เมื่อฉันแอบเกรียนเบาๆ กับเจ้าสัว CP

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวพันทิพ

ขอแนะนำตัวก่อนว่า  เราเป็นพนักงาน ซีพี. คนหนึ่งที่เชื่อว่า ซีพี. ที่มาถึงวันนี้ได้ ก็ต้องเคยทำผิด และเจ้าสัวเองก็ต้องเคยทำผิดมาบ้างแหละ และเรื่องหนึ่ง (ในหลายๆเรื่อง) ที่เราคิดว่า ยังมีข้อน่าสงสัยอยู่ก็คือ แนวคิดสองสูงของเจ้าสัว

การที่เราอยู่ ซีพี. ทำให้มีโอกาสโยนคำถามให้เจ้าสัวตอบได้โดยตรง (ณ จุดนี้ หาเรื่องเกรียนเบาๆ)
กระทู้นี้เราจะขอเล่าประสบการณ์การเกรียนกับเจ้าสัวให้ฟังนะคะ หลิ่วตา

เวลาพูดถึง “สองสูง” เจ้าสัวจะชอบย้ำว่า หมายถึง ราคาสินค้าเกษตรสูงและเงินเดือนขั้นต่ำกับค่าแรงขั้นต่ำสูง

ตัวแรก สินค้าเกษตร เจ้าสัวถือว่าเป็น สมบัติของชาติ  เจ้าสัวเปรียบเทียบว่า  ก็เหมือนกับน้ำมันของกลุ่มโอเปกนั่นแหละ
ถ้าน้ำมันราคาสูง กลุ่มโอเปกก็มีสมบัติมาก  ถ้าสินค้าเกษตรของเราราคาสูงก็เท่ากับเรามีสมบัติมากเหมือนกัน

ตัวที่สองคือ เงินเดือนขั้นต่ำและค่าแรงขั้นต่ำสูง
เจ้าสัวมองว่า ที่ผ่านมาเงินเดือนขั้นต่ำกับค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานยังขึ้นมาไม่ทันกับปัจจัยการผลิตที่สำคัญอย่างน้ำมัน ดังนั้นจึงต้องปรับฐานเงินเดือนขั้นต่ำและค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นมา

ทำไมต้องยก 2 ตัวนี้ให้สูง?

เพราะ เจ้าสัวมองว่า ทั้ง 2 ตัวนี้คือ รายได้ของคนจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ    
เจ้าสัวอธิบายว่า คนจนกับคนรวยพฤติกรรมต่างกัน

คนจน เมื่อเงินมาถึงมือ เขาจะจับจ่ายใช้สอย เช่น ไปซ่อมบ้านบ้าง ไปซื้อของกินของใช้บ้าง เงินจะหมุนไปถึงมือพ่อค้าแม่ค้า SMEs ทั้งหลายในทันที (เราว่า อันนี้ก็คงหมุนเข้ารายใหญ่ อย่างพวก ซีพี. สหพัฒน์ ฯลฯ ด้วยแหละนะ พูดตามตรง)  และหมุนในประเทศด้วย เพราะเขาไม่สามารถเอาเงินไปซื้อของนอกแพงๆ อย่างคนรวยได้

คนรวย เมื่อเงินมาถึงมือ เขาเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้ว ก็เอาเงินไปฝากธนาคาร เก็บไว้ซะ  เงินก็ไม่หมุน หรือหมุนน้อย บางทีเงินก็ไหลไปนอกประเทศอีกต่างหาก เพราะไปซื้อของนอก เที่ยวเมืองนอกซะงั้น
ดังนั้น ต้องเอาเงินไปอยู่ในมือของกลุ่มคนจน จึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ในแง่การหมุนเงินในประเทศ ก็พอเข้าใจได้ แต่เรา ก็แย้งกับเจ้าสัวว่า ถ้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปแล้ว ต้นทุนของผู้ประกอบการก็ขึ้น ข้าวของจะแพงขึ้นตาม ไม่เดือดร้อนกันไปใหญ่เหรอคะ?

