ที่ชื่อว่าหลวงตาย่ามแดงนั้นเป็นเพราะหลวงตาท่านใช้ย่ามสีแดงอยู่เป็นประจำ แล้วช่วงหลังๆก็จะมีใส่ชุดแดงทั้งชุดพร้อมผ้าคลุมไหล่สีแดงเป็นภาพที่ชินตา ท่านว่าสีแดงนั้นเป็นเครื่องหมายของพวกเล่นฤทธิ์ รวมไปถึงเหล่าเทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกาอันเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์ทั้งหลาย ทั้งสอดคล้องกับสีของธาตุไฟ ซึ่งกสินไฟเป็นกองกสินที่หลวงตามีความโปรดปรานในการทำฌานพิเศษ ที่สำคัญที่สุด สีแดงนั้นเป็นสีประจำตัวทั้งของ “พญายมราช” พระผู้เป็นอธิบดีในนิรยภูมิ คือ ภูมินรก กับ “ท้าวเวสสุวัน” เจ้าแห่งยักษ์ เจ้าแห่งภูติผีจิตวิญญาณและโชคลาภความมั่งคั่ง ทั้งยังเป็นอธิบดีในหมู่จตุโลกบาลทั้ง 4
2. ในประวัติเล่าว่า เหตุที่เรียก หลวงตา ก็เพราะว่า เมื่อก่อนเคยบวชเป็นพระ แต่ตอนนี้ไม่ได้บวชแล้วก็ยังมีคนเรียกว่าหลวงตาด้วยความเคยชิน
3. สิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของหลวงตา น่าจะเป็น ยามแดง มีหมู่ลูกหลานใกล้ชิดเรียกขานกันว่า “กระเป๋าโดราเอมอน” คือลูกศิษย์ลูกหามักจะคอยลุ้นว่าท่านจะหยิบอะไร แปลกๆ สนุกๆ ออกมาให้ดู ซึ่งในระยะเวลาหลายปี ท่านก็ได้คอยช่วยชี้แนะให้คำสั่งสอน ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยวิธีที่น่าอัศจรรย์ใจ
4. จนกระทั่งปี 2535 ท่านพิจารณาแล้วเห็นว่าได้โปรดผู้คนในต่างถิ่นมาเป็นเวลาอันสมควรแล้ว จึงตัดสินใจกลับมาโปรดลูกหลานตนเองในบ้านเกิดของท่านที่จังหวัดขอนแก่น
5. ประมาณปี 2542 ท่านจำได้ว่ามีที่ดินเก่าแก่อยู่แปลงหนึ่งประมาณ 5 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.พระลับ ในเขต อ.เมืองขอนแก่น จึงจ้างรถแบคโฮมาปรับพื้นที่ ปรากฎว่าเกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้น คือ ไปขุดเจอพระขรรค์โบราณ (ลักษณะเป็นพระขรรค์สำริดเก่าคร่ำยาวราวฟุตกว่า) ทำให้ท่านฉุดคิดได้ว่า ที่ดินผืนนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เมื่อกำหนดจิตดูจึงรู้ด้วยญาณวิถีในทันทีว่า ผืนแผ่นดินที่ว่านี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ท่านเรียกว่าเป็น “แผ่นดินสามโลกธาตุ” เป็นจุดบรรจบกันของสามโลก คือ แดนมนุษย์ สวรรค์ และบาดาล (นาคพิภพและนิรยภูมิ) เป็นช่องทางสำคัญอันเหล่าเทวดาทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างสัญจรติดต่อถึงกัน ท่านจึงดำริให้สร้างวัดขึ้น ร่วมกับลูกหลานศิษยานุศิษย์และร่วมกันจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม จนปัจจุบันมีที่ดินรวมกว่า 73 ไร่ โดยที่ตรงจุดสำคัญสามโลกธาตุนั้นท่านก็กำหนดให้สร้างพระมหาเจดีย์ครอบไว้
6. เมื่อจะก่อสร้าง ได้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2548 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จส่วนยอด ต่อมาจัดให้มีพิธียกฉัตรทองคำเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2551 ในขั้นแรกหลวงตาให้ตั้งชื่อเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นมานี้ว่า “มหาเจดีย์รัตนะ” (เจดีย์แก้ว ซึ่งเป็นที่บรรจุพระทันต์แก้วซี่ขวาล่าง พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ และเครื่องสักการะทั้งหลายทั้งปวง นับถือว่าตำแหน่งของพระมหาเจดีย์ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเจดีย์จุฬามณี) เพื่อให้มีความหมายพ้องกับชื่อเจดีย์ “จุฬามณี” (เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่ขวาบนในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กับนาคเจดีย์ในนาคพิภพซึ่งบรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่ซ้ายล่าง ส่วนซี่ที่ 4 ทราบมาว่า ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดหลินกวง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน) ดังนั้นเมื่อผู้ใดได้มาสักการะพระมหาเจดีย์แห่งนี้ก็เท่ากับได้กราบไหว้บูชาเจดีย์ตั้งสามองค์ในสามโลกธาตุในคราเดียวกัน
7. ต่อมา ท่านเจ้าคุณสมาน (พระธรรมดิลก เจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ) ได้ให้ความเมตตาแนะนำให้ขยายนามมหาเจดีย์รัตนะให้มีความหมายกว้างและลึกซึ้งมากขึ้นจากเพิ่ม เป็นชื่อ “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” มีความหมายว่า มหาเจดีย์แก้วรัตนะแห่งสามโลก พร้อมทั้งตั้งชื่อวัดว่า “วัดทุ่งเศรษฐี” คำว่าเศรษฐีเป็นคำสันสกฤต แปลว่า ผู้ประเสริฐ จะมีแต่เศรษฐีมาทำบุญที่วัด มีทั้งเศรษฐีน้อย เศรษฐีใหญ่ และว่าที่เศรษฐีมากมายหลายคน จึงเป็นที่มาของชื่อ “ทุ่งเศรษฐี”
8. สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ มณฑปองค์ปฐม พระพุทธนีลวรรโณศิโลทรัพยุดม สวนนรก รูปปั้นพญานาค แท่นแว่นฟ้าจุฬามณีและท่านาคเจดีย์ศรีนาคิน และเสนาสนะอื่นๆ
เป็นยังไง ได้รับความรู้ที่มาของวัดนี้เข้าไปเยอะเลย ดูคำอธิบายในรูปประวัติของวัดที่ถ่ายมาประกอบด้วยนะคะ
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 22mm, f 3.8, 1/13 sec.
Nikon d7100 +18-105mm, iso 100, 22mm, f 3.8, 1/13 sec.
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น