@@@@@-------ความจริงในอีกแง่มุมที่ชนชั้น "อีลิท" อย่าง "โจ้" อาจไม่เคยรู้ หรือ ไม่ขวนขวายที่จะรู้--------@@@@@

กระทู้สนทนา
จ่าล่ะ "ขรำ" ลูกชายนางงามจักรวาลจริงๆ

ท่าทางว่าจักรวาลมันคงกว้างใหญ่จนเกินไป
กว้างใหญ่จนการเข้าถึงองค์ความรู้มันกลายเป็นเรื่องยากเย็น
ถึงได้ออกมาให้คนเขา "ยำ" ซะเละ เพราะดันไปชื่นชม "ฮิตเลอร์"

ที่มันน่าแปลกใจก็คือ
โลกเดินทางมาจน คศ.2015 แล้ว
แต่ยังมีคนบางส่วนยังเชิดชูฮิตเลอร์อยู่ได้
โดยที่มันไม่เคยคิดหาความรู้กันเลย ว่าประวัติศาสตร์เขาจารึกไอ้ฮิตเล่อร์ไว้ในแง่มุมไหน

ทั้งนักทำหนัง ,ทั้งนักเรียน, ทั้งประธานองค์กรอิสระ, ทั้งนักการเมือง
ล้วนแล้วแต่เอาฮิตเล่อร์มาเล่นในแบบที่บ่งบอกถึง "รอยหยักในสมอง" ของพวกมันเองทั้งนั้น




1 ในไอ้คนทำหนังค่านิยม 12 ประการ
ดันเอาเรื่องราวของฮิตเล่อร์มาใส่ในหนัง
ชื่อตอน "เรียนรู้อธิปไตยของประชา" จนโดนด่าเละ

ในหนังมันมีฉากที่นักเรียนชายคนหนึ่งยืนยิ้มกริ่ม
แล้วก็วาดรูปฮิตเลอร์ โดยมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนยืนตบมือชื่มชมอยู่ข้างๆ !!! (ตบมืออัลไลละเนี่ย ???)

ฮิตเล่อร์เนี่ยนะจะมา "เรียนรู้อธิปไตยของประชา" ?????

ท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศทุย Simon Roded
ถึงกับเต้นผางเป็นเจ้าเข้า ที่เห็น scene นี้โผล่มาในหนังจนต้องเขียนแสดงความรู้สึกลงใน fb






นักเรียนที่ รร.พระหฤทัย จ.เชียงใหม่จัดกีฬาสี
ก็ดันเดินพาเหรดด้วยการแต่งตัวเป็นฮิตเล่อร์ และ ทหารหน่วย SS

แถมยังถือธงสวัสดิกะ กับ ปืนปลอมอีกต่างหาก !!!!!

ผู้แทนจากสถานกงสุลอังกฤษ สหรัฐ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี
ถึงกับต้องมาที่โรงเรียนพระหฤทัยเรียกร้องให้ครูสอนประวัติศาสตร์สมัยใหม่
และ ขอให้บรรจุการสอนเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในหลักสูตร เพื่อให้เด็กสมัยนี้ได้เรียนรู้ความเลวร้ายของนาซี

ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเรื่องแบบเดียวกันเป๊ะที่ รร.ทิวไผ่งาม ใน กทม.
จนโรงเรียนถึงกับต้องทำหนังสือขอโทษไปที่ "ศูนย์ไซม่อน วีเซนธฮาล"
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใน ลอส แองเจลิส




ประธานองค์กรอิสระอย่าง "วะสัน" ก็โชว์โง่
ด้วยวลีที่ว่า "ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ฮิตเล่อร์ยังได้เป็นผู้นำที่ได้มาจากการเลือกตั้ง"
เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้ในตัวมัน ว่ามีพอๆกับเด็กนักเรียนที่แต่งตัวเป็นฮิตเล่อร์เลยก็ว่าได้

เพราะฮิตเล่อร์แพ้เลือกตั้งนะครับ.....วะสัน !!!




