ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของสื่อที่สามารถแจ้งข่าวสาร แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเรื่องต่างๆ และสามารถแพร่กระจายข้ามโลกไปชั่วระยะเวลาแค่ลัดนิ้วมือ จากเดิมที่เราต้องรับข่าวสารจากสื่อกระแสหลักที่ต้องผ่านระยะเวลาการผลิต แม้ว่าสื่อ เช่น วิทยุ และโทรทัศน์จะสามารถแพร่ข่าวสารได้รวดเร็ว แต่ก็ต้องผ่านขั้นตอนทางเทคนิค การปรุงแต่งซึ่งกินเวลาไปชั่วระยะหนึ่ง
ข่าวสารจากโซเชียลมีเดียสามารถย่นระยะเวลาในการผลิตสื่อเพื่อส่งไปถึงผู้รับสารได้ในเวลาไม่กี่วินาที และกระจายออกไปอย่างรวดเร็วในการส่งต่อกันไปเหมือนไฟลามทุ่ง ทุกคนกลายเป็นผู้สื่อข่าวที่เมื่อพบเห็นเหตุการณ์อะไรก็สามารถรายงานเหตุการณ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียได้ทันท่วงที
การที่ทุกคนสามารถเข้าสู่โซเชียลมีเดียได้ง่าย ช่วยลดระยะห่างระหว่างบุคคลทำให้เราสามารถติดตามข่าวสารติดต่อและมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่มีชื่อเสียงได้ง่ายขึ้น มีการนำโซเชียลมีเดียไปใช้ประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การโฆษณาชวนเชื่อ กระทั่งใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงข้าม
หลายปีมานี้เฟซบุ๊กกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก ทำให้ทุกคนสามารถมีสื่อประจำตัวในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองออกมา หลายคนมีผู้ติดตามมากก็จะยกระดับตัวเองกลายเป็นผู้ชี้นำสังคมได้ไม่ยาก
แต่สิ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือ การใช้เฟซบุ๊กนั้นจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้ติดตามอ่านด้วยหรือไม่
เพราะถ้าคุณเป็นคนที่มีเพื่อนและผู้ติดตามมาก ไม่ว่าจะเป็นเฟซส่วนตัวหรือแฟนเพจ ผมคิดว่า สิ่งที่ต้องมีก็คือ ความรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อคนที่ติดตามเพราะศรัทธาและเชื่อถือเรา ต้องรับผิดชอบว่าข้อมูลที่นำเสนอนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เหมือนกับสื่อมวลชนกระแสหลักที่จะต้องมีหลักจรรยาบรรณควบคุมในการทำงาน ไม่นำเสนอความเท็จยิ่งมีคนศรัทธาเรามากเท่าไหร่ สำนึกและความรับผิดชอบก็ต้องมีมากขึ้นตามมา
ผมไม่ค่อยได้ติดตามเพจของกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่าเสธ.น้ำเงินมากนัก รู้แต่ว่า คนกลุ่มนี้มีจุดยืนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และรัฐบาลทหาร และโจมตีกลุ่มบุคคลอื่นที่คิดว่าเป็นปรปักษ์กับกลุ่มที่ตัวเองสนับสนุน โดยมีผู้ติดตามข่าวคราวผ่านเพจของตัวเองนับแสนๆ คน เพจหนึ่งใช้ชื่อว่า “แฉความลับ” อีกเพจใช้ชื่อว่า “ทหารปฏิรูปประเทศไทย”
แน่นอนว่า ผมมีจุดร่วมกับกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า เสธ.น้ำเงินในการมองว่าระบอบทักษิณ ทักษิณและพวกเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง เวลาผมจะวิพากษ์วิจารณ์ระบอบทักษิณสิ่งที่ทำก็คือการไม่ใช้ข้อมูลเท็จในการกล่าวหาระบอบทักษิณ ทักษิณและพวก สู้กันซึ่งๆ หน้าด้วยข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง ทั้งวิพากษ์วิจารณ์และชี้แนะสังคมให้เห็นถึงพิษภัยของระบอบทักษิณ ใช้สิทธิในระบอบประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณ
