รถพ่วงไฟมันหรี่มาก ทั้งตัวไฟท้ายและแถบสะท้อนแสง ขนาดไฟรถยนต์ที่สว่างๆ ยังมองไม่ค่อยเห็นเลยถ้ารถพ่วงจอดในที่มืดๆ
ยิ่งเป็นรถจักรยานยนต์ซึ่งไฟหน้าทุกคันทุกรุ่นทุกยี่ห้อ มันไม่สว่างอยู่แล้ว ก็แทบจะมองไม่เห็นเลย หรือ เรียกว่ามองไม่เห็นเลยก็ได้
เคยมีคำตัดสินศาลฎีกาออกมาว่า รถที่จอดเสียข้างทางจะต้อง แจ้งเตือนให้รถที่ใช้ถนนร่วมกันรู้ว่ามีรถจอดอยู่ ในระยะที่มากพอที่จะหยุดรถโดยปลอดภัยได้
แต่นี่ไม่มีอะไรเลย ในการจอด เอาความสะดวกของตนเองเป็นที่ตั้ง อยู่บนความประมาท ชีวิตคนที่ตายไปเอาคืนมาได้มั้ย มันไม่ใช่เงินทองหรือสิ่งของน่ะที่จะหาใหม่ได้
หมายเหตุ: เราควรจะทำอย่างไรดีครับ?
ข่าวเดลินิวส์ลงแบบนี้ครับ
2 พี่น้องชาวประจวบฯ ขับขี่และซ้อนท้ายรถจยย.ไปกินดื่มในตัวเมืองกุยบุรี ระหว่างทางพุ่งเสยท้ายรถพ่วง 18 ล้อที่โชเฟอร์จอดนอนหลับบนไหล่ทาง ดับอนาถ
เมื่อเวลา 00.09 น. วันที่ 11 พ.ค. ร.ต.อ.แวนร์ จิตร์จารุวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งอุบัติเหตุรถ จยย.พุ่งชนท้ายรถพ่วงมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บริเวณถนนเพชรเกษมก่อนถึงแยกไฟแดงกุยบุรีประมาณ 100 เมตร จึงรุดไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ทะเบียน 71–3785 สงขลา จอดอยู่ริมถนน โดยที่ท้ายรถพ่วงพบรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีขาวแดง ทะเบียน 1 กข 8291 ประจวบคีรีขันธ์ พุ่งชนจนเสียบติดคาอยู่ ใกล้กันพบศพ นายประสูติ ขำนวนทอง อายุ 54 ปี ผู้ขับขี่ สภาพกะโหลกศีรษะยุบจากการพุ่งอัดกับท้ายรถพ่วง นอกจากนี้ยังพบร่างของ นายวิสุทธิ์ ขำนวนทอง อายุ 58 ปี พี่ชายของนายประสูติ นอนหมดสติหายใจรวยรินอยู่ที่พื้นถนน สภาพศีรษะแตกเลือดไหลเป็นทาง จึงรีบนำตัวส่ง รพ.กุยบุรี แต่ นายวิสุทธิ์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายทั้งสองได้ดื่มกินกันมาจากงานเลี้ยงที่บ้านหนองตาเสือ หมู่ 5 ต.กุยบุรี หลังจากนั้นจึงพากันขับขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.เพื่อไปดื่มกินกันต่อที่ร้านอาหารในตัวเมืองกุยบุรี กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่า นายประสูติ ผู้ขับขี่คงจะหันมาคุยกับ นายวิสุทธิ์พี่ชาย จนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีรถพ่วงจอดหลบอยู่ตรงไหล่ทาง ทำให้ชนเข้ากับท้ายรถพ่วงอย่างจังจนเสียชีวิตดังกล่าว ขณะที่ นายสมคิด เศรษฐณรินทร์ อายุ 44 ปี โชเฟอร์รถพ่วง ให้การว่า ได้จอดรถตรงไหล่ทางเพื่อพักผ่อน ระหว่างที่จอดนอนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงดังสนั่นที่ท้ายรถ เมื่อลงมาดูก็พบว่ามีรถ จยย.ของผู้ตายมาพุ่งชนท้าย จึงได้โทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ อย่างไรก็ตามทางตำรวจได้นำตัว นายสมคิด ไปสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป.