นี่คือ คำตอบเจ้าสัว  คำพูดอาจจะไม่เป๊ะๆ แต่ เราสรุปได้ประมาณนี้ค่ะ
•    สมัยนี้ของล่อใจเยอะ ทีวี ตู้เย็น เสื้อผ้า คุณอยากได้ใช่ไหม แรงงานเขาก็อยากได้เหมือนกัน ฉะนั้นให้เขาแค่มีกินไม่พอ ต้องมีใช้ด้วย
•    เมื่อก่อนค่าแรงต่ำเป็นข้อได้เปรียบของไทยจริง แต่วันนี้ประเทศอื่นค่าแรงถูกกว่าเราเยอะ วิธีนี้ใช้แข่งขันไม่ได้แล้ว ถ้าจะเอาแต่ลดต้นทุนโดยไปกดค่าแรง คนที่ถูกเอาเปรียบคือ แรงงาน วันนี้เราต้องลดต้นทุนโดยการเพิ่มประสิทธิภาพ เอาเทคโนโลยี เอาการบริหารมาช่วย

ถึงตรงนี้ เราแอบคิดในใจ งั้นก่อนที่จะให้คนอื่นยอมจ่าย 300 ซีพี. กล้าจ่ายก่อนมั้ยล่ะ  ปรากฏว่า เราเงิบค่ะ เพราะมีวันนึง เราไปที่โรงงานชำแหละกับโรงงานแปรรูปอาหาร   ก็เลยลองถามๆ พี่ที่โรงงานดู เขาบอกว่า คนงานได้เกินวันละ 300 มานานแล้ว
โอเค ณ จุดนี้ เจ้าสัวรอดไป ไม่งั้น เรามีคำถามมาโต้เจ้าสัวต่อแน่ หึๆ เค้าล้อเล่น

เจ้าสัวมีถามกลับด้วยนะคะว่า หากไม่ขึ้นราคาสินค้าเกษตร ไม่ขึ้นค่าแรง แล้วมีใครรับประกันได้หรือเปล่าล่ะว่าข้าวของจะไม่ขึ้นราคา


ณ จุดนี้ อึ้งค่ะ ตอบไม่ได้ แฮะๆ เลยทำหน้ายิ้มเจื่อนๆ ไป แต่ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ เราถามต่อว่า ถ้าของแพงขึ้นก็เกิดเงินเฟ้อสิคะ
และนี่คือ คำตอบจากเจ้าสัวค่ะ (คำพูดไม่เป๊ะเช่นเคย แต่ประมาณนี้)

•    สมัยนี้ เงินฝืดน่ากลัวกว่าเงินเฟ้อ เพราะถึงสินค้าราคาแพงขึ้น แต่เมื่อเรามีรายได้มากขึ้น เราก็ยังมีทางเลือกว่า จะซื้อหรือไม่ซื้อ ไก่แพงก็ไปกินหมูได้ หมูแพงก็ไปกินอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเงินฝืด ไม่มีเงินซื้อ แล้วจะให้ไปเลือกซื้ออะไรได้
•    คนจนถ้าเขามีรายได้เพิ่มขึ้น เขามีโอกาสเอาเงินไปปลดหนี้ได้มากขึ้น  หนี้ก็น้อยลง คนจนได้ประโยชน์

พอถึงตรงนี้ เรามีคำถามเพิ่มเติมค่ะ (ในบทความเดิมไม่ได้เล่า แต่เพื่อนๆ ท้วงประเด็นนี้มา เลยมาเติมให้ค่ะ เพราะจริงๆ เราก็ถามเจ้าสัวเหมือนกัน)
เรารู้สึกว่า เจ้าสัวมองคนจนในแง่ดีเกินไป ลิมคิดไปหรือเปล่าว่า ที่เขาจนอาจจะเพราะนิสัยส่วนตัวของเขาที่ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักเก็บออม
เราเลยถามเจ้าสัวว่า ท่านแน่ใจได้เหรอคะว่า เขาจะไม่เอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแล้วจนเหมือนเดิม

