Part 1 : กรุงเทพ - Moscow - St.Petersburg - Palace Square & The Hermitage >>
http://ppantip.com/topic/33621110
กราบสวัสดีชาวพันทิพอีกครั้งนะครับ ยินดีต้อนรับกลับสู่ 8 Day With Her "Mother Russia" - Part 2 นะครับ โดย Part นี้จะเป็นเรื่องราวการเที่ยวรอบๆกรุง St.Petersburg ในวันที่ 3-4-5 ของทริปนะครับ ซึ่งแพลนคร่าวๆเป็นดังนี้ครับ
Day 3
- Catherine Palace
- St.Issac's cathedral & Colonnade Walkway
Day 4
- Vasilyevsky Island
- Peter & Paul Fortress
- St.Petersburg Mosque (แว๊บเข้าไป 15 วินาที)
- Church of The Savior of The Spilled Blood & Museum of stone
Day 5
- Peterhof
ภาพทั้งหมดในรีวิวนี้ถ่ายจาก Fuji X-E2 นะครับ พกเลนส์ไป 2 ตัวคือ XF18-55 และ XF55-200 จะมีภาพจากกล้อง iPhone 5 ปนมาบ้างนิดหน่อย ค่าเงินตอนผมไป 0.58 THB = 1 RUB ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในรีวิวนี้จะใส่เป็น Rub ทั้งหมดนะครับ
Day 3 Catherine Palace/St.Issac's catheral
ตอนเช้าผมตื่นประมาณหกโมงเช้าครับ เวลาเดียวกับที่ตื่นไปทำงานเป๊ะ เลยแวะออกมาเดินถ่ายรูปข้างนอกนิดนึง อากาศเย็นสบายครับ แต่ฟ้าไม่เปิดเลยครึ้มๆขาวๆ เดินไปแค่ตรงถนนใหญ่ก็กลับมาอาบน้ำครับ โชคดีที่ๆที่พักผมอยู่ใกล้กับ Kazan Cathedral และสามารถมองเห็น Church of The Savior of The Spilled Blood ได้ครับ เลยไม่ต้องไปไหนไกลก็มีอะไรให้ถ่ายรูป
ถนน Nevskiy Prospect เดินจากที่พักแค่ 3 นาทีกว่าก็ถึง
Kazan Cathedral อันนี้ออกจากช่องประตูมาก็เจอเลย วนมาด้านหน้านิดนึง
จากริมถนนมองไปไกลๆก็จะเห็น Church of The Savior of The Spilled Blood
พวกเราออกจากที่พักประมาณ 8 โมงครับ แผนวันนี้คือจะไปเที่ยว Catherine Palace ซึ่งอยู่นอกเมืองครับ แรกสุดเราแวะกินข้าวเช้าที่ร้านอาหารแถวๆที่พักก่อนครับ เป็นร้านเคบับ คนขายไม่พูดอังกฤษเลย คุยภาษามือด้วยก็ยังงๆกันอยู่ สุดท้ายได้ลุงร้านของชำข้างๆช่วย เค้าพูดอังกฤษได้นิดหน่อย ผมสั่งอาหารชุด (เพราะมีรูป ชี้ง่าย 55) ชุดละ 195 Rub เป็นเนื้อเคบับกับผัก มันต้มหั่น และแป้งโรตีครับ
กินเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินเลียบถนน Nevskiy Prospect เพื่อไปนั่ง Metro ไปลงที่สถานี Moskovskaya และขึ้น Minibus ไป Catherine Palace ครับ โดยตอนเดินขึ้นจาก Metro ก็งงๆกับทางออก(อีกแล้ว) เผอิญเจอคนไทยอีกกลุ่ม ท่าทางมึนๆมาเหมือนกันครับ เราแยกไปคนละทางกับเค้า โดยกลุ่มนั้นไปถามทางคนรัสเซียที่ผ่านมา ส่วนพวกเราลองเดินตามที่หนังสือนำเที่ยวบอก คือไปบริเวณหลังรูปปั้นหน้า The House of Soviets ซึ่งสามารถมองเห็นตึกนั้นได้ตั้งแต่ขึ้นจาก Metro เลยครับ
The Monument of Vladimir Lenin at The House of Soviets
ก่อนถึงจุดที่หนังสือนำเที่ยวบอก เพื่อนในทีมแวะถามทางคนรัสเซียคนนึงครับ เห็นเค้ายืนรอรถบัสอยู่ (เค้าพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาก) แต่ตัวเค้าเองก็ไม่รู้ว่า Catherine Palace จะต้องไปยังไงจากทีนี่ ถึงกับเอาสมาทโฟนมาเสิร์จหาให้ 15 นาทีผ่านไปไม่สำเร็จ สุดท้ายเค้าก็แนะนำให้ขึ้น Taxi บอกให้โหลดแอพสำหรับเรียก Taxi แนะนำบริษัทแทกซี่ที่ควรขึ้นไม่ควรขึ้นมาเสร็จสรรพ เรียกว่าเซอวิสสุดๆ พวกเราก็ขอบคุณและเดินต่อไปโดยรู้สึกผิดอยู่ในใจนิดๆว่าทำเค้าเสียเวลาไปเกือบครึ่งช.ม.