ที่มา:
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153282303999609
อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนรถพ่วงที่จอดข้างทางอีกแล้ว
รถพ่วงไฟมันหรี่มาก ทั้งตัวไฟท้ายและแถบสะท้อนแสง ขนาดไฟรถยนต์ที่สว่างๆ ยังมองไม่ค่อยเห็นเลยถ้ารถพ่วงจอดในที่มืดๆ
ยิ่งเป็นรถจักรยานยนต์ซึ่งไฟหน้าทุกคันทุกรุ่นทุกยี่ห้อ มันไม่สว่างอยู่แล้ว ก็แทบจะมองไม่เห็นเลย หรือ เรียกว่ามองไม่เห็นเลยก็ได้
เคยมีคำตัดสินศาลฎีกาออกมาว่า รถที่จอดเสียข้างทางจะต้อง แจ้งเตือนให้รถที่ใช้ถนนร่วมกันรู้ว่ามีรถจอดอยู่ ในระยะที่มากพอที่จะหยุดรถโดยปลอดภัยได้
แต่นี่ไม่มีอะไรเลย ในการจอด เอาความสะดวกของตนเองเป็นที่ตั้ง อยู่บนความประมาท ชีวิตคนที่ตายไปเอาคืนมาได้มั้ย มันไม่ใช่เงินทองหรือสิ่งของน่ะที่จะหาใหม่ได้
หมายเหตุ: เราควรจะทำอย่างไรดีครับ?
ข่าวเดลินิวส์ลงแบบนี้ครับ
2 พี่น้องชาวประจวบฯ ขับขี่และซ้อนท้ายรถจยย.ไปกินดื่มในตัวเมืองกุยบุรี ระหว่างทางพุ่งเสยท้ายรถพ่วง 18 ล้อที่โชเฟอร์จอดนอนหลับบนไหล่ทาง ดับอนาถ
เมื่อเวลา 00.09 น. วันที่ 11 พ.ค. ร.ต.อ.แวนร์ จิตร์จารุวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งอุบัติเหตุรถ จยย.พุ่งชนท้ายรถพ่วงมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บริเวณถนนเพชรเกษมก่อนถึงแยกไฟแดงกุยบุรีประมาณ 100 เมตร จึงรุดไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ทะเบียน 71–3785 สงขลา จอดอยู่ริมถนน โดยที่ท้ายรถพ่วงพบรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีขาวแดง ทะเบียน 1 กข 8291 ประจวบคีรีขันธ์ พุ่งชนจนเสียบติดคาอยู่ ใกล้กันพบศพ นายประสูติ ขำนวนทอง อายุ 54 ปี ผู้ขับขี่ สภาพกะโหลกศีรษะยุบจากการพุ่งอัดกับท้ายรถพ่วง นอกจากนี้ยังพบร่างของ นายวิสุทธิ์ ขำนวนทอง อายุ 58 ปี พี่ชายของนายประสูติ นอนหมดสติหายใจรวยรินอยู่ที่พื้นถนน สภาพศีรษะแตกเลือดไหลเป็นทาง จึงรีบนำตัวส่ง รพ.กุยบุรี แต่ นายวิสุทธิ์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายทั้งสองได้ดื่มกินกันมาจากงานเลี้ยงที่บ้านหนองตาเสือ หมู่ 5 ต.กุยบุรี หลังจากนั้นจึงพากันขับขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.เพื่อไปดื่มกินกันต่อที่ร้านอาหารในตัวเมืองกุยบุรี กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่า นายประสูติ ผู้ขับขี่คงจะหันมาคุยกับ นายวิสุทธิ์พี่ชาย จนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีรถพ่วงจอดหลบอยู่ตรงไหล่ทาง ทำให้ชนเข้ากับท้ายรถพ่วงอย่างจังจนเสียชีวิตดังกล่าว ขณะที่ นายสมคิด เศรษฐณรินทร์ อายุ 44 ปี โชเฟอร์รถพ่วง ให้การว่า ได้จอดรถตรงไหล่ทางเพื่อพักผ่อน ระหว่างที่จอดนอนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงดังสนั่นที่ท้ายรถ เมื่อลงมาดูก็พบว่ามีรถ จยย.ของผู้ตายมาพุ่งชนท้าย จึงได้โทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ อย่างไรก็ตามทางตำรวจได้นำตัว นายสมคิด ไปสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป.
ที่มา: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153282303999609