เรื่องเริ่มจากที่ต้องกลับเชียงใหม่คนเดียว กลับไปเรียนน่ะเพราะเปิดเทอมแหละ ปรกติจะกลับกับเพื่อนที่เรียนที่เดียวกัน แต่เพื่อนจองตั๋วก่อนแล้วทีนี้มันเต็ม เราเลยกลับคนละรอบกันเลย เรานั้งรถนครชัยแอร์จากระยองไปเชียงใหม่ ขึ้นรถวันที่ 10 พ.ค. 58 รอบรถ 15:30 น. เรานั้งที่นั้ง 1B อยู่ข้างหน้าสุดเลยอยู่ด้านซ้ายถ้ามองออกไปทางเดียวกับรถ คือเราอยากได้เบอร์ติดต่อของพี่ที่นั้งที่นั้ง 1A ที่นั้งติดกับเราเลย เราคุยกับพี่เค้ารู้แค่พี่เค้าชื่อ "อังคาร" อายุ 30 กว่าๆ เป็นคนลำปาง สูงประมาณ 180 cm วันนั้นพี่เค้าใส่เสื้อสีชมพูมีปก กางเกงประมาณเข่า ไม่อ้วน หุ่นพอดีเลยแหละ สะพายกระเป๋าพาดไหล่ขวาง ในความคิดฉันพี่เขาก็ไม่ได้หล่อะไรมากมายน่ะ แต่คุยด้วยแล้วรู้สึกดีมากเลย
ตลอดระยะเวลาเดินทางร่วมกัน เราน่ะเพิ่งมาเรียนที่เชียงใหม่ กลับบ้านรอบที่สามแหละ แต่ก็ยังไม่ชินความรู้สึกที่ต้องจากบ้าน ถึงจะเรียนระดับอุดมศึกษาแล้วดูเหมือนจะโตร้องไห้ตอนขึ้นรถทุกรอบเลย แล้วเป็นคนที่ร้องไห้แล้วสังเกตุได้ง่ายมาก จมูกกับตาแดงมา ถึงเราจะเป็นคนดำก็เหอะ ตอนแรกที่นั้งรถออกจากระยองก็ไม่ได้คุยไรกันเลย เพราะร้องไห้ตลอดเลยไง พี่อังคารก็มองน่ะ เค้าคงจะกลัวเราน่ะ555+ เราเริ่มคุยกันตอนที่แอร์รถเปิดชิงร้อยชิงล้านน่ะ เพราะมันฮาและขำมากเลย ปรกติเราเป็นคนขำดังมากเลยน่ะ แต่พี่เขาเหมือนจะขำดังเหมือนกัน เราทั้งคู่เลยกลายเป็นเป้าสายตาของผู้โดยสารท่านอื่น เพราะการหัวเราะนี้แหละ พี่อังคารก็เริ่มทักเราคุยกับเรา คุยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหลายเรื่องเลยทีเดียว มันเป็นอารมณ์แบบว่าเจอกันครั้งแรกแต่มันทำให้เรามีความสุขมากจนไม่แน่ใจว่าเรียกว่าพรหมลิขิตได้อ่ะป่าว แรกพบเราพูดคุยถูกคอกันมากถึงมากที่สุด ผลักกันชวนคุยตลอดการเดินทาง นอนติดกันเลยน่ะ กินข้าวด้วยกันอะไรอย่างงี้เลย เราก็มีอะไรคล้ายกันหลายๆอย่าง พี่อังคารไม่กินน้ำเย็นเหมือนเรา ชอบท่องเที่ยว จะไปก็ไปคนเดียวได้โดยไม่ต้องรอใคร เมื่อก่อนชอบขับรถไปไหนมาไหนตอนกลางคืน แต่ตอนนนี้พี่บอกกับเราว่าอายุเริ่มเยอะสายตาไม่ค่อยดีเลยต้องเปลี่ยนเป็นขับรถตอนกลางวัน พี่อังคารก็เคยขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่น่ะ แถมพี่ยังบอกอีกว่าบ้านพี่ห่างจากสถานีนครชัยแอร์ลำปางแค่ 5 กิโลเอง อุตส่าบอกด้วย555 รถจอดที่พิษณุโลกก็ลงไปกินข้าวด้วยกัน เราสูงประมาณไหล่พี่เขาเอง
พี่อังคารมาเที่ยวกับเพื่อนที่จันทบุรี เรียนจบ ม.ราชภัฏลำปาง ด้านการคอมอะไรเนี้ยแหละ แปลกเนอะคุยแบบเกือบรู้ประวัติพี่เขาหมดแหละแต่ไม่ได้ขอเฟสหรืออะไรไว้ติต่อคุยกันเลย น่าเสียดายจริงๆ สุดท้ายจำได้แค่ว่าพี่เค้ารอลงเป็นคนสุดท้ายของรถทั้งๆที่นั้งหน้าสุด ไม่รูพี่เค้ารออะไร เราก็หลับสลึมสลือไม่ทันขออะไรเลย ได้ยินแค่ว่า "ป่ะถึงแหละ ลงเลย" พี่เค้าคงชวนขำๆ555. แล้วพี่อังคารก็ลงไปพร้อมกับคำว่า "แล้วค่อยเจอกัน" ในใจเราก็ยังงงน่ะ จะติดต่อกันยังไง?