พวกเราเดินไปตรงหลังรูปปั้นตามหนังสือนำเที่ยวบอกครับ ตรงนั้นจะคล้ายๆวินรถตู้ มีรถ Minibus จอดอยู่หลายคัน แต่ละคันก็จะมีเขียนไว้ว่าไปจอดที่ไหนเหมือนของไทยนี่แหละครับ ที่เที่ยวที่ดังๆก็จะมีภาษาอังกฤษกำกับไว้ พวกเราเดินไปถึงคนขับก็ลงมาถามภาษาอังกฤษเลยว่าไป Catherine Palace มั้ย รถคนที่ผมขึ้นจะเป็น Minivan สาย 342 ค่ารถคนละ 36 Rub ครับ คนขับดูอารมณ์ดียิ้มตลอด เห็นผมยกกล้องขึ้นถ่ายก็มีโพสท่าให้ถ่ายรูปด้วย(จริงๆผมจะถ่ายป้ายข้างรถเค้า 55+) รถจะไม่ออกทันทีนะครับ ต้องรอจนคนเกือบเต็มรถจึงค่อยออก และขณะขับก็จะจอดรับคนเรื่อยๆ ที่นั่งเต็มผู้โดยการก็จะยืนเกาะราวเอาจนแน่นรถครับ
ข้างรถจะมีตัวเลขและมีรายละเอียดสถานที่ๆผ่านครับ ถ้าเป็น Metro ก็จะมีสัญลักษณ์ตัว M
คนขับรถครับ
รถวิ่งออกนอกเมืองประมาณ ครึ่งชม.ก็จอดหน้า Catherine Palace ครับ สังเกตไม่ยากก่อนถึงรอบๆจะเป็นคล้ายๆหมู่บ้าน ทางเข้าจะมีร้านขายของฝากเป็น Kiosk ตั้งเรียงกันอยู่ มองเลยไปจะมองเห็นยอด Palace เป็นทองอร่ามครับ วังเปิด 10.30 พวกเราไปถึงพอดีๆเวลาเปิด ข้างในมีสองส่วน คือ สวน และวังครับ พวกเราเดินผ่านสวนด้านหน้าไปนิดนึงก่อนจะเราเข้าไปในวัง หนีทัวน์จีนที่ตามเรามา วังด้านหน้ากำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมบางส่วนครับ ก็เลยมีนั่งร้านตั้งระเกะระกะกับ มีผ้าคลุมวังส่วนนั้นอยู่ Fail ไปนิดนึง TT มาหน้าหนาวต้องทำใจ
Catherine Palace สีฟ้าสดใส ตัดกับยอดสีทองอร่าม สวยสุดๆ
สวนด้านหน้าครับ รีวิวนี้จะไม่มีรูปเต็มๆทั้งวังนะครับ ไม่อยากถ่ายให้ติดส่วนที่เค้าซ่อมอยู่ครับ
เข้ามาด้านซ้ายมือจะมีเคาเตอร์ขายตั๋วครับ ค่าเข้าคนละ 400 RUB ต้องฝากสื้อหนาวและกระเป๋าใบใหญ่ มีห้องเก็บให้ กระเป๋าใบเล็กๆกับกล้องถ่ายรูป เอาเข้าได้ครับ พอเข้าไปแล้วเค้าจะให้เราสวมถุงคลุมรองเท้า และรอรวมกันในห้องก่อนครับ และค่อยทยอยปล่อยคนเข้าเป็นรอบๆ แต่พอเข้าไปแล้วก็เดินแยกกันอยู่ดี เพราะไกด์คนที่นำพูดภาษารัสเซียล้วนครับ ถ้าเราอยากรู้ประวัติห้องนั้น ต้องไปอ่านที่ป้ายเอา ซึ่งป้ายในประเทศนี้จะเขียนอธิบายเป็นภาษารัสเซียสัก 3 Paragraph และแปลเป็นภาษาอังกฤษประมาณ 3 บรรทัดครับ -/\- ผมขอแนะนำว่าถ้ามีเวลา อ่านประวัติล่วงหน้ามาคร่าวๆจะอินกว่าครับ ตอนผมไปใช้วิธีแอบฟังทัวน์อื่นๆอธิบายอังกฤษครับ 555
ห้องโถงใหญ๋ครับ อร่ามมมม
ห้องที่นี่จะประดับด้วยทองทั้งนั้น เป็นวังที่มี่เยอะที่สุดเท่าที่เห็นมาครับ ถ้าไม่นับรูปปั้นที่ Peterhof
พระนางเจ้าแคทเธอรีนที่ 1 พระมเหสีของปีเตอร์มหาราช ผู้สั่งให้สร้างพระราชวังแห่งนี้
