สรุปวิธีเดินทาง เวียงจันทน์-หลวงพระบาง-วังเวียง ฉบับกระชับ สำหรับเอาข้อมูลไปเดินทางต่อ
http://ppantip.com/topic/33622817
16 x 9 Luang Prabang
Gallery
http://poshrocha.vsco.co/journal/16-9-luang-prabang
ส ะ บ า ย ดี
Backpacking หลวงพระบางครั้งนี้เป็นการแบกเป้สวมผ้าใบสะพายกล้องเดินทางคนเดียวครั้งแรกของเรา
เราติดอยู่ในลาวเกือบ 10 วัน ในหลายๆเมือง รวมเวลาวุ่นวายทั้งลืมพาสปอร์ตและไม่มีเงินติดตัวสักบาท มันส์มาก...!
กระทู้นี้ขอบันทึกการเดินทางเฉพาะในหลวงพระบาง เพราะหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของเราอยู่ที่นี่
ก่อนไปลาวเราปรึกษาเพื่อนที่เคยไปมาก่อน
เพื่อนบอกไม่ต้องอยู่นาน หลวงพระบางไม่มีอะไรเลย น่าเบื่อ
เราเลยไม่ได้แพลนจะอยู่หลวงพระบางนาน เมืองเล็กๆแบบนี้กะค้างแค่คืนเดียวก็พอ แล้วย้ายไปเมืองอื่น
แต่พอไปถึงแล้วเรากลับชอบหลวงพระบางมากกกกกก ชอบจนตัดสินใจอยู่ต่อ ถึงขั้นคิดว่าอยากมาอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆ
ที่จริงจริตการเที่ยวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบเที่ยวเชิงนิเวศ บางคนชอบเที่ยวแบบผจญภัย
ส่วนเราชอบเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คือไปเห็นสถาปัตยกรรม ศิลปะ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น
ฉะนั้นที่เพื่อนเราบอกว่าว่าหลวงพระบางน่าเบื่อ นั่นอาจเป็นเพราะช่วงเวลานั้นใจของเขาอยากได้สีสันในแบบที่หลวงพระบางไม่มี
ขณะที่หลวงพระบางกลับตอบสนองเราไปซะทุกอย่าง เพราะเวลานั้นเราอยากให้สิ่งที่เหลืออยู่ข้างในใจนั้นเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ดังนั้นหลวงพระบางคือคำตอบของใจเรา
ก่อนมาหลวงพระบางเราไปอยู่เวียงจันทน์มาก่อน ค่าครองชีพที่ลาวไม่ใช่เรื่องตลก (ตอนหลังตังค์หมดขำไม่ออก ฮือ)
ก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆเนื้อหมู 4 ชิ้น (นับจริงจัง) ชามละ 68 บาท น้ำแตงโมปั่นแก้วละ 80 บาท
ไอศกรีมโคนธรรมดาก้อนเดียว 48 บาท คือของแพงยังไม่ปวดใจเท่า คุณภาพไม่เหมาะสมกับราคา
โดยเฉพาะไอติมนี่ร้านดูดีมาก วัยรุ่นเข้าเยอะ แต่โคนไอติมนี่เหนียวจนนึกว่าเคี้ยวหมากอยู่ เป็นหมากผสมกาวด้วยนะ แทบคายทิ้ง T_T
เพราะว่ามัน 50 บาทหรอกนะเลยยัดๆเข้าปากไป สรุปคือทริปช่วงแรกเอาตังค์ไปสะดุ้งในเวียงจันทน์จนเหลือติดตัวอยู่ไม่มาก
ในหลวงพระบางเราพักที่ Philaylack Villa โดยการจองผ่าน Agoda ดังนั้นเรื่องค่าที่พักคืนแรกจึงไม่ต้องกังวลเพราะจ่ายไปหมดแล้ว
แต่ปัญหาคือเราอยากอยู่หลวงพระบางต่อ เราออกไปกด ATM แต่มันดันออกมาแต่สลิป เงินไม่ออกตามมา!