นักการเมืองก็โชว์โง่อีกเช่นกัน
แถมยังเป็นนักการเมืองพรรคแมงสาปที่ชื่อ "บุนยอด"
ซึ่งสังกัดพรรคที่ชอบป่าวประกาศว่ายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอีกต่างหาก

บุนยอดมันทำท่า "ไฮ ฮิตเล่อร" ในสภาฯ
ซึ่งเป็นสถานที่ๆมีแต่ผู้คนที่มาจากประชาธิปไตยด้วยเสียงของประชาชน !!!

บุนยอดคงไม่รู้หรอก
ว่าถ้ามันไปเดินอยู่แถวๆยุโรป
แล้วทะลึ่งไปทำท่า "ไฮ ฮิตเล่อร์" ให้ใครเขาเห็น
มันอาจโดนซ่นteenฝรั่งกระทืบจนจำบ้านเลขที่ไม่ได้ไปเลยก็ได้

อยากเชิดชูฮิตเลอร์มันก็ไม่ผิดอะไร
เพราะมันคือสิทธิส่วนบุคคลที่จะรักใครชอบใคร
เนื่องจากมันก็ปฏิเสธไม่ได้ทุกวันนี้มันก็ยังมีกลุ่มคนที่รักคนชอบฮิตเลอร์อยู่จริง

เพียงแต่การแสดงออกใน public มันต้องระวัง
เพราะมันคือความอ่อนไหวที่อย่างน้อยชาวยิวเขาคงไม่ขำด้วยแน่ๆ

ดังนั้นหากจะมีลูกชายนางงามจักรวาลอยู่ 1 ในคนที่ชอบฮิตเลอร์ก็คงไม่แปลกหรอกครับ




ขนาดลัทธิ Neo-Nazism ที่ชอบฮิตเลอร์
ที่เกิดขึ้นหลัง WW2 มันยังคงมีอยู่ให้ได้ยินข่าวกันบ่อยๆจนถึงทุกวันนี้

และ แน่นอนว่ามันไม่แปลกเช่นกัน
ที่ลูกชายนางงามจักรวาลจะโดนคนที่ต่อต้านฮิตเลอร์เขาตอกกลับ

เพราะการที่ลูกชายนางงามจักรวาลเคลมถึงฮิตเลอร์ว่า...

"เขาเป็นบุรุษของประชาชนเขา เป็นบิดาของเยอรมนี
ประชาชนของเขารักเขาทั้งนั้น และเขาก็รักประชาชนของเขา"

ตรงนี้จ่าว่ามันไม่อิงอยู่บนพื้นฐานของ "ข้อเท็จจริง" อะไรเลย

เพราะถ้าคนเยอรมันรักไอ้หนวดจิ๋มจริง
แล้วตอนที่มันเสนอตัวเพื่อให้ประชาชนเลือก
ทำไมคนเยอรมันส่วนใหญ่เขาถึงปฏิเสธมันเล่า ????

ฮิตเลอร์เคยลงเลือกตั้ง
แต่มันแพ้เลือกตั้งแบบซ้ำซาก

มันลงสมัครเลือกตั้งในปี 1932
แต่คะแนนที่มันได้นั้นไม่มากพอที่จะชนะ
เพราะมันแพ้ให้กับ "พอล ฟอน ฮินเดนบวร์ก" ผู้สมัครอิสระ

จากนั้นไม่นานเกิดวิฤติทางการเมือง
และ ตามมาด้วยการยุบสภาสภาเลือกตั้งใหม่ในปี 1932 นั่นแหละ

เลือกตั้งครั้งที่ 2
ฮิตเลอร์มันได้คะแนนเพิ่มมากกว่าครั้งก่อน แต่ก็ไม่ชนะ
หลังการเลือกตั้งก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร แบบไหน

ปัญมันคาราคาซัง
จนต้องมีการเลือกตั้งครั้งที่ 3
คราวนี้คะแนนของฮิตเลอร์ดันลดลงไปจากที่เคยได้ครั้งก่อน

จนการตั้งรัฐบาลแทงกั๊กกันไปมาระหว่าง 2 ก๊กที่แข่งกัน




นายก "ฟรานซ์ ฟอน เพเพน"
จึงได้เสนอให้เลือกตั้งใหม่อีกรอบ
โดยที่ระหว่างนั้นเพเพนจะบริหารประเทศแบบไม่มีสภาไปเรื่อยๆก่อน