ภายในวังจะเเบ่งเป็นห้องๆตามปีกของวังเดินวนตามปีกครบรอบจะกลับมาที่เดิมครับ แต่ละห้องไม่ใหญ่มาก เล็กกว่า The Hermitage มาก แต่ละห้องจะดีไซน์เหมือนๆกัน ประดับด้วยทองซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีภาพวาด และจะเน้นเรื่องประวัติของสถานที่กับวิถีชีวิตของคนสมัยนั้นมากกว่าครับ ซึ่งแต่ละห้องจะมีจนท.คอยคุม จะกันไม่ให้คนเข้าเยอะไป ตามกรุ๊ปที่แบ่งมาตอนแรก แต่พวกเราก็เนียนไปทั่วกับทุกกรุ๊ปครับ บางห้องจนท.จะไม่ให้เราหยุดดูด้วยครับ เป็นห้องสีโทนเขียวธีมห้องเป็นธีมจีนหน่อยๆ ลายผนัง แจกันต่างๆก็เป็นลวดลายจีน พอผมหยุดยืนดู จนท.ก็จะกวักมือไล่ เหมือนแบบว่าจะไว้ให้เดินผ่านเฉยๆ ห้ามดูนาน (แปลกดีเนอะ - -*)
คุณป้าจนท.ครับ จะนั่งประจำทุกทางเข้าออกห้อง
ที่นี่มีไฮไลท์คือ Amber Room หรือห้องอำพัน ที่จะเป็นห้องสีแดงส้ม ประดับด้วยอำพันทั้งห้อง จริงๆแล้วนี่เป็นห้องที่สร้างขึ้นมาใหม่ ห้องอำพันเดิม เค้าว่ากันว่ายิ่งใหญ่อลังการถึงชั้นเรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่แปดของโลก แต่ห้องถูกรื้อถอนไปตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 และก็ได้หายสาบสูญไประหว่างการเคลื่ยนย้ายจนเป็นปริศนาจนทุกวันนี้ ห้องนี้ห้ามถ่ายรูปแบบจริงจัง จะมีจนท.มาคอยไล่ถ้าเห็นคนยกกล้องครับ
พวกเราได้เจอกับกลุ่มคนไทยที่หลงทางด้วยกันตอนแรกด้วย เค้ามาด้วยรถ Bus โดยนั่งจากฝั่งตรงข้ามครับ เค้าบอกมันจะอ้อมๆหน่อย ใช้เวลาเกือบชั่วโมงนีงครับ
พอเดินวังครบรอบก็ถึงเวลาออกไปเดินชมในสวนบ้างแล้ว ออกไปข้างนอกอากาศก็เริ่มเย็น(มาก)และครึ้มแล้ว ผมชอบติดปากเรียกอากาศแบบนี้ว่ามัน "เยือกๆ" (มาจากเย็นยะเยือก) คือหนาวมาก โดยที่ไม่มีลม ฟ้าไม่มืดแต่ก็ไม่มีแดดครับ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าวันไหนอากาศมาแนวนี้วันรุ่งขึ้นหิมะจะตกครับ ใครมาเที่ยวช่วงเมษา ผมแนะนำว่าควรจะแต่งตัวหนาๆมาเผื่อจะต้องเจอหิมะนะครับ ผมเองตอนแรกก็ลังเลว่าจะเอาเสื้อหนาวกันหิมะมามั้ย สุดท้ายก็ตัดสินใจพกมา และก็ได้ใช้ตัวนี้ตลอดวันที่อยู่ที่นี่ครับ
อีกคำแนะนำนะครับ คนรัสเซ๊ยส่วนใหญ่จะใส่ชุดสีหม่นๆ ดำเทาน้ำตาล อะไรแบบนี้ เวลาไปเที่ยวถ้าไม่อยากสะดุดตามากให้หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีสดใสนะครับ อย่างในรูปด้านล่างเป็นตัวอย่างที่ไม่ถูกต้องนะครับ เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่าเดินตามผมยังไงก็ไม่หลงครับ มองเห็นสีเป้ตั้งแต่หัวถนน orz
ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบเป็นอย่างยิ่ง ;___;
8 Day With Her "Mother Russia" : แบคแพคเที่ยวรัสเซีย 8 วันในราคาสบายกระเป๋า - Part 2
กราบสวัสดีชาวพันทิพอีกครั้งนะครับ ยินดีต้อนรับกลับสู่ 8 Day With Her "Mother Russia" - Part 2 นะครับ โดย Part นี้จะเป็นเรื่องราวการเที่ยวรอบๆกรุง St.Petersburg ในวันที่ 3-4-5 ของทริปนะครับ ซึ่งแพลนคร่าวๆเป็นดังนี้ครับ