คือเราอยากได้เบอร์ติดต่อพี่เขาน่ะ ความรู้สึกคล้ายๆอยากคุยกับพี่เค้าต่อเพราะพี่เค้าสนุกดี แบบคุยปรึกษาเรื่องบางเรื่องต่อ หรืออาจจะเป็น E-mail ก็ได้น่ะ ไม่รู้ว่าข้อมูลแค่นี้จะตามหาพี่เขาได้หรือป่าว จึงอยากให้ช่องทางโซเชียวช่วยหน่อยน่ะค่ะ ต้องมานั้งเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำน่ะ เพราะเราไม่ได้ขอเฟสขอไลท์หรืออะไรติดต่อกับพี่เขาเลย ทั้งๆที่นั้งติดกันเลยน่ะ ตลอดเวลา 11 ช.ม. ที่เดินทางร่วมกันมันเหมือนเป็นความสุขอยู่ช่วงหนึ่งง่ะ พอกับมาถึงวิลัยมันคิดถึงพี่เขา เล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนก็บอกให้ลงพันทิพหาเลยอะไรอย่างงี้ เพราะนครชัยแอร์เค้าคงไม่ให้ข้อมูลของผู้โดยสารแน่ๆ เราสมัครพันทิพเพื่อตามหาพี่เขาเลยน่ะเนี้ย ในชีวิตไม่เคยทำอะไรอย่างี่เลยจริงๆ
ปล.ขอบคุณทุกคนมากเลยน่ะค่ะที่อ่านจบเรื่อง
ปล.ขอบคุณมากน่ะค่ะสำหรับคนที่ช่วยแชร์เพื่อหาพี่อังคาร
#อย่างน้อยเราก็เชื่อในเรื่องพรหมลิขิตน่ะ ถ้าเจอพี่เค้าอีกทีก็คงดีใจมาก
.
.
เสียใจในสิ่งที่ทำ ดีกว่ามานั้งเสียใจถ้าเราไม่ได้ทำ
ฉันจะเชื่อในพรหมลิขิตได้ไหม? ช่วยตามหาคนที่เราคิดว่าพรหมลิขิตส่งเขาให้มาเพื่อทำให้เรามีความสุขทีสิค่ะ
ตลอดระยะเวลาเดินทางร่วมกัน เราน่ะเพิ่งมาเรียนที่เชียงใหม่ กลับบ้านรอบที่สามแหละ แต่ก็ยังไม่ชินความรู้สึกที่ต้องจากบ้าน ถึงจะเรียนระดับอุดมศึกษาแล้วดูเหมือนจะโตร้องไห้ตอนขึ้นรถทุกรอบเลย แล้วเป็นคนที่ร้องไห้แล้วสังเกตุได้ง่ายมาก จมูกกับตาแดงมา ถึงเราจะเป็นคนดำก็เหอะ ตอนแรกที่นั้งรถออกจากระยองก็ไม่ได้คุยไรกันเลย เพราะร้องไห้ตลอดเลยไง พี่อังคารก็มองน่ะ เค้าคงจะกลัวเราน่ะ555+ เราเริ่มคุยกันตอนที่แอร์รถเปิดชิงร้อยชิงล้านน่ะ เพราะมันฮาและขำมากเลย ปรกติเราเป็นคนขำดังมากเลยน่ะ แต่พี่เขาเหมือนจะขำดังเหมือนกัน เราทั้งคู่เลยกลายเป็นเป้าสายตาของผู้โดยสารท่านอื่น เพราะการหัวเราะนี้แหละ พี่อังคารก็เริ่มทักเราคุยกับเรา คุยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหลายเรื่องเลยทีเดียว มันเป็นอารมณ์แบบว่าเจอกันครั้งแรกแต่มันทำให้เรามีความสุขมากจนไม่แน่ใจว่าเรียกว่าพรหมลิขิตได้อ่ะป่าว แรกพบเราพูดคุยถูกคอกันมากถึงมากที่สุด ผลักกันชวนคุยตลอดการเดินทาง