แต่เสธ.น้ำเงินไม่ชอบพันธมิตรฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนธิ ลิ้มทองกุล แน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องที่แปลกถ้าเสธ.น้ำเงินจะใช้ข้อมูลข่าวสารที่ตัวเองได้รับมาวิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรฯ และสนธิ เพราะถ้าจะว่าไปแล้วตั้งแต่ประกาศตัวออกมาต่อสู้กับทักษิณและพวก สนธินอกจากกลายเป็นบุคคลสาธารณะแต่ก็ยังเป็นคนธรรมดาที่มีผิดถูกชั่วดี และเมื่อปวารณาตัวออกมารับใช้สังคมแล้วเขาก็ย่อมจะถูกสปอตไลท์สาดใส่เหมือนคนที่อยู่กลางแจ้ง จะผิดถูกเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็มีสิทธิจะถูกวิพากษ์วิจารณ์
หลักปฏิบัติที่คนเป็นผู้ชี้นำสังคมจะต้องยึดปฏิบัติก็คือ ข้อมูลที่โปร่งใสและเป็นจริง แม้ว่า เราจะวิจารณ์ทักษิณและลิ่วล้อของทักษิณ เราก็ไม่ควรจะแต่งนิยายหรือกุเรื่องที่เป็นเท็จมากล่าวหาเขา ยิ่งเรามีคนเลื่อมใสศรัทธามาก การที่เราแต่งเรื่องเท็จเพื่อทำลายคนที่เป็นศัตรูก็แสดงว่า เราไม่ได้เคารพต่อคนที่ศรัทธาเราเลยไม่นั้นเราก็ไม่ควรเอาเรื่องเท็จไปหลอกลวงเขาเพียงคิดว่า ต้องการทำลายฝ่ายตรงข้ามและเขียนอะไรคนที่ศรัทธาก็เชื่ออยู่แล้ว
ผมพูดเช่นนี้ เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เสธ.น้ำเงินเอารูปที่คนติดตามคุณสนธินำรูปที่ไปส่งคุณสนธิที่สนามบินขึ้นเฟซบุ๊ก แล้วเสธ.น้ำเงินก็นำรูปนั้นไปใช้แล้วเขียนบรรยายเป็นตุเป็นตะให้คนเข้าใจว่าคุณสนธิบินไปพบกับทักษิณที่ฮ่องกง ทั้งๆ ที่คุณสนธิไปร่วมงานศพคุณกิตติพล เวชชบูล แกนนำพันธมิตรฯอเมริกา ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเรื่องที่คนในสหรัฐฯ รู้ดีว่าเป็นความจริงและต่อมาก็ปรากฏรูปคนสนธิไปร่วมงานศพจำนวนมาก แต่เสธ.น้ำเงินก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรต่อข้อเขียนที่เป็นเท็จของตัวเอง
น่าตลกและสมเพชก็คือ ว่า แค่เอารูปคุณสนธิที่สนามบินมาแต่งเติมนิยายเข้าไป คนที่ติดตามเสธ.น้ำเงินก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ถ้าจะใช้สติสักนิดเดียวก็น่าจะตั้งคำถามว่า แล้วรู้ได้ไงว่าเขาไปไหน เอาข้อมูลมาจากไหนว่าเขาบินไปพบทักษิณ
เสธ.น้ำเงินเขียนข้อมูลเท็จว่าคุณสนธิไปพบกับทักษิณที่โน่นที่นี่มาหลายครั้งโดยไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากตัวหนังสือที่แต่งขึ้นมา รวมถึงคราวที่คุณสนธิบินไปญี่ปุ่นในวันเดียวกับยิ่งลักษณ์ก็เอาไปเขียนใส่สีตีไข่ว่าไปพบกับทักษิณที่ญี่ปุ่น ทั้งที่บินไปกันคนละไฟลต์คนละเมือง คนที่อยู่บนเครื่องบินเดียวกับคุณสนธิก็เป็นประจักษ์พยานได้ และคุณสนธิก็ขออนุญาตศาลบินไปญี่ปุ่นเดือนสองเดือนหนอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าการได้แช่น้ำร้อนทำให้สุขภาพดีขึ้น และเมื่อไปถึงคุณสนธิก็แช่น้ำร้อนอยู่ในโรงแรมทั้งวันทั้งคืนไม่ได้ออกไปไหน