Day 3
- Catherine Palace
- St.Issac's cathedral & Colonnade Walkway
Day 4
- Vasilyevsky Island
- Peter & Paul Fortress
- St.Petersburg Mosque (แว๊บเข้าไป 15 วินาที)
- Church of The Savior of The Spilled Blood & Museum of stone
Day 5
- Peterhof
ภาพทั้งหมดในรีวิวนี้ถ่ายจาก Fuji X-E2 นะครับ พกเลนส์ไป 2 ตัวคือ XF18-55 และ XF55-200 จะมีภาพจากกล้อง iPhone 5 ปนมาบ้างนิดหน่อย ค่าเงินตอนผมไป 0.58 THB = 1 RUB ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในรีวิวนี้จะใส่เป็น Rub ทั้งหมดนะครับ
Day 3 Catherine Palace/St.Issac's catheral
ตอนเช้าผมตื่นประมาณหกโมงเช้าครับ เวลาเดียวกับที่ตื่นไปทำงานเป๊ะ เลยแวะออกมาเดินถ่ายรูปข้างนอกนิดนึง อากาศเย็นสบายครับ แต่ฟ้าไม่เปิดเลยครึ้มๆขาวๆ เดินไปแค่ตรงถนนใหญ่ก็กลับมาอาบน้ำครับ โชคดีที่ๆที่พักผมอยู่ใกล้กับ Kazan Cathedral และสามารถมองเห็น Church of The Savior of The Spilled Blood ได้ครับ เลยไม่ต้องไปไหนไกลก็มีอะไรให้ถ่ายรูป
พวกเราออกจากที่พักประมาณ 8 โมงครับ แผนวันนี้คือจะไปเที่ยว Catherine Palace ซึ่งอยู่นอกเมืองครับ แรกสุดเราแวะกินข้าวเช้าที่ร้านอาหารแถวๆที่พักก่อนครับ เป็นร้านเคบับ คนขายไม่พูดอังกฤษเลย คุยภาษามือด้วยก็ยังงๆกันอยู่ สุดท้ายได้ลุงร้านของชำข้างๆช่วย เค้าพูดอังกฤษได้นิดหน่อย ผมสั่งอาหารชุด (เพราะมีรูป ชี้ง่าย 55) ชุดละ 195 Rub เป็นเนื้อเคบับกับผัก มันต้มหั่น และแป้งโรตีครับ
กินเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินเลียบถนน Nevskiy Prospect เพื่อไปนั่ง Metro ไปลงที่สถานี Moskovskaya และขึ้น Minibus ไป Catherine Palace ครับ โดยตอนเดินขึ้นจาก Metro ก็งงๆกับทางออก(อีกแล้ว) เผอิญเจอคนไทยอีกกลุ่ม ท่าทางมึนๆมาเหมือนกันครับ เราแยกไปคนละทางกับเค้า โดยกลุ่มนั้นไปถามทางคนรัสเซียที่ผ่านมา ส่วนพวกเราลองเดินตามที่หนังสือนำเที่ยวบอก คือไปบริเวณหลังรูปปั้นหน้า The House of Soviets ซึ่งสามารถมองเห็นตึกนั้นได้ตั้งแต่ขึ้นจาก Metro เลยครับ
ก่อนถึงจุดที่หนังสือนำเที่ยวบอก เพื่อนในทีมแวะถามทางคนรัสเซียคนนึงครับ เห็นเค้ายืนรอรถบัสอยู่ (เค้าพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาก) แต่ตัวเค้าเองก็ไม่รู้ว่า Catherine Palace จะต้องไปยังไงจากทีนี่ ถึงกับเอาสมาทโฟนมาเสิร์จหาให้ 15 นาทีผ่านไปไม่สำเร็จ สุดท้ายเค้าก็แนะนำให้ขึ้น Taxi บอกให้โหลดแอพสำหรับเรียก Taxi แนะนำบริษัทแทกซี่ที่ควรขึ้นไม่ควรขึ้นมาเสร็จสรรพ เรียกว่าเซอวิสสุดๆ พวกเราก็ขอบคุณและเดินต่อไปโดยรู้สึกผิดอยู่ในใจนิดๆว่าทำเค้าเสียเวลาไปเกือบครึ่งช.ม.
