แปะคลิปไว้ก่อนเลย มันยุ่งยากตรงถ่ายคลิปนี่แระ(ไม่ถนัดเอาเสียเลย)





ต้องเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปในการซื้อเครื่องฟอกอากาศเสียก่อน คือแถวที่คอนโดผมมีการขยายถนนจากเดิมที่ไม่มีฝุ่นมากก็กลับกลายเป็นว่าระเบียงไม่สามารถออกมาใช้งานได้เลย ฝุ่นเยอะยังกับใครโรยแป้ง เมื่อ 72 วันก่อนหน้านี้ก็ปิดบานเลื่อนและทุกช่องทาง อยู่มันแต่ในห้องแอร์ จนพี่หาแล้วบอกว่าห้องแกเห็นอับ แล้วก็อึดอัดมาก มีกลิ่นเนยที่ถ้าม่านด้วยนี่แกทอดใส้กรอกในห้องใช่ไหม (ทอดไปเมื่อวันพฤหัส นี่วันเสาร์นะ -*-)



นึกในใจไม่นะ ตรูไม่เห็นจะรู้สึกเลย .....ในขณะที่ยังโลกสวย แต่จริงๆแล้วช่วงนี้เหมือนเป็นภูมิแพ้ มีน้ำมูกใสๆและเจ็บคอคลอดเวลา ยิ่งตอนเช้าตื่นมาจะโทรมมากเหมือนนอนไม่สนิท หน้าตาอึ๊นๆ คอเจ็บ หน้ายับยู้ยี่ เป็นที่น่าปลงสังขารยิ่งนัก

ว่าแล้วก็ทนไม่ได้ เลยไปเดินดูเครื่องฟอกอากาศ แอบอ่านในพันทิพแว็บๆ เห็นข่าวแมวตาย เลยตัดตัวเลือกไปได้บ้าง การคัดเลือกผมลำเอียงชัดเจน เนื่องจากอ่านข้อมูลเว็บต่างประเทศ ผลการวิจัยที่มีมากสุดและละเอียดสุดคือเรื่องของ Plasmacluster Technoloy จะเนื่องด้วยพลังอำนาจทางการตลาดของยี่ห้อ B และ A ก็ไม่แน่ชัด ทำเอาผมเอนๆมาทางค่ายอื่นเล็กน้อย ก่อนจะโดยดึงความสนใจกลับมาด้วยกระทู้ http://ppantip.com/topic/32507133 และ http://ppantip.com/topic/30179641



ณ วันที่ไปซื้อ รุ่น 50 60 ของไม่มีหน้าร้าน แต่รุ่น 40TA มีของเลยแล้วแถมเครื่องฟอกตัวเล็ก FUA-28TA(สุดท้ายก็ได้ใช้ตัวนี้ที่ซอกข้างโต๊ะทำงานเพราะมันเหม็นแฟ้มเอกสาร ก็ได้ผลดีนะกลิ่นหายหมด) พีซีที่ห้างก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากนักแต่ละยี่ห้อต่างแย่งกันเสนอข้อดีของตน แต่พอดีผมตั้งใจจะมาเอาชาร์ป ประกอบกับมีโปรโมชั้น ก็เลยไม่มองยี่ห้อื่นๆให้ลังเล



ผมเริ่มเจรจากับ พีซี เขาบอกว่าใช้บัตรเครดิตนี้มีลดOn-Top 1,500บาท และใช้คะแนนเท่าราคาซื้อลดอีก 30% ผมก็เลยตกลงเอา พอตอนจะจ่ายเงินแคทเชียร์บอกว่าเอาพอทย์แทนบัตรกำนันได้นะคะคุณผู้ชาย (ทุกหกพันคะแนนแลกได้ 500บาท ผมก็เลยบอกเขาให้จัดการให้เลย เสร็จสรรพก็จ่ายเงินสด 1444 บาท 555+