และเมื่อไม่นานมานี้เสธ.น้ำเงินได้แต่งประวัติคุณสนธิขึ้นมาใหม่ โดยกล่าวหาว่า ไม่ได้เป็นคนเชื้อชาติไทยแต่เป็นคนจีน ซึ่งเป็นเรื่องเท็จ แต่ที่น่าขันก็คือว่า เสธ.น้ำเงินไม่ได้แต่งขึ้นมาเองแต่ลอกมาจากเพจของคนเสื้อแดงที่ตัวเองมองว่าเป็นศัตรู เพราะคนเสื้อแดงแต่งนิยายเรื่องเท็จทำนองนี้มาตั้งแต่ปี 2009 และเนื้อหาไม่แตกต่างกับเสธ.น้ำเงินเลย สามารถเข้าไปดูได้ที่
http://woodsideny.blogspot.com/2009_02_01_archive.html
รวมทั้งกล่าวหาว่า กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องพลังงานเพราะรับเงินทักษิณมาป่วน ทั้งๆ ที่พวกเขาสู้กับทุนพลังงานเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน
กลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า เสธ.น้ำเงินเป็นใครไม่รู้ เพราะพวกเขาหลบอยู่ในมุมมืดไม่กล้าสู้หน้าสังคม การต่อสู้กับความไม่ถูกต้องและเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรตอบแทนศรัทธาของคนที่ติดตามโดยให้ข้อมูลเท็จเพื่อทำร้ายคนอื่น
คนที่เขียนเรื่องเท็จเพียงเพื่อหวังทำลายคนอื่นคงไม่ใช่คนดีแน่ เพราะกล้าหลอกลวงคนที่ศรัทธาตัวเอง แล้วจะมาเป็นผู้นำสังคมเรียกร้องสิ่งที่ดีงามได้อย่างไร จะไปด่าคนอื่นว่าชั่วได้อย่างไร ถ้ายังกล้ากล่าวความเท็จ
โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000052029
ผ่างงงงงงงงง........เสธ.น้ำเงินหยุดแต่งเรื่องโกหก (โจ ขิง)
ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของสื่อที่สามารถแจ้งข่าวสาร แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเรื่องต่างๆ และสามารถแพร่กระจายข้ามโลกไปชั่วระยะเวลาแค่ลัดนิ้วมือ จากเดิมที่เราต้องรับข่าวสารจากสื่อกระแสหลักที่ต้องผ่านระยะเวลาการผลิต แม้ว่าสื่อ เช่น วิทยุ และโทรทัศน์จะสามารถแพร่ข่าวสารได้รวดเร็ว แต่ก็ต้องผ่านขั้นตอนทางเทคนิค การปรุงแต่งซึ่งกินเวลาไปชั่วระยะหนึ่ง
ข่าวสารจากโซเชียลมีเดียสามารถย่นระยะเวลาในการผลิตสื่อเพื่อส่งไปถึงผู้รับสารได้ในเวลาไม่กี่วินาที และกระจายออกไปอย่างรวดเร็วในการส่งต่อกันไปเหมือนไฟลามทุ่ง ทุกคนกลายเป็นผู้สื่อข่าวที่เมื่อพบเห็นเหตุการณ์อะไรก็สามารถรายงานเหตุการณ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียได้ทันท่วงที
การที่ทุกคนสามารถเข้าสู่โซเชียลมีเดียได้ง่าย ช่วยลดระยะห่างระหว่างบุคคลทำให้เราสามารถติดตามข่าวสารติดต่อและมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่มีชื่อเสียงได้ง่ายขึ้น มีการนำโซเชียลมีเดียไปใช้ประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การโฆษณาชวนเชื่อ กระทั่งใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงข้าม
หลายปีมานี้เฟซบุ๊กกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก ทำให้ทุกคนสามารถมีสื่อประจำตัวในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองออกมา หลายคนมีผู้ติดตามมากก็จะยกระดับตัวเองกลายเป็นผู้ชี้นำสังคมได้ไม่ยาก