นอนติดกันเลยน่ะ กินข้าวด้วยกันอะไรอย่างงี้เลย เราก็มีอะไรคล้ายกันหลายๆอย่าง พี่อังคารไม่กินน้ำเย็นเหมือนเรา ชอบท่องเที่ยว จะไปก็ไปคนเดียวได้โดยไม่ต้องรอใคร เมื่อก่อนชอบขับรถไปไหนมาไหนตอนกลางคืน แต่ตอนนนี้พี่บอกกับเราว่าอายุเริ่มเยอะสายตาไม่ค่อยดีเลยต้องเปลี่ยนเป็นขับรถตอนกลางวัน พี่อังคารก็เคยขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่น่ะ แถมพี่ยังบอกอีกว่าบ้านพี่ห่างจากสถานีนครชัยแอร์ลำปางแค่ 5 กิโลเอง อุตส่าบอกด้วย555 รถจอดที่พิษณุโลกก็ลงไปกินข้าวด้วยกัน เราสูงประมาณไหล่พี่เขาเอง
พี่อังคารมาเที่ยวกับเพื่อนที่จันทบุรี เรียนจบ ม.ราชภัฏลำปาง ด้านการคอมอะไรเนี้ยแหละ แปลกเนอะคุยแบบเกือบรู้ประวัติพี่เขาหมดแหละแต่ไม่ได้ขอเฟสหรืออะไรไว้ติต่อคุยกันเลย น่าเสียดายจริงๆ สุดท้ายจำได้แค่ว่าพี่เค้ารอลงเป็นคนสุดท้ายของรถทั้งๆที่นั้งหน้าสุด ไม่รูพี่เค้ารออะไร เราก็หลับสลึมสลือไม่ทันขออะไรเลย ได้ยินแค่ว่า "ป่ะถึงแหละ ลงเลย" พี่เค้าคงชวนขำๆ555. แล้วพี่อังคารก็ลงไปพร้อมกับคำว่า "แล้วค่อยเจอกัน" ในใจเราก็ยังงงน่ะ จะติดต่อกันยังไง?
คือเราอยากได้เบอร์ติดต่อพี่เขาน่ะ ความรู้สึกคล้ายๆอยากคุยกับพี่เค้าต่อเพราะพี่เค้าสนุกดี แบบคุยปรึกษาเรื่องบางเรื่องต่อ หรืออาจจะเป็น E-mail ก็ได้น่ะ ไม่รู้ว่าข้อมูลแค่นี้จะตามหาพี่เขาได้หรือป่าว จึงอยากให้ช่องทางโซเชียวช่วยหน่อยน่ะค่ะ ต้องมานั้งเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำน่ะ เพราะเราไม่ได้ขอเฟสขอไลท์หรืออะไรติดต่อกับพี่เขาเลย ทั้งๆที่นั้งติดกันเลยน่ะ ตลอดเวลา 11 ช.ม. ที่เดินทางร่วมกันมันเหมือนเป็นความสุขอยู่ช่วงหนึ่งง่ะ พอกับมาถึงวิลัยมันคิดถึงพี่เขา เล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนก็บอกให้ลงพันทิพหาเลยอะไรอย่างงี้ เพราะนครชัยแอร์เค้าคงไม่ให้ข้อมูลของผู้โดยสารแน่ๆ เราสมัครพันทิพเพื่อตามหาพี่เขาเลยน่ะเนี้ย ในชีวิตไม่เคยทำอะไรอย่างี่เลยจริงๆ
ปล.ขอบคุณทุกคนมากเลยน่ะค่ะที่อ่านจบเรื่อง
ปล.ขอบคุณมากน่ะค่ะสำหรับคนที่ช่วยแชร์เพื่อหาพี่อังคาร
#อย่างน้อยเราก็เชื่อในเรื่องพรหมลิขิตน่ะ ถ้าเจอพี่เค้าอีกทีก็คงดีใจมาก
.
.
เสียใจในสิ่งที่ทำ ดีกว่ามานั้งเสียใจถ้าเราไม่ได้ทำ