อ่านมาถึงตรงนี้คงจะถามกันว่าจะรีวิวได้หรือยัง...รีวิวแบบ Unbox คงไม่ทำแล้วครับเพราะไม่ใช่สินค้ารุ่นใหม่อีกทั่งยังสามารถดูจากกระทู้หลายอันก่อนหน้านี้ได้เลย ผมขอสรุปสั้นๆเป็น สองกลุ่มนะครับ


สรุปข้อดีของการใช้เครื่องกรองอากาศแบบควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ (ภาพรวม)

1.) ระดับความชื้นสัมพัทธ์ (% R/H = Relative Humidify)  40 – 50 % เป็นระดับที่สบายตัว (ใครว่าบ้านเราอากาศร้อนชื้นไม่จำเป็น สำหรับผมกับการอยู่ในห้องแอร์อันนี้เห็นผลมากเรื่องความสบายและข้อดีในข้อถัดๆไปที่จะกล่าวถึงครับ

2.) เปิดใช้งาน Humidify Mode ตื่นนอนมา ไม่เจ็บคอ ไม่มีน้ำมูกใส หน้าตาสดใส รอยหมอนที่หน้าหายไป(คาดความความชุ่มชื้นในผิวไม่โดนอากาศแห้งจากแอร์ดุดไป)

3.) ความชื้นถูกควบคุมดด้วยเซนเซอร์ไม่ต้องกลัวว่าจะปอดบวมตายเพราะไม่ใช่พัดลมไอน้ำ

4.) Plasmacluster Technology ทำให้กลิ่นตามโซฟา ผ้าม่าน เตียงนอนหายไป ไม่มีกลิ่นอับเลย ขนาดรองเท้าบาส เอามาว่างแถวเครื่องก็ยังดับกลิ่นได้

5.) ถ้าใส่คอนเทรกเลนซ์แล้วอยู่ในห้องแอร์ปกติจะหยดตาทุกครึ่งชั่วโมง แต่พอมีเครื่องฟอกอากาศแล้วใช้ Humidify Mode ก็หยดตาลดลง 2 ชม หยอดที

6.) ฝุ่นตกลงพื้นเยอะมากง่ายต่อการดูดฝุ่น เวลาแดดส่องมาในห้องไม่เห็นเม็ดฝุ่นฟุ้งในอากาศ

7.) ตั้งเวลาเปิดเครื่องสักสองชั่วโมงก่อนกลับบ้าน พอเปิดประตูห้องนอนจะสัมผัสถึงอากาศสนชื่น อย่างเห็นได้ชัด คนละโลกกับข้างนอกบ้านเลย

8.) เสื้อบอลใส่แล้วถอดโยนไปแถวเครื่องสักผักจะขึ้นสีแดง แสดงว่าเสื้อตรูนี่เป็นมลภาวะอย่างหนึ่ง(เน่า)

ข้อด้อย

1.) เครื่องใหญ่แต่ล้อเลื่อนเลื่อนได้เฉพาะแนวขวาง

2.) แท้งค์น้ำ 2 ลิตร ต้องเติมทุกวัน

3.) ขจัดกลิ่นได้ดีกับประเภท บุหรี่ ธุป กลิ่นอัป กลิ่นปิ้งขนมบัง กลิ่นเนย กลิ่น้ำยาเช็คพื้น กลิ่นหมาแมว แต่กลิ่นอาหารไทยพวกตำปูปลาล้า แกงไตปลา อันนี้ไม่สามารถขจัดได้เลย

4.) โหมดอ้อโต้เงียบและเป็นที่เล่นของหมาแมว ไม่สามารถทำตัวให้เป็นที่น่าแกรงขามแก่สัตว์ทั้งหลายได้ สนุกับการเอาหน้าไปโต้ลม แล้วมันจะมาตะกุยตะแกรงดูอากาศด้านหลังพังเอา

5.) ต้องใช้น้ำกรองแล้วเพื่อลดปัญหาคราบสกปรกภายในระบบของตัวเครื่อง