อยากทราบตอนนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเรื่องเมาแล้วขับ ใช้ พรบ.จราจร แม้จะมีโทษกำกับไว้ ดังนี้
พระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 7 ) พ.ศ. 2550 บัญญัติไว้ว่า มาตรา 43 (2)
“ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น...”
และมาตรา 160 ตรี “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับตั้งแต่
ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้น
มีกำหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี ปรับสองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนด ไม่น้อยกว่าหนึ่งปีหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงหกปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสองหมื่นบาท
และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่าสองปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี
และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
แต่กลายเป็นว่า คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการเมาแล้วขับคือการขับรถโดยประมาท ไม่ใช่เจตนา
ไม่น่าจะลงโทษรุนแรง ซึ่งจริงๆ การเมาแล้วขับน่าจะเป็นการเจตนา ซึ่งเล็งเห็นผลแล้วว่าจะก่อให้เกิดเหตุร้ายได้
อาจเข้าข่ายพยายามฆ่า ถ้าเราแก้ไข ความผิดเมาแล้วขับให้อยุ่ในประมวลกฎหมายอาญา เช่น
มาตรา ... ผู้ใดขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือเมาสิ่งอื่น ถือว่ามีเจตนาหรือพยายามฆ่า ทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
ให้มีโทษตามมาตรา ....
ผู้ใดสนับสนุนให้ผู้อื่นขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาสิ่งอื่น ให้รับโทษในฐานะผู้สนับสนุน ตามมาตรา ....
อย่างนี้จะได้ไหมครับ วานผู้รู้ ช่วยลองร่างกฎหมายข้อนี้ให้ที หากจะนำไปใช้จริงได้
เป็นไปได้ไหม แก้ไขเมาแล้วขับ จาก พรบ.จราจร ให้เป็นมาตราหนึ่งในประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 7 ) พ.ศ. 2550 บัญญัติไว้ว่า มาตรา 43 (2)
“ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น...”
และมาตรา 160 ตรี “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับตั้งแต่
ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้น
มีกำหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี ปรับสองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนด ไม่น้อยกว่าหนึ่งปีหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงหกปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสองหมื่นบาท
และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่าสองปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี
และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
แต่กลายเป็นว่า คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการเมาแล้วขับคือการขับรถโดยประมาท ไม่ใช่เจตนา
ไม่น่าจะลงโทษรุนแรง ซึ่งจริงๆ การเมาแล้วขับน่าจะเป็นการเจตนา ซึ่งเล็งเห็นผลแล้วว่าจะก่อให้เกิดเหตุร้ายได้
อาจเข้าข่ายพยายามฆ่า ถ้าเราแก้ไข ความผิดเมาแล้วขับให้อยุ่ในประมวลกฎหมายอาญา เช่น
มาตรา ... ผู้ใดขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือเมาสิ่งอื่น ถือว่ามีเจตนาหรือพยายามฆ่า ทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
ให้มีโทษตามมาตรา ....
ผู้ใดสนับสนุนให้ผู้อื่นขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาสิ่งอื่น ให้รับโทษในฐานะผู้สนับสนุน ตามมาตรา ....
อย่างนี้จะได้ไหมครับ วานผู้รู้ ช่วยลองร่างกฎหมายข้อนี้ให้ที หากจะนำไปใช้จริงได้