ซึ่งแปลกมากเพราะปกติไปกดหรือรูดบัตรที่ประเทศอื่นไม่เห็นมีปัญหา เราลองเดินกดทุกแบ้งเลยก็ไม่ได้ T_T
เดินคอตกกลับมาที่ที่พัก...
เราหยิบตังค์ออกมานั่งคำนวณเพราะหลังจากนี้ต้องไปวังเวียงอีก... นั่งขมวดคิ้วพลิกแบงค์ตังค์ไปมา...
จนพี่เจ้าของที่พักเห็นแล้วคงเวทนา 5555555+ พี่เค้าลดค่าห้องให้ 60,000 กีบ เหลือ 100,000 กีบถ้วน
คือเวลานั้นเป็นช่วงสิ้นเดือนด้วย ปกติห้องพักจะไม่มีทางได้ราคา 100,000 กีบในช่วงสิ้นเดือน
และห้องที่จะพักเป็นห้องแบบสองเตียงด้วยนะ กว้างขวางมากๆ คนลาวใจดีจัง
บันทึก 24 ชั่วโมงในหลวงพระบาง
หลวงพระบางวันแรก เราศึกษาเส้นทาง สถานที่เที่ยว เจาะแหล่งกิน เพื่อที่วันต่อไปจะได้ปรับตัวใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างสบายๆ
เช้าวันแรกลองตื่นมาตักบาตรตอน 6 โมง ปรากฏว่าไม่ทัน ต้องมาเร็วกว่านั้นเพราะตอน 6 โมงกว่า พระสงฆ์ก็เริ่มทยอยเดินกลับกันแล้ว
ดังนั้นวันต่อมาเราจึงตื่นตี 5 ออกมาจากที่พักในชุดออกกำลังกาย ตักบาตรข้าวเหนียวกับคุณยาย
05:30 AM.
การตักบาตรข้าวเหนียวบนถนนเส้นหลักของหลวงพระบางมีพระสงฆ์นับร้อยรูป (จาก 3 วัด)
ดังนั้นชาวต่างชาติที่มารอเก็บภาพจึงจะเยอะตาม โดยเฉพาะช่วงสี่แยกถนน Kitsalat และตรงฟุตบาทหน้าวัดใหม่
หากต้องการเข้าถึงอรรถรสการตักบาตรข้าวเหนียวจริงๆ ลองเดินเข้าไปในย่ายถนนเมืองเก่า
หรือเข้าไปตามซอยที่อยู่ของชาวบ้านตามถนน Kitsalat ก็ได้ จะมีคุณย่าคุณยายชาวบ้านมานั่งรอใส่บาตรแต่เช้า
(และหากวันไหนฝนตก ชาวบ้านที่มารอใส่บาตรจะเข้าไปรอตักบาตรในศาลาวัดใหม่แทน)
เราใส่บาตรพร้อมคุณยาย แกใจดีมากๆ สอนหมดว่าต้องทำยังไง คุยกันสัพเพเหระ
พอใส่บาตรข้าวเหนียวเสร็จแกจะมีข้าวเหนียวที่เสียแล้ว ยายแกจะแบ่งให้หมาแมวแถวนั้นกิน
06:45 AM.
ตักบาตรข้าวเหนียวเสร็จ เราไปวิ่งออกกำลังกายริมแม่น้ำโขง เริ่มวิ่งจากถนนเส้นหลักบริเวณที่ตักบาตร
อ้อมเข้าถนน Kitsalat วิ่งขึ้นไปทางวัดเชียงทอง (Wat Xieng Thong) และตีโค้งวิ่งรอบแม่น้ำตรงถนน Khem Khong
วิ่งจนเหงื่อชุ่ม เพราะยิ่งสายแดดจะยิ่งแรง แม้หลวงพระบางจะอยู่ทางเหนือ แต่ในช่วงหน้าร้อนก็ร้อนสุดๆเหมือนกัน
ดังนั้นช่วงเช้ามืดถึงตอนเช้า เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับทำกิจกรรมที่สุด
ช่วงที่วิ่งออกกำลังไปเจอสวนสาธารณะที่อยู่ติดกับสะพานไม้ไผ่ ซึ่งส่วนใหญ่พระสงฆ์จะใช้สะพานนี้ข้ามฝั่งไปมา
เราเดินกลับมาถ่ายรูปเล่น แต่ไม่ได้ข้ามฝั่งไปนะ เพราะมีเจ๊มารอเก็บตังค์ค่าข้าม 5,000 กีบ เลยเดินเล่นแถวนั้นแทน
08:30 AM.
