กลแสงดาว บทที่ ๑๗ ครึ่งหลัง

กระทู้สนทนา



   สวัสดีครับ ทุกท่านนำ เทวทูต และ ความลุ้นระทึกของหนูดาวและ หมอโฮมส์ มาฝากแล้วนะครับ


     ติดตามบทที่ผ่านมาจากด้านล่างนี้ครับ

  บทที่ ๑๖ และ ๑๗ (ครึ่งแรก)     http://ppantip.com/topic/33578582
  บทที่ ๑๕ และ ๑๖ (ครึ่งแรก)   http://ppantip.com/topic/33545588
  บทที่ ๑๔-๑๕  (ครึ่งแรก) http://ppantip.com/topic/33428966
  บทที่ ๑๒-๑๓ (ครึ่งแรก)    http://ppantip.com/topic/33358339
  บทที่ ๑๒      http://ppantip.com/topic/33329162
  บทที่ ๑๑       http://ppantip.com/topic/33296421
  บทที่  ๑๐      http://ppantip.com/topic/33245586
   บทที่  ๙       http://ppantip.com/topic/33198646

    ทั้งหมดจากเด็กดีครับ

       http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1165517





  ต่อจากครั้งที่ผ่านมา บทที่ ๑๗



ดอว์นในร่างธามไทจอดรถห่างจากประตูด้านหน้าคฤหาสน์จีนของประมุขหลายสิบเมตร คฤหาสน์หลังดังกล่าวเป็นอาคารสูงสามชั้น ผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีน ด้านหลังเป็นเนินเขาเตี้ยๆ มีสวนกว้างโอบล้อมตัวอาคาร  ดูร่มรื่นและสงบ


    สายตาคมมองตรวจสอบพื้นที่โดยทั่วผ่านแสงไฟตามเสาสูง สิ่งที่เห็นแตกต่างจากภาพที่นึกไว้ แต่แรกคาดว่าที่นี่คงเป็นแหล่งซ่องสุ่มกลุ่มคนมีอิทธิพล หรือแก๊งมาเฟีย


    เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จัดการติดต่อแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นเพื่อนธามไท พร้อมขอกำลังจากหน่วยกู้ภัยในท้องที่รวมถึงรถพยาบาล แม้อีกฝ่ายจะแปลกใจอยู่มากด้วยตงอิกเป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองแห่งนี้ การบุกรุกคฤหาสน์หลังใหญ่ คงไม่ใช่เรื่องกระทำได้โดยง่าย  แต่ดอว์นยืนยันว่าต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อนนายตำรวจของธามไทจึงรับปากว่าจะส่งกำลังมาที่นี่โดยเร็วที่สุด


    ร่างสูงกำยำก้าวไปยังรั้วด้านข้าง เขากอดอกหลวมๆ น้อมศีรษะลงเล็กน้อย เริ่มอธิษฐานขอพรเพื่อให้ภารกิจครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี จากนั้นจึงปีนรั้วด้านข้างเข้าไปด้านใน พอหย่อนตัวลงบนพื้นสนามหญ้าได้ทุกอย่างก็ปลอดโปร่ง ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควรตรวจตาอย่างที่ควรจะเป็น
    คืนนี้ท้องฟ้ามีแพเมฆหนา ร้างแสงจันทร์ อากาศอึมครึมแปลกๆ ไร้สายลมพัดผ่าน อีกทั้งต้นไม้ใหญ่น้อยในพื้นกลายเป็นกำบังช่วยพรางร่างสูงกำยำเข้าไปสู่ตัวอาคารได้ง่ายขึ้น


    ดอว์นสืบเท้าเข้าไปจนถึงโถงด้านหน้า เขารู้สึกผิดสังเกต แสงไฟส่องสว่างทั่วพื้นที่ด้านในแต่มองไม่เห็นใครสักคนบริเวณนั้น   


    “บ้านคนจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย” เขาว่าพลางกวาดมองโดยรอบ กระทั่งเห็นเงาคนก้มๆ เงยๆ ในเรือนหลังเล็กที่ซ่อนตัวหลังแนวต้นไม้ประดับ จึงสืบเท้าเข้าไปดู


    คนเหล่านั้นแต่งตัวด้วยชุดคล้ายกัน มองแล้วเข้าใจได้ว่าเป็นคนรับใช้ในบ้าน และยังมีรปภ.อีกสองนายที่เกาะกลุ่มอยู่ด้วย



     ดอว์นสังเกตเห็นพวกเขาล้วนตกอยู่ในอาการขวัญผวา บ้างก็กอดกันตัวกลม บ้างเปิดหนังสือสวดมนตร์ หนักสุดเห็นจะเป็นชายร่างเล็กวัยกลางคนที่บัดนี้แต่งชุดขาว ในมือถือขันน้ำมนต์ไว้มั่น     