พวกเราเดินไปตรงหลังรูปปั้นตามหนังสือนำเที่ยวบอกครับ ตรงนั้นจะคล้ายๆวินรถตู้ มีรถ Minibus จอดอยู่หลายคัน แต่ละคันก็จะมีเขียนไว้ว่าไปจอดที่ไหนเหมือนของไทยนี่แหละครับ ที่เที่ยวที่ดังๆก็จะมีภาษาอังกฤษกำกับไว้ พวกเราเดินไปถึงคนขับก็ลงมาถามภาษาอังกฤษเลยว่าไป Catherine Palace มั้ย รถคนที่ผมขึ้นจะเป็น Minivan สาย 342 ค่ารถคนละ 36 Rub ครับ คนขับดูอารมณ์ดียิ้มตลอด เห็นผมยกกล้องขึ้นถ่ายก็มีโพสท่าให้ถ่ายรูปด้วย(จริงๆผมจะถ่ายป้ายข้างรถเค้า 55+) รถจะไม่ออกทันทีนะครับ ต้องรอจนคนเกือบเต็มรถจึงค่อยออก และขณะขับก็จะจอดรับคนเรื่อยๆ ที่นั่งเต็มผู้โดยการก็จะยืนเกาะราวเอาจนแน่นรถครับ
รถวิ่งออกนอกเมืองประมาณ ครึ่งชม.ก็จอดหน้า Catherine Palace ครับ สังเกตไม่ยากก่อนถึงรอบๆจะเป็นคล้ายๆหมู่บ้าน ทางเข้าจะมีร้านขายของฝากเป็น Kiosk ตั้งเรียงกันอยู่ มองเลยไปจะมองเห็นยอด Palace เป็นทองอร่ามครับ วังเปิด 10.30 พวกเราไปถึงพอดีๆเวลาเปิด ข้างในมีสองส่วน คือ สวน และวังครับ พวกเราเดินผ่านสวนด้านหน้าไปนิดนึงก่อนจะเราเข้าไปในวัง หนีทัวน์จีนที่ตามเรามา วังด้านหน้ากำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมบางส่วนครับ ก็เลยมีนั่งร้านตั้งระเกะระกะกับ มีผ้าคลุมวังส่วนนั้นอยู่ Fail ไปนิดนึง TT มาหน้าหนาวต้องทำใจ
เข้ามาด้านซ้ายมือจะมีเคาเตอร์ขายตั๋วครับ ค่าเข้าคนละ 400 RUB ต้องฝากสื้อหนาวและกระเป๋าใบใหญ่ มีห้องเก็บให้ กระเป๋าใบเล็กๆกับกล้องถ่ายรูป เอาเข้าได้ครับ พอเข้าไปแล้วเค้าจะให้เราสวมถุงคลุมรองเท้า และรอรวมกันในห้องก่อนครับ และค่อยทยอยปล่อยคนเข้าเป็นรอบๆ แต่พอเข้าไปแล้วก็เดินแยกกันอยู่ดี เพราะไกด์คนที่นำพูดภาษารัสเซียล้วนครับ ถ้าเราอยากรู้ประวัติห้องนั้น ต้องไปอ่านที่ป้ายเอา ซึ่งป้ายในประเทศนี้จะเขียนอธิบายเป็นภาษารัสเซียสัก 3 Paragraph และแปลเป็นภาษาอังกฤษประมาณ 3 บรรทัดครับ -/\- ผมขอแนะนำว่าถ้ามีเวลา อ่านประวัติล่วงหน้ามาคร่าวๆจะอินกว่าครับ ตอนผมไปใช้วิธีแอบฟังทัวน์อื่นๆอธิบายอังกฤษครับ 555