ออกกำลังเสร็จ เดินเรื่อยให้เหงื่อแห้งแล้วไปหาอะไรกินในตลาดเช้าต่อ
02:00 PM.
ช่วงบ่ายในหน้าร้อนของหลวงพระบางแดดแรงจริงๆ เราจึงเอาเวลาช่วงนี้ไปอาบน้ำและงีบหลับ (เพราะตื่นตั้งแต่เช้ามืด)
และพอบ่ายแก่ๆก็ออกมานั่งร้านกาแฟโจม่า (Joma Bakery Cafe') นั่งเขียนบันทึก จิบชา และอ่านหนังสือเงียบๆ
เราชอบขึ้นไปนั่งชั้นบนเพราะคนไม่พลุกพล่านและเงียบดี
04:30 PM.
ตกเย็นแดดเริ่มไม่แรงมากแล้ว ไปเดินเล่นกันเถอะ! เราเดินเล่นแถวถนนศิลปะเพื่อเดินอ้อมขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนพระธาตุพูสี
เราเรียกถนนแถวนี้ว่าถนนศิลปะ เพราะจะมีของพวกงานฝีมือตลอดเส้นทาง และอาคารบ้านเรือนก็ยังคงแบบเก่าอยู่
ร้านค้าเปิดในตอนกลางวันเป็นบางร้าน และตอนกลางคืนจะเปิดทั้งหมด แสงไฟตอนกลางคืนที่ถนนนี้สวยมากๆ
ค่าเข้าพระธาตุพูสี 20,000 กีบ นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเอาวิวพระอาทิตย์ตก ซึ่งส่วนใหญ่มารอกันเป็นชั่วโมง
พอขึ้นไปถึงบนยอดและได้เห็นฝูงชนแล้ว โอ้โห...สู้กันให้ตายไปข้างเพื่อซีนพระอาทิตย์ลับริมแม่น้ำโขง
เราถ่ายรูปแป๊บๆ สู้ฝรั่งไม่ได้ ตัวใหญ่บังวิวแทบมิด ไอ่เรานี่ก็เตี้ยซะด้วยสิ
ช่วงที่คนพลุกพล่านเราก็เลยเดินเข้าไปไหว้พระบนยอดพูสี จุดนี้ห่างจากจุดชมวิวแค่ไม่กี่ก้าวแต่กลับเงียบสงบมาก
แทบไม่มีคนเข้าไปไหว้พระ ส่วนใหญ่มาเก็บวิวพระอาทิตย์ตกอย่างเดียวเลย
เรานั่งไหว้พระ ลมพัดโกรกผ่านหน้าต่างเข้ามา... โอ้โห ใจเรานี่ยิ้มเลย ชอบมากจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนนั้นยังไง
จากนั้นเรานั่งสมาธิเงียบๆบนนั้นจนฟ้าเริ่มมืด
06:30 PM.
ตกเย็นเดินกลับลงมาจากพระธาตุพูสี จะมีตลาดกลางคืนทุกวัน ตั้งแต่เย็นๆ จนถึงประมาณสี่ทุ่ม
คนลาวในหลวงพระบางนิยมออกกำลังกายกันตอนกลางคืน อาจเพราะตอนกลางวันอากาศร้อนเกินไป
ที่หลวงพระบางพระธาตุพูสีคือสถานที่ออกกำลังกายยอดฮิต วิ่งขึ้นบันไดเป็นร้อยขั้น แจ่มโพดดด
ส่วนวัยรุ่นก็ชอบออกมาเดตกันช่วงหัวค่ำ โดยพากันมานั่งเล่นดูวิวตรงทางขึ้นพระธาตุพูสี เป็นการออกเดตที่แนวมาก เราชอบ!