แต่สิ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือ การใช้เฟซบุ๊กนั้นจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้ติดตามอ่านด้วยหรือไม่
เพราะถ้าคุณเป็นคนที่มีเพื่อนและผู้ติดตามมาก ไม่ว่าจะเป็นเฟซส่วนตัวหรือแฟนเพจ ผมคิดว่า สิ่งที่ต้องมีก็คือ ความรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อคนที่ติดตามเพราะศรัทธาและเชื่อถือเรา ต้องรับผิดชอบว่าข้อมูลที่นำเสนอนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เหมือนกับสื่อมวลชนกระแสหลักที่จะต้องมีหลักจรรยาบรรณควบคุมในการทำงาน ไม่นำเสนอความเท็จยิ่งมีคนศรัทธาเรามากเท่าไหร่ สำนึกและความรับผิดชอบก็ต้องมีมากขึ้นตามมา
ผมไม่ค่อยได้ติดตามเพจของกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่าเสธ.น้ำเงินมากนัก รู้แต่ว่า คนกลุ่มนี้มีจุดยืนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และรัฐบาลทหาร และโจมตีกลุ่มบุคคลอื่นที่คิดว่าเป็นปรปักษ์กับกลุ่มที่ตัวเองสนับสนุน โดยมีผู้ติดตามข่าวคราวผ่านเพจของตัวเองนับแสนๆ คน เพจหนึ่งใช้ชื่อว่า “แฉความลับ” อีกเพจใช้ชื่อว่า “ทหารปฏิรูปประเทศไทย”
แน่นอนว่า ผมมีจุดร่วมกับกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า เสธ.น้ำเงินในการมองว่าระบอบทักษิณ ทักษิณและพวกเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง เวลาผมจะวิพากษ์วิจารณ์ระบอบทักษิณสิ่งที่ทำก็คือการไม่ใช้ข้อมูลเท็จในการกล่าวหาระบอบทักษิณ ทักษิณและพวก สู้กันซึ่งๆ หน้าด้วยข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง ทั้งวิพากษ์วิจารณ์และชี้แนะสังคมให้เห็นถึงพิษภัยของระบอบทักษิณ ใช้สิทธิในระบอบประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณ
แต่เสธ.น้ำเงินไม่ชอบพันธมิตรฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนธิ ลิ้มทองกุล แน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องที่แปลกถ้าเสธ.น้ำเงินจะใช้ข้อมูลข่าวสารที่ตัวเองได้รับมาวิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรฯ และสนธิ เพราะถ้าจะว่าไปแล้วตั้งแต่ประกาศตัวออกมาต่อสู้กับทักษิณและพวก สนธินอกจากกลายเป็นบุคคลสาธารณะแต่ก็ยังเป็นคนธรรมดาที่มีผิดถูกชั่วดี และเมื่อปวารณาตัวออกมารับใช้สังคมแล้วเขาก็ย่อมจะถูกสปอตไลท์สาดใส่เหมือนคนที่อยู่กลางแจ้ง จะผิดถูกเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็มีสิทธิจะถูกวิพากษ์วิจารณ์
หลักปฏิบัติที่คนเป็นผู้ชี้นำสังคมจะต้องยึดปฏิบัติก็คือ ข้อมูลที่โปร่งใสและเป็นจริง แม้ว่า เราจะวิจารณ์ทักษิณและลิ่วล้อของทักษิณ เราก็ไม่ควรจะแต่งนิยายหรือกุเรื่องที่เป็นเท็จมากล่าวหาเขา ยิ่งเรามีคนเลื่อมใสศรัทธามาก การที่เราแต่งเรื่องเท็จเพื่อทำลายคนที่เป็นศัตรูก็แสดงว่า เราไม่ได้เคารพต่อคนที่ศรัทธาเราเลยไม่นั้นเราก็ไม่ควรเอาเรื่องเท็จไปหลอกลวงเขาเพียงคิดว่า ต้องการทำลายฝ่ายตรงข้ามและเขียนอะไรคนที่ศรัทธาก็เชื่ออยู่แล้ว