นี่คือ คำตอบเจ้าสัวค่ะ (คำพูดไม่แป๊ะๆ เช่นเคยค่ะ)
•    คุณเป็นคนในเมือง คุณไม่เข้าใจหรอกว่าคนจนมีชีวิตที่ลำบากขนาดไหน
•    ทำไมยังจะกดให้เขาจน กดค่าแรงต่ำๆ กดราคาสินค้าเกษตรให้ต่ำๆ เพื่อที่ค่าครองชีพของพวกคุณจะได้ไม่สูงมาก ให้พวกคุณมีเงินเก็บ แล้วคนจนล่ะ มันเป็นภาระหน้าที่เขาเหรอ ที่ต้องมาอุ้มพวกคุณให้ไม่ต้องซื้อของแพงๆ
•    คุณเป็นคนเมือง ไม่เข้าใจคนจน คุณอย่าไปคิดแทนคนจน
•    คุณบอกว่าคุณเป็นห่วงคนจน คุณเคยรู้ไหมว่า เกษตรกรเขามีรายได้วันละเท่าไหร่ มีใครเคยสนใจไหม

คือ ณ จุดนี้ที่เราโดนเจ้าสัวตอกกลับมา เราก็หน้าชานะคะ บอกตรงๆ เม่าเหม่อ

ที่เล่ามาเป็นใจความหลักๆ ที่เราไปเกรียนกับเจ้าสัวมา จริงๆ มีเรื่องปลีกย่อยคุยได้อีกนะคะ แต่แค่นี้กระทู้ก็ยาวมากละ

ถึงตรงนี้ เราไม่สามารถฟังธงได้นะคะว่า แนวคิดนี้ถูกหรือผิด เพราะ เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เพียงแค่อยากจะแชร์เรื่องที่ได้ฟังมาจากเจ้าสัวให้เพื่อนๆ ที่สนใจ
ถ้ามีข้อโต้แย้งก็ยินดีรับฟังค่ะ เผื่อจะได้เอาไปโต้กลับเจ้าสัวให้ชนะมั่ง ทุกวันนี้ยังเถียงแพ้อยู่เลยค่ะ (เศร้าแป๊บ T_T)

FB: เมื่อฉันแอบเกรียนเบาๆ กับเจ้าสัว CP
      www.facebook.com/Dhaninsidestory

ปล. 1 ชาว ซีพี. หูตากว้างไกลมากค่ะ ฉะนั้นต้องขอความเมตตาเพื่อนๆ ติชมเป็นภาษาดอกไม้นิดนึงนะคะ กลัวว่า ถ้ามีความเห็นแรงๆ  เราอาจตกงานได้ค่ะ เรายังไม่พร้อมวิจัยฝุ่นตอนนี้อ่ะ  ร้องไห้

ปล. 2 ถึงชาว ซีพี. ที่เห็นกระทู้นี้  ท่านประธานเคยพูดว่า คนเราทำผิดพลาดได้ ยิ่งทำมากก็ผิดมาก คนที่ไม่เคยทำผิดคือ คนที่ไม่ทำอะไรเลย ท่านเองก็ไม่ใช่จะทำถูกทุกอย่าง ดังนั้น เราจึงตั้งกระทู้นี้มาแลกเปลี่ยนความเห็นกับสังคมเท่านั้น ไม่ได้ต้องการ discredit องค์กรแต่อย่างใด ถ้า ซีพี.ทำดี เราก็พร้อมจะบอกกับสังคม แต่ถ้า ซีพี. ทำไม่ดี เราก็ต้องรับฟังและแก้ไข  ไม่แน่คราวหน้า เราอาจจะมีเรื่องราวดีๆ มาแชร์บ้างก็ได้นะคะ (ถ้าเรานึกออก และมีเวลาเขียน)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่