08:00 PM.
เราเดินเล่นและนั่งดูวิวหลวงพระบางตอนกลางคืนตรงทางขึ้นพระธาตุพูสี จนเริ่มหิวก็ออกไปหาอะไรกิน
ที่นี่บุฟเฟ่ต์มังสวิรัติเป็นที่นิยมมากสำหรับเหล่า Backpacker คือจะมีอาหารจำพวกเส้น ผัก และผลไม้ทอด
มีร้านบุฟเฟ่ต์หลายร้าน ตรงซอยตลาดเช้าบุฟเฟ่ต์ราคาจานละ 15,000 กีบ ทานเท่าไหร่ก็ได้ มีผลไม้ให้ด้วย
แต่จากทางเข้าถ้าเดินเข้าไปอีกหน่อยตรงซอยข้างวัดใหม่ บุฟเฟ่ต์จานละแค่ 10,000 กีบ มีให้เลือกน้อยกว่าแต่ประหยัดนะ
หรือถ้าอยากทานอย่างอื่นบ้าง เพราะถ้าอยู่แต่หลวงพระบางนานๆ กินแต่บุฟเฟ่ต์มังสวิรัติก็คงน่าเบื่อ
จากด้านหน้าทางเข้าตลาด ให้เดินไปทางขวามือ ตรงซุ้มแดงจะมีข้าวกล่องขาย เช่น ข้าวผัดไข่ดาว กล่องละ 10,000 กีบ
เสน่ห์ของหลวงพระบางคือ ความเรียบง่าย แม้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่จะเปลี่ยนไปบ้างเมื่อมีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่หากมองดีๆในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตัวตนของมันก็ยังคงมีอยู่ หากเวลานั้นใจสงบมากพอ...เราจะมองเห็นมันชัดเลย
สุดท้ายเรากลับหลวงพระบางด้วยความรู้สึกตกหลุมรักชีวิตตัวเอง
ชอบตัวเองตอนนี้ชะมัด
ขอบใจหลาย
[CR] แบกเป้ สวมผ้าใบ สะพายกล้อง หลวงพระบาง
http://ppantip.com/topic/33622817
16 x 9 Luang Prabang
Gallery http://poshrocha.vsco.co/journal/16-9-luang-prabang
Backpacking หลวงพระบางครั้งนี้เป็นการแบกเป้สวมผ้าใบสะพายกล้องเดินทางคนเดียวครั้งแรกของเรา
เราติดอยู่ในลาวเกือบ 10 วัน ในหลายๆเมือง รวมเวลาวุ่นวายทั้งลืมพาสปอร์ตและไม่มีเงินติดตัวสักบาท มันส์มาก...!