แต่ "เคิร์ด ฟอน ชไลเชอร์" หนึ่งในรัฐมนตรี
กลัวว่าผู้คนจะไม่ยอมรับและจะเกิดความรุนแรง
จึงได้ออกหน้าไปคุยกับ ปธน.ฮินเดนบวร์ก ว่าจะรับเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลให้

โดยมีแผนว่าจะทำให้พรรคฮิตเลอร์แตกคอกันเอง

ชไลเชอร์ได้ไปเจรจากับ "สแตรสเซอร์"
ผู้ซึ่งเป็นคู่แข่งของฮิตเลอร์ แต่ก็อยู่พรรคเดียวกับฮิตเลอร์นั่นแหละ

แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ขยับทำอะไรเลย
ไอ้สแตรสเซอรก็ดันมาโดนลดทอนอำนาจในพรรคลงไป....แผนเลยเป็นหมัน

ในขณะเดียวกัน
นายกฯเพเพน ก็หักหลัง ชไลเชอร์
ด้วยการแอบไปคุยหลังบ้านกับไอ้ฮิตเลอร์

และลงเอยด้วยฮิตเลอร์ยอมรับการแบ่งเค็กของเพเพน
โดยมีข้อแม้ว่าต้องให้ ฮิตเลอร์มันนั่งเก้าอี้เบอร์ 1 เป็นผู้นำเยอรมัน

ไอ้ฮิตเลอร์ได้เป็นนายกฯเมื่อ 30 มกราคม 1933
ในขณะที่ไอ้เพเพนลดเพดานบินไปเป็นรองนายกฯ ใน ครม.ของไอ้หนวดจิ๋ม
และ เป็นการขึ้นเป็นนายกฯโดยที่ "ไม่ชนะการเลือกตั้ง" จากเสียงส่วนใหญ่เลย

ดังนั้น Logic ของลูกชายนางงามจักรวาลที่บอกว่า
"เขาเป็นบุรุษของประชาชนเขา เป็นบิดาของเยอรมนี
ประชาชนของเขารักเขาทั้งนั้น และเขาก็รักประชาชนของเขา"

จ่าว่ามันอะไรที่ "มโน" shipหาย




เพราะหากว่าคนเยอรมันเขารักจริงชอบจริง
ไอ้ฮิตเล่อร์คงไม่เหนื่อยต้องลงเลือกตั้งถึง 3 ครั้ง
โดยที่ไม่เคยชนะใจคนเยอรมันจนสามารถกำชัยชนะในการเลือกตั้งเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สิ่งที่ดีที่สุด
ที่ไอ้หนวดจิ๋มทิ้งไว้ให้โลกนี้
จ่าว่ามันคือ "รถเต่า" โฟลค์สวาเก้น
รถยนต์เพื่อปวงชนที่ไอ้เฟอร์ดินานด์ พอร์เช่ ออกแบบ
เพื่อขายให้ประชาชนในรูปแบบพันธบัตรในตอนที่รวบรวมเงินเข้าสู่สงครามนั่นแหละ





รถเต่านี่มัน "แคลสสิค" จริงๆ





แต่ถึงรถมันจะแคลสสิคขนาดไหน
มันก็ไม่ได้ทำให้ "ประชาชนของเขารักเขาทั้งนั้น"
แบบที่ลูกชายของนางงามจักรวาล "มโน" โดยที่ไม่มองข้อเท็จจริงอะไรเลย





ถ้าฮิตเลอร์มันแสนดีขนาดนั้น
จ่าว่าคนอย่าง กัดดาฟี , ซัดดัม ฮุสเซ็น,
เบนิโต มุสโสลินี , ฟรองซัวร์ ดูวาลิเย่ ฯลฯ
มันก็น่าจะได้รับการเชิดชูจากลูกชายนางงามใน Logic เดียวกันบ้างว่ะ....!!!!!!

















จ่าพิเชษฐ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่