ผมพูดเช่นนี้ เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เสธ.น้ำเงินเอารูปที่คนติดตามคุณสนธินำรูปที่ไปส่งคุณสนธิที่สนามบินขึ้นเฟซบุ๊ก แล้วเสธ.น้ำเงินก็นำรูปนั้นไปใช้แล้วเขียนบรรยายเป็นตุเป็นตะให้คนเข้าใจว่าคุณสนธิบินไปพบกับทักษิณที่ฮ่องกง ทั้งๆ ที่คุณสนธิไปร่วมงานศพคุณกิตติพล เวชชบูล แกนนำพันธมิตรฯอเมริกา ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเรื่องที่คนในสหรัฐฯ รู้ดีว่าเป็นความจริงและต่อมาก็ปรากฏรูปคนสนธิไปร่วมงานศพจำนวนมาก แต่เสธ.น้ำเงินก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรต่อข้อเขียนที่เป็นเท็จของตัวเอง
น่าตลกและสมเพชก็คือ ว่า แค่เอารูปคุณสนธิที่สนามบินมาแต่งเติมนิยายเข้าไป คนที่ติดตามเสธ.น้ำเงินก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ถ้าจะใช้สติสักนิดเดียวก็น่าจะตั้งคำถามว่า แล้วรู้ได้ไงว่าเขาไปไหน เอาข้อมูลมาจากไหนว่าเขาบินไปพบทักษิณ
เสธ.น้ำเงินเขียนข้อมูลเท็จว่าคุณสนธิไปพบกับทักษิณที่โน่นที่นี่มาหลายครั้งโดยไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากตัวหนังสือที่แต่งขึ้นมา รวมถึงคราวที่คุณสนธิบินไปญี่ปุ่นในวันเดียวกับยิ่งลักษณ์ก็เอาไปเขียนใส่สีตีไข่ว่าไปพบกับทักษิณที่ญี่ปุ่น ทั้งที่บินไปกันคนละไฟลต์คนละเมือง คนที่อยู่บนเครื่องบินเดียวกับคุณสนธิก็เป็นประจักษ์พยานได้ และคุณสนธิก็ขออนุญาตศาลบินไปญี่ปุ่นเดือนสองเดือนหนอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าการได้แช่น้ำร้อนทำให้สุขภาพดีขึ้น และเมื่อไปถึงคุณสนธิก็แช่น้ำร้อนอยู่ในโรงแรมทั้งวันทั้งคืนไม่ได้ออกไปไหน
และเมื่อไม่นานมานี้เสธ.น้ำเงินได้แต่งประวัติคุณสนธิขึ้นมาใหม่ โดยกล่าวหาว่า ไม่ได้เป็นคนเชื้อชาติไทยแต่เป็นคนจีน ซึ่งเป็นเรื่องเท็จ แต่ที่น่าขันก็คือว่า เสธ.น้ำเงินไม่ได้แต่งขึ้นมาเองแต่ลอกมาจากเพจของคนเสื้อแดงที่ตัวเองมองว่าเป็นศัตรู เพราะคนเสื้อแดงแต่งนิยายเรื่องเท็จทำนองนี้มาตั้งแต่ปี 2009 และเนื้อหาไม่แตกต่างกับเสธ.น้ำเงินเลย สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://woodsideny.blogspot.com/2009_02_01_archive.html
รวมทั้งกล่าวหาว่า กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องพลังงานเพราะรับเงินทักษิณมาป่วน ทั้งๆ ที่พวกเขาสู้กับทุนพลังงานเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน
กลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า เสธ.น้ำเงินเป็นใครไม่รู้ เพราะพวกเขาหลบอยู่ในมุมมืดไม่กล้าสู้หน้าสังคม การต่อสู้กับความไม่ถูกต้องและเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรตอบแทนศรัทธาของคนที่ติดตามโดยให้ข้อมูลเท็จเพื่อทำร้ายคนอื่น
คนที่เขียนเรื่องเท็จเพียงเพื่อหวังทำลายคนอื่นคงไม่ใช่คนดีแน่ เพราะกล้าหลอกลวงคนที่ศรัทธาตัวเอง แล้วจะมาเป็นผู้นำสังคมเรียกร้องสิ่งที่ดีงามได้อย่างไร จะไปด่าคนอื่นว่าชั่วได้อย่างไร ถ้ายังกล้ากล่าวความเท็จ
โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000052029