กระทู้นี้ขอบันทึกการเดินทางเฉพาะในหลวงพระบาง เพราะหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของเราอยู่ที่นี่
ก่อนไปลาวเราปรึกษาเพื่อนที่เคยไปมาก่อน เพื่อนบอกไม่ต้องอยู่นาน หลวงพระบางไม่มีอะไรเลย น่าเบื่อ
เราเลยไม่ได้แพลนจะอยู่หลวงพระบางนาน เมืองเล็กๆแบบนี้กะค้างแค่คืนเดียวก็พอ แล้วย้ายไปเมืองอื่น
แต่พอไปถึงแล้วเรากลับชอบหลวงพระบางมากกกกกก ชอบจนตัดสินใจอยู่ต่อ ถึงขั้นคิดว่าอยากมาอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆ
ที่จริงจริตการเที่ยวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบเที่ยวเชิงนิเวศ บางคนชอบเที่ยวแบบผจญภัย
ส่วนเราชอบเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คือไปเห็นสถาปัตยกรรม ศิลปะ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น
ฉะนั้นที่เพื่อนเราบอกว่าว่าหลวงพระบางน่าเบื่อ นั่นอาจเป็นเพราะช่วงเวลานั้นใจของเขาอยากได้สีสันในแบบที่หลวงพระบางไม่มี
ขณะที่หลวงพระบางกลับตอบสนองเราไปซะทุกอย่าง เพราะเวลานั้นเราอยากให้สิ่งที่เหลืออยู่ข้างในใจนั้นเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ก่อนมาหลวงพระบางเราไปอยู่เวียงจันทน์มาก่อน ค่าครองชีพที่ลาวไม่ใช่เรื่องตลก (ตอนหลังตังค์หมดขำไม่ออก ฮือ)
ก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆเนื้อหมู 4 ชิ้น (นับจริงจัง) ชามละ 68 บาท น้ำแตงโมปั่นแก้วละ 80 บาท
ไอศกรีมโคนธรรมดาก้อนเดียว 48 บาท คือของแพงยังไม่ปวดใจเท่า คุณภาพไม่เหมาะสมกับราคา
โดยเฉพาะไอติมนี่ร้านดูดีมาก วัยรุ่นเข้าเยอะ แต่โคนไอติมนี่เหนียวจนนึกว่าเคี้ยวหมากอยู่ เป็นหมากผสมกาวด้วยนะ แทบคายทิ้ง T_T
เพราะว่ามัน 50 บาทหรอกนะเลยยัดๆเข้าปากไป สรุปคือทริปช่วงแรกเอาตังค์ไปสะดุ้งในเวียงจันทน์จนเหลือติดตัวอยู่ไม่มาก
ในหลวงพระบางเราพักที่ Philaylack Villa โดยการจองผ่าน Agoda ดังนั้นเรื่องค่าที่พักคืนแรกจึงไม่ต้องกังวลเพราะจ่ายไปหมดแล้ว
แต่ปัญหาคือเราอยากอยู่หลวงพระบางต่อ เราออกไปกด ATM แต่มันดันออกมาแต่สลิป เงินไม่ออกตามมา!
ซึ่งแปลกมากเพราะปกติไปกดหรือรูดบัตรที่ประเทศอื่นไม่เห็นมีปัญหา เราลองเดินกดทุกแบ้งเลยก็ไม่ได้ T_T
เดินคอตกกลับมาที่ที่พัก...
เราหยิบตังค์ออกมานั่งคำนวณเพราะหลังจากนี้ต้องไปวังเวียงอีก... นั่งขมวดคิ้วพลิกแบงค์ตังค์ไปมา...
จนพี่เจ้าของที่พักเห็นแล้วคงเวทนา 5555555+ พี่เค้าลดค่าห้องให้ 60,000 กีบ เหลือ 100,000 กีบถ้วน
คือเวลานั้นเป็นช่วงสิ้นเดือนด้วย ปกติห้องพักจะไม่มีทางได้ราคา 100,000 กีบในช่วงสิ้นเดือน
และห้องที่จะพักเป็นห้องแบบสองเตียงด้วยนะ กว้างขวางมากๆ คนลาวใจดีจัง
หลวงพระบางวันแรก เราศึกษาเส้นทาง สถานที่เที่ยว เจาะแหล่งกิน เพื่อที่วันต่อไปจะได้ปรับตัวใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างสบายๆ
เช้าวันแรกลองตื่นมาตักบาตรตอน 6 โมง ปรากฏว่าไม่ทัน ต้องมาเร็วกว่านั้นเพราะตอน 6 โมงกว่า พระสงฆ์ก็เริ่มทยอยเดินกลับกันแล้ว
ดังนั้นวันต่อมาเราจึงตื่นตี 5 ออกมาจากที่พักในชุดออกกำลังกาย ตักบาตรข้าวเหนียวกับคุณยาย
05:30 AM.