    “ไปสู่ที่ชอบๆ เถอะ อย่ามาจองเวรซึ่งกันและกันเลย” พอเขาเอ่ยจบเสียงขานรับเป็นทอดๆ ก็ดังมาถึงจุดที่ร่างสูงกำยำยืนอยู่  


    “รดน้ำมนต์ให้ทั่วเลยนะพี่ ในเรือนใหญ่ด้วย ตะกี้ฉันวิ่งหกล้มปวดหลังปวดเอวไปหมด ผีอะไรก็ไม่รู้ เฮี้ยนเหลือ


เกิน คุณอิกนะคุณอิก ทำไมถึงได้ทำเรื่องอย่างนี้ ถ้ามาแหกหู แหกตา หลอกหลอนกันมากกว่านี้ฉันขอเก็บเสื้อผ้าเผ่นกลับบ้านนอกดีกว่า” ร่างเจ้าเนื้อของแม่บ้านเอ่ยพลางชะเง้อมองเข้าไปในตัวเรือนใหญ่  


    “ที่เป็นอย่างนี้ เพราะแกปากมากเอาเรื่องพินัยกรรมไปบอกคุณอิกยังไงล่ะ” ผู้ดูแลบ้านเอ่ยเสียงเครียด สิ่งที่ควรเงียบเก็บไว้ ถูกแม่บ้านซึ่งอยู่ใกล้ชิดวิมลมานาน นำไปขยายความให้ตงอิกทราบจนเป็นเหตุวุ่นวาย  



    “ฉันก็เผลอพูดไปตามประสานั่นแหละ ได้ยินคุณท่านพูดถึงบ่อยๆ ว่าเก็บของสำคัญเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ พอฉันถามว่าอะไรคุณท่านก็เงียบ บางทีก็โกรธฉันไม่ยอมพูดด้วย เดาว่าต้องเป็นพินัยกรรนแน่ๆ เพราะก่อนที่ท่านจะจำอะไรไม่ได้ เคยเรียกทนายมาปรึกษาเรื่องนี้” แม่บ้านย้อนความทรงจำตน



    “ถึงยังไงฉันก็ต้องโทษแกนั่นแหละ พินัยกรรมอะไรนั่น บางทีอาจไม่มีด้วยซ้ำ อีกอย่างสมบัติทั้งหมดนี้ ถ้าคุณท่านไม่ยกให้หลาน จะยกให้ใครวะ” พ่อบ้านกล่าวถึงหลักความจริง วิมลรักตงอิกมาก เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก


    “อ้าวพี่ อย่ามาโทษฉันอย่างนี้ซี ฉันก็แค่พูดไปตามที่รู้เท่านั้นเอง” แม่บ้านหน้าเสีย ใจคอไม่ดี เอาเข้าจริงๆ ตัวเธอใช่ว่าจะเคยเห็นสิ่งที่วิมลเก็บไว้ เพียงแต่ได้ยินหญิงสูงวัยเอ่ยถึงพินัยกรรมให้ได้ยินเวลาที่เครียดจัด หรือยามถูกขัดใจจากตงอิก


    “เอ่อ เลิกพูดเรื่องนี้เสียที แค่มีที่ให้ซุกหัวนอน มีเงินเดือนให้ใช้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เจ้านายจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่เขาเถอะ”พ่อบ้านซึ่งถือขันน้ำเอาไว้กล่าวจบ ก็ไล่พรมน้ำมนต์ลงศีรษะคนในบ้านซึ่งนั่งหน้าสลอนอยู่ตรงนั้น


    “โอ๊ย พอเถอะลุง โน้นไปไล่ผีในห้องข้างในดีกว่าไหม ผมได้ยินเสียงร้องแปลกๆ บอกตามตรง ตอนนี้หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่กล้าขึ้นเรือนใหญ่แล้ว” รปภ. วัยหนุ่มเอ่ย ด้วยน้ำมนต์พรมศีรษะครับเปียกชุ่มไปหมด


    ดอว์นขมวดคิ้วมุ่น มองไปยังจุดเดิมที่ก้าวจากมา เห็นแสงไฟด้านในส่องสว่างและมีกระไอเย็นประหลาดๆ ทาบทับ เขาก้าวไปข้างในด้วยความร้อนใจ แต่ต้องผงะไปชั่วขณะเมื่อปะทะกับความเย็นยะเยือกหนึ่งเข้า


    “จะรีบไปไหนคุณหมอ เอ๊ย ไม่ใช่สิ ท่านเทวทูต!”


    ริมฝีปากสวยได้รูปขยับเล็กน้อย ก่อนจะได้ยินเสียงกัดฟันดังกรอด “ฝีมือแกใช่ไหม จ๊อด!”     


