เมื่อฉันขอผู้ชายแต่งงาน?????

โอ๊ยยยยย น่าเกลียดจัง ไม่มียางอาย ทำไปได้ไง แรงจังผู้หญิงคนนี้ บลาๆๆๆ

แต่เชื่อไหมว่าผู้หญิงหลายคนก็ร้องเพลงรอ ร๊อ รอ ผู้ชายมาขอ
บอกเป็นนัยก็แล้ว แชร์+กดไลค์เกี่ยวกับกระทู้แต่งงาน ของชำร่วย การ์ด บลาๆๆๆ ทำมาหมดแล้วผู้ชายก็ยั๊งงงง ไม่มาขอ
บอกได้เลยค่ะว่างานนี้คุณผู้หญิงคงต้องลุกขึ้นมาจริงจังและเด็ดขาดบ้างแล้ว
เพราะบางทีผู้ชายเขาจะคิดแค่ว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วจะจัดงานแต่งไปให้เปลืองทำไม

แต่ แต๊ แต่ เราคิดว่าถ้าเราถามเพื่อนๆผู้หญิงแท้ๆ ทุกคน เกิน 90% ต้องตอบว่าอยากใส่ชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต
แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ไม่รุกเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้แต่ง รุกผู้ชายก็ดูจะน่าเกลียด ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมและประเพณีของไทย

บอกปูมหลังงนิดนึงนะคะ
เจ้าของกระทู้อายุยี่สิบปลายๆที่มีเพื่อแต่งงานเต็มหน้าฟีด และคาดว่าผุ้หญิงในวัยเดียวกับเราคงมีประสบการณ์คล้ายๆกัน
ส่วนเรา ก็ตามหัวข้อเลยค่ะ
ขอผู้ชายแต่งงานและจัดงานแต่งเป็นที่เรียบร้อยเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
>> เหมือนจะภูมิใจ ฮาาาาา <<

ผู้หญิงหลายคนคงตกอยู่ในสภาวะอยากลงหลักปักฐานแต่ผู้ชายของเราดั๊นนนนน ไม่ให้ความร่วมมือ
ผู้ชายของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น
เราเป็นคนที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาจนบางทีเพื่อนก็ว่าเราตรงเกินไป
และผู้ชายคนนี้ ก่อนที่เราจะเริ่มคบกัน เราถามเขาก่อนที่เขาจะขอคบกับเราด้วยซ้ำ คำถามเราสั้นๆแต่ได้ใจความ
"ถามจริง ที่เข้ามาในชีวิตเรานี่ต้องการอะไร ถ้าไม่จริงจังก็ไปซะ เสียเวลา คำว่าจริงจังของเราคือเรามองหาอนาคตร่วมกัน คือการแต่งงาน มีลูกและอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต"
ผู้ชายได้ยินก็เงิบและเงียบไปสักพักและตอบเรากลับว่า
"จริงจังดิ เราเองก็อยากแต่งงาน อยากมีลูก แล้วเหมือนกัน"
ไม่รู้ว่าตอนนั้นผู้ชายหมายความอย่างนั้นจริงรึเปล่านะ เพราะผู้ชายเกิน 50% ที่พูดคำนี้มักไม่ค่อยจริงจัง ฮาาาาาาา

เมื่อคบกันมาเรื่อยๆก็ไม่มีทีท่าว่านางจะขอแต่งงานแฮะ
มันก็เลยถึงเวลาที่ต้องจับเข่าคุยกัน เพราะแฟนเราเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดและนิสัยผู้ชายถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้นก็คงยากที่จะได้แต่ง
เราเลยหันหน้าคุยกันแบบจริงจัง ว่าจะเอายังไง เคยมีฉันอยู่ในอนาคตของเธอมั้ย หลังจากนั้นเราก็ให้เวลากันและกันได้คิดทั้งคู่ว่าจะเอาอย่างไรต่อกับความสัมพันธ์ของเรา
และแล้ว เราก็ซื้อบ้านและนัดวันจดทะเบียน เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราตั้งใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เวลาช่วงนี้ที่เราให้กันคือประมาณ 3 เดือน
คือในระหว่างช่วง 3 เดือนก่อนจดทะเบียนนี่เราแบบแสดงนิสัยเสียออกมา เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด สุดท้ายเมื่อเรารับข้อเสียของกันและกันได้เราถึงไปจดทะเบียนที่เขต
คราวนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องบอกครอบครัวและเพื่อนฝูงอย่างเป็นทางการ เรานัดวันจัดงานแต่งกันวันที่ 15 เมษา ซึ่งหลังจากเราจดทะเบียนกันประมาณ 6 เดือนกว่าๆ
แต่ยังไม่จบแค่นั้นค่ะคู๊ณณณณณ
คุณผู้ชายเล่นไม่ยอมบอกที่บ้าน ไอ้เราก็คิดในใจละจะได้จัดมั้ยน้างานแต่งในฝันของเรา
ตระเวนหาร้าน และรีสอร์ททั่วจังหวัดชลบุรี เนื่องจากเราอยากแต่งงานริมชายหาด <------ ฝันๆๆๆๆๆ
แต่จนเดือนกุมภา คุณผู้ชายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคุยกับแม่แฮะ เราก็ฝันค้างต่อไป
จนวันนึงเราก็นั่งฝันกลางวันถึงอุปกรณ์ที่เราจะเอามาใช้จัดงาน ซึ่งมันหาได้ง่ายทางภาคเหนือของประเทศซึ่งก็คือบ้านเกิดของเราทั้งคู่
ปฏิบัติการโทรหาแม่ผู้ชายก็เกิดขึ้น
บอกเลยว่าเจ้าสิ่งนี้นี่แหละที่ทำให้เราได้แต่งงาน
เพราะเราถามแม่ผู้ชายว่าไอ้คบเพลิงไม้ไผ่นี่มันหาได้จากไหน แถวบ้านมีขายมั้ย
แม่ผู้ชายถามกลับมาว่าจะเอาไปทำอะไร เท่านั้นแหละค่ะคุณขา
ใจตุ๊มๆต่อมๆ บอกดี ไม่บอกดี เอาไง แม่ผู้ชายจะว่าเรามั้ย
สรุปก็ตัดสินใจ บอกแม่ผู้ชายกับไปว่า "พอดีหนูกับ...คุยกันว่าจะจัดงานแต่งน่ะค่ะแม่ แล้วพอดีต้องใช้เจ้าสิ่งนี้แล้วไม่รู้จะหาซื้อจากที่ไหน"
และกลับมาถึงบ้านก็บอกกับผู้ชายว่า "เธอ เค้าบอกแม่เธอแล้วนะว่าเราจะจัดงานแต่ง เดี๋ยวแม่หาวันก่อนนะ"
แล้วผู้ชายก็เดินไปดูมือถือเราอย่างเร็ว
แล้วกลับมาบอกว่า "พูดจริงนี่นา นึกว่าพูดเล่น" โดนเขกหัวไปทีนึง
แล้วก็ได้จัดพิธีแต่งงานเล็กๆริมหาดแบบที่เคยฝันไว้ ในวันที่ 30 เมษา ที่ผ่านมา
เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายชีวิตคู่ของเราจึงต้องดำเนินต่อไป
..........................
และกระทู้ต่อไปเราว่าจะมาแบ่งปันประสบการณ์ไม่มีเงินเก็บสักบาท แต่งงานได้ไง
งานแต่งเราจัดได้ด้วยงบประมาณจากเงินเดือนหมุนเวียนของเราสองคนในช่วงระยะเวลา 3 เดือน คือเงินเดือนของเดือนกุมภาจนถึงเมษา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่