การตักบาตรข้าวเหนียวบนถนนเส้นหลักของหลวงพระบางมีพระสงฆ์นับร้อยรูป (จาก 3 วัด)
ดังนั้นชาวต่างชาติที่มารอเก็บภาพจึงจะเยอะตาม โดยเฉพาะช่วงสี่แยกถนน Kitsalat และตรงฟุตบาทหน้าวัดใหม่
หากต้องการเข้าถึงอรรถรสการตักบาตรข้าวเหนียวจริงๆ ลองเดินเข้าไปในย่ายถนนเมืองเก่า
หรือเข้าไปตามซอยที่อยู่ของชาวบ้านตามถนน Kitsalat ก็ได้ จะมีคุณย่าคุณยายชาวบ้านมานั่งรอใส่บาตรแต่เช้า
(และหากวันไหนฝนตก ชาวบ้านที่มารอใส่บาตรจะเข้าไปรอตักบาตรในศาลาวัดใหม่แทน)
เราใส่บาตรพร้อมคุณยาย แกใจดีมากๆ สอนหมดว่าต้องทำยังไง คุยกันสัพเพเหระ
พอใส่บาตรข้าวเหนียวเสร็จแกจะมีข้าวเหนียวที่เสียแล้ว ยายแกจะแบ่งให้หมาแมวแถวนั้นกิน
06:45 AM.
ตักบาตรข้าวเหนียวเสร็จ เราไปวิ่งออกกำลังกายริมแม่น้ำโขง เริ่มวิ่งจากถนนเส้นหลักบริเวณที่ตักบาตร
อ้อมเข้าถนน Kitsalat วิ่งขึ้นไปทางวัดเชียงทอง (Wat Xieng Thong) และตีโค้งวิ่งรอบแม่น้ำตรงถนน Khem Khong
วิ่งจนเหงื่อชุ่ม เพราะยิ่งสายแดดจะยิ่งแรง แม้หลวงพระบางจะอยู่ทางเหนือ แต่ในช่วงหน้าร้อนก็ร้อนสุดๆเหมือนกัน
ดังนั้นช่วงเช้ามืดถึงตอนเช้า เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับทำกิจกรรมที่สุด
ช่วงที่วิ่งออกกำลังไปเจอสวนสาธารณะที่อยู่ติดกับสะพานไม้ไผ่ ซึ่งส่วนใหญ่พระสงฆ์จะใช้สะพานนี้ข้ามฝั่งไปมา
เราเดินกลับมาถ่ายรูปเล่น แต่ไม่ได้ข้ามฝั่งไปนะ เพราะมีเจ๊มารอเก็บตังค์ค่าข้าม 5,000 กีบ เลยเดินเล่นแถวนั้นแทน
08:30 AM.
ออกกำลังเสร็จ เดินเรื่อยให้เหงื่อแห้งแล้วไปหาอะไรกินในตลาดเช้าต่อ
02:00 PM.
ช่วงบ่ายในหน้าร้อนของหลวงพระบางแดดแรงจริงๆ เราจึงเอาเวลาช่วงนี้ไปอาบน้ำและงีบหลับ (เพราะตื่นตั้งแต่เช้ามืด)
และพอบ่ายแก่ๆก็ออกมานั่งร้านกาแฟโจม่า (Joma Bakery Cafe') นั่งเขียนบันทึก จิบชา และอ่านหนังสือเงียบๆ
เราชอบขึ้นไปนั่งชั้นบนเพราะคนไม่พลุกพล่านและเงียบดี
04:30 PM.