    “โอ้โห มีตาทิพย์ด้วยหรือเทวทูตดอว์น รู้อย่างนี้ก่อนตายผมหมั่นทำกรรมดี อย่างท่านดีกว่า เผื่อจะมีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า เป็นเทวทูตอย่างท่าน ฮ่าๆ” จ๊อดยั่วล้อดอว์น


    “อย่ามาทำให้เสียอารมณ์ ฉันไม่ได้มีเวลาเล่นกับแกหรอกนะ”


    ร่างวูบวาบสีเทาทึบค่อยๆ ปรากฏเบื้องหน้าดอว์น พร้อมเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ


    “แหมๆ ท่านเทวทูต ผมช่วยเปิดทางขนาดนี้ น่าจะขอบใจกันมากกว่าทำเสียงดุตะคอกผมนะ” จ๊อดทวงบุญคุณ ตัวเขาเองไม่นึกว่าจะมีพลังมากพอหลอกหลอนคนในคฤหาสน์ได้ คงเป็นเพราะความกลัวที่เกาะกินใจคนพวกนี้ หลายคนเคยโขลกสับใช้งานเขาเยี่ยงทาส ตั้งแต่มาเป็นเด็กในครัวกระทั่งเปลี่ยนไปเป็นเด็กส่งสินค้าให้ตงอิก แถมวันนี้เป็นคืนเดือนมืด พลังในแห่งความชั่วร้ายจึงมีมากพอที่จะปรากฏตัวให้คนอื่นเห็น


    “ไม่ยินดีเลยสักนิด การที่แกไปหลอกคนอื่น ยิ่งทำให้บาปหนัก ไม่นานคงได้เข้าไปอยู่ในคุกมืดแน่”


    “ก็ดี ผมอยากรู้ว่า มันจะน่ากลัวมากกว่าอยู่บนโลกนี้ โดยที่ไม่มีร่างกายไหม วันไหนโชคร้ายก็ถูกพวกมีอาคมคอยตามตัวใช้งาน ดีนะที่ผมฉลาด หนีเอาตัวรอดทัน ฮ่าๆ” จ๊อดว่าอย่างไม่เกรงกลัวคุกมืดซึ่งเป็นที่กักขังดวงจิตชั่วร้าย


    ดอว์นนิ่วหน้าใช้ความคิด หากว่ากันไปตามตรงเขายังรู้สึกอิจฉาจ๊อดด้วยซ้ำ ไม่มีภาระบนหลังไหล่ให้รับผิดชอบ อยากทำอะไรก็สุดแท้แต่ใจ พลาดท่าโชคร้ายก็ถูกซาตานจับตัว หรือไม่คงกลายเป็นดวงจิตเร่ร่อน จนกว่าจะถึงเวลาสำหรับการพิพากษา  


    “ผมรู้นะว่าเทวทูตดอว์นคิดอะไรอยู่” จ๊อดเอ่ยอย่างรู้ทัน


    “ไม่ใช่เรื่องของแก เอาตัวให้รอดจากซาตานให้ได้เสียก่อนเถอะ” เอ่ยจบดอว์นจึงก้าวตามเงาเทาทึบของจ๊อดไปยังห้องด้านหลัง มีบอดีการ์ดคนหนึ่งนอนหลับยามอยู่ ส่วนพ่อบ้านที่เพิ่งก้าวตามดอว์นมาก็กำลังสาละวนกับการรับโทรศัพท์ เลยไม่ทันสังเกตเห็นร่างสูงกำยำ



    “บางทีผีก็ช่วยบังตาได้นะ เห็นไหมว่าผมสำคัญแค่ไหน ถ้าเทวทูตดอว์นจะช่วยเขียนรายงานให้ผมสักนิด บางทีผีอย่างผมจะได้มีโอกาสกลับใจบ้าง” จ๊อดยกความดีของตนอวดดอว์น


    “ขอบใจ แต่คงไม่ใช่หน้าที่ฉันจะเขียนรายงานให้แกหรอกนะ” ดอว์นเอ่ยเสียงขรึมเข้ม


    แสงจากหลอดไฟกะพริบวูบวาบ นำทางดอว์นให้ไปถึงห้องที่ประดับด้วยสารพัดเขาสัตว์ สิ่งของและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากสัตว์ ทั้งขนเสือ หนังจระเข้ และอีกหลายอย่างที่ดอว์นเห็นแล้วนึกสังเวชใจ


    เด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกลากให้มานอนข้างๆ ประตูห้อง การหายใจของเขาเนิบช้า ในจังหวะที่ดอว์นก้าวเข้าไปใกล้ๆ ดวงตาที่บวมบูดพยายามลืมตื่น
    “ผมตายแล้วใช่ไหม…” คำถามเขาทำให้ดอว์นนิ่วหน้า


    “ขอบคุณพระเจ้าที่ได้ยินคำสวดผม”เสียงแหบแห้ง เหมือนรำพึงรำพัน กระนั้นถ้อยคำดังกล่าวก็สะท้อนในอกดอว์น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่