ภายในวังจะเเบ่งเป็นห้องๆตามปีกของวังเดินวนตามปีกครบรอบจะกลับมาที่เดิมครับ แต่ละห้องไม่ใหญ่มาก เล็กกว่า The Hermitage มาก แต่ละห้องจะดีไซน์เหมือนๆกัน ประดับด้วยทองซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีภาพวาด และจะเน้นเรื่องประวัติของสถานที่กับวิถีชีวิตของคนสมัยนั้นมากกว่าครับ ซึ่งแต่ละห้องจะมีจนท.คอยคุม จะกันไม่ให้คนเข้าเยอะไป ตามกรุ๊ปที่แบ่งมาตอนแรก แต่พวกเราก็เนียนไปทั่วกับทุกกรุ๊ปครับ บางห้องจนท.จะไม่ให้เราหยุดดูด้วยครับ เป็นห้องสีโทนเขียวธีมห้องเป็นธีมจีนหน่อยๆ ลายผนัง แจกันต่างๆก็เป็นลวดลายจีน พอผมหยุดยืนดู จนท.ก็จะกวักมือไล่ เหมือนแบบว่าจะไว้ให้เดินผ่านเฉยๆ ห้ามดูนาน (แปลกดีเนอะ - -*)
ที่นี่มีไฮไลท์คือ Amber Room หรือห้องอำพัน ที่จะเป็นห้องสีแดงส้ม ประดับด้วยอำพันทั้งห้อง จริงๆแล้วนี่เป็นห้องที่สร้างขึ้นมาใหม่ ห้องอำพันเดิม เค้าว่ากันว่ายิ่งใหญ่อลังการถึงชั้นเรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่แปดของโลก แต่ห้องถูกรื้อถอนไปตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 และก็ได้หายสาบสูญไประหว่างการเคลื่ยนย้ายจนเป็นปริศนาจนทุกวันนี้ ห้องนี้ห้ามถ่ายรูปแบบจริงจัง จะมีจนท.มาคอยไล่ถ้าเห็นคนยกกล้องครับ
พวกเราได้เจอกับกลุ่มคนไทยที่หลงทางด้วยกันตอนแรกด้วย เค้ามาด้วยรถ Bus โดยนั่งจากฝั่งตรงข้ามครับ เค้าบอกมันจะอ้อมๆหน่อย ใช้เวลาเกือบชั่วโมงนีงครับ
พอเดินวังครบรอบก็ถึงเวลาออกไปเดินชมในสวนบ้างแล้ว ออกไปข้างนอกอากาศก็เริ่มเย็น(มาก)และครึ้มแล้ว ผมชอบติดปากเรียกอากาศแบบนี้ว่ามัน "เยือกๆ" (มาจากเย็นยะเยือก) คือหนาวมาก โดยที่ไม่มีลม ฟ้าไม่มืดแต่ก็ไม่มีแดดครับ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าวันไหนอากาศมาแนวนี้วันรุ่งขึ้นหิมะจะตกครับ ใครมาเที่ยวช่วงเมษา ผมแนะนำว่าควรจะแต่งตัวหนาๆมาเผื่อจะต้องเจอหิมะนะครับ ผมเองตอนแรกก็ลังเลว่าจะเอาเสื้อหนาวกันหิมะมามั้ย สุดท้ายก็ตัดสินใจพกมา และก็ได้ใช้ตัวนี้ตลอดวันที่อยู่ที่นี่ครับ
อีกคำแนะนำนะครับ คนรัสเซ๊ยส่วนใหญ่จะใส่ชุดสีหม่นๆ ดำเทาน้ำตาล อะไรแบบนี้ เวลาไปเที่ยวถ้าไม่อยากสะดุดตามากให้หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีสดใสนะครับ อย่างในรูปด้านล่างเป็นตัวอย่างที่ไม่ถูกต้องนะครับ เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่าเดินตามผมยังไงก็ไม่หลงครับ มองเห็นสีเป้ตั้งแต่หัวถนน orz