ตกเย็นแดดเริ่มไม่แรงมากแล้ว ไปเดินเล่นกันเถอะ! เราเดินเล่นแถวถนนศิลปะเพื่อเดินอ้อมขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนพระธาตุพูสี
เราเรียกถนนแถวนี้ว่าถนนศิลปะ เพราะจะมีของพวกงานฝีมือตลอดเส้นทาง และอาคารบ้านเรือนก็ยังคงแบบเก่าอยู่
ร้านค้าเปิดในตอนกลางวันเป็นบางร้าน และตอนกลางคืนจะเปิดทั้งหมด แสงไฟตอนกลางคืนที่ถนนนี้สวยมากๆ
ค่าเข้าพระธาตุพูสี 20,000 กีบ นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเอาวิวพระอาทิตย์ตก ซึ่งส่วนใหญ่มารอกันเป็นชั่วโมง
พอขึ้นไปถึงบนยอดและได้เห็นฝูงชนแล้ว โอ้โห...สู้กันให้ตายไปข้างเพื่อซีนพระอาทิตย์ลับริมแม่น้ำโขง
เราถ่ายรูปแป๊บๆ สู้ฝรั่งไม่ได้ ตัวใหญ่บังวิวแทบมิด ไอ่เรานี่ก็เตี้ยซะด้วยสิ
ช่วงที่คนพลุกพล่านเราก็เลยเดินเข้าไปไหว้พระบนยอดพูสี จุดนี้ห่างจากจุดชมวิวแค่ไม่กี่ก้าวแต่กลับเงียบสงบมาก
แทบไม่มีคนเข้าไปไหว้พระ ส่วนใหญ่มาเก็บวิวพระอาทิตย์ตกอย่างเดียวเลย
เรานั่งไหว้พระ ลมพัดโกรกผ่านหน้าต่างเข้ามา... โอ้โห ใจเรานี่ยิ้มเลย ชอบมากจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนนั้นยังไง
จากนั้นเรานั่งสมาธิเงียบๆบนนั้นจนฟ้าเริ่มมืด
06:30 PM.
ตกเย็นเดินกลับลงมาจากพระธาตุพูสี จะมีตลาดกลางคืนทุกวัน ตั้งแต่เย็นๆ จนถึงประมาณสี่ทุ่ม
คนลาวในหลวงพระบางนิยมออกกำลังกายกันตอนกลางคืน อาจเพราะตอนกลางวันอากาศร้อนเกินไป
ที่หลวงพระบางพระธาตุพูสีคือสถานที่ออกกำลังกายยอดฮิต วิ่งขึ้นบันไดเป็นร้อยขั้น แจ่มโพดดด
ส่วนวัยรุ่นก็ชอบออกมาเดตกันช่วงหัวค่ำ โดยพากันมานั่งเล่นดูวิวตรงทางขึ้นพระธาตุพูสี เป็นการออกเดตที่แนวมาก เราชอบ!
08:00 PM.
เราเดินเล่นและนั่งดูวิวหลวงพระบางตอนกลางคืนตรงทางขึ้นพระธาตุพูสี จนเริ่มหิวก็ออกไปหาอะไรกิน
ที่นี่บุฟเฟ่ต์มังสวิรัติเป็นที่นิยมมากสำหรับเหล่า Backpacker คือจะมีอาหารจำพวกเส้น ผัก และผลไม้ทอด
มีร้านบุฟเฟ่ต์หลายร้าน ตรงซอยตลาดเช้าบุฟเฟ่ต์ราคาจานละ 15,000 กีบ ทานเท่าไหร่ก็ได้ มีผลไม้ให้ด้วย
แต่จากทางเข้าถ้าเดินเข้าไปอีกหน่อยตรงซอยข้างวัดใหม่ บุฟเฟ่ต์จานละแค่ 10,000 กีบ มีให้เลือกน้อยกว่าแต่ประหยัดนะ
หรือถ้าอยากทานอย่างอื่นบ้าง เพราะถ้าอยู่แต่หลวงพระบางนานๆ กินแต่บุฟเฟ่ต์มังสวิรัติก็คงน่าเบื่อ
จากด้านหน้าทางเข้าตลาด ให้เดินไปทางขวามือ ตรงซุ้มแดงจะมีข้าวกล่องขาย เช่น ข้าวผัดไข่ดาว กล่องละ 10,000 กีบ
เสน่ห์ของหลวงพระบางคือ ความเรียบง่าย แม้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่จะเปลี่ยนไปบ้างเมื่อมีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่หากมองดีๆในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตัวตนของมันก็ยังคงมีอยู่ หากเวลานั้นใจสงบมากพอ...เราจะมองเห็นมันชัดเลย
ชอบตัวเองตอนนี้ชะมัด
ขอบใจหลาย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น