พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๖
๖. สุราปานวรรค สิกขาบทที่ ๑
เรื่องพระสาคตะ
[๕๗๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเสด็จจาริกในเจติยชนบทได้ดำเนินทรงไปทางตำบลบ้านรั้วงาม
คนเลี้ยงโค คนเลี้ยงปศุสัตว์ คนชาวนา คนเดินทาง ได้แลเห็นพระผู้มีพระภาคกำลังทรงดำเนินมาแต่ไกลเที่ยว.
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ขอพระองค์อย่าได้เสด็จไปยังท่ามะม่วงเลย พระพุทธเจ้าข้า, เพราะที่ท่ามะม่วงมีนาคอาศัยอยู่ในอาศรมชฏิล
เป็นสัตว์มีฤทธิ์เป็นอสรพิษร้าย มันจะได้ไม่ทำร้ายพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า.
เมื่อเขากราบทูลเรื่องนั้นแล้ว พระองค์ได้ทรงดุษณี,
แม้ครั้งที่สองแล ... แม้ครั้งที่สามแล ...
ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกโดยลำดับ ถึงตำบลบ้านรั้วงามแล้ว ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ ตำบลบ้านรั้วงามนั้น.
ครั้งนั้นแล ท่านพระสาคตะเดินผ่านไปทางท่ามะม่วง อาศรมชฎิล.
ครั้นถึงแล้วได้เข้าไปยังโรงบูชาไฟ ปูหญ้าเครื่องลาด นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า.
นาคนั้นพอแลเห็นท่านพระสาคตะเดินผ่านเข้ามา ได้เป็นสัตว์ดุร้ายขุ่นเคือง, จึงบังหวนควันขึ้นในทันใด.
แม้ท่านพระสาคตะก็บังหวนควันขึ้น. มันทนความลบหลู่ไม่ได้ จึงพ่นไฟสู้ในทันที.
แม้ท่านพระสาคตะก็เข้าเตโชธาตุกสิณสมาบัติ บันดาลไฟต้านทานไว้.
ครั้นท่านครอบงำไฟของนาคนั้นด้วยเตโชสิณแล้ว เดินผ่านไปทางตำบลบ้านรั้วงาม.
ส่วนพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ตำบลบ้านรั้วงาม ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จหลีกไปสู่จาริกทางพระนครโกสัมพี.
พวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพีได้ทราบข่าวว่า พระคุณเจ้าสาคตะได้ต่อสู้กับนาคผู้อยู่ ณ ตำบลท่ามะม่วง.
พอดีพระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกโดยลำดับถึงพระนครโกสัมพี.
จึงพวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพีพากันรับเสด็จพระผู้มีพระภาคแล้ว เข้าไปหาท่านพระสาคตะ กราบไหว้แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง, แล้วถามท่านว่า
ท่านขอรับ อะไรเป็นของหายากและเป็นของชอบของพระคุณเจ้า พวกกระผมจะจัดของอะไรถวายดี?
เมื่อเขาถามอย่างนั้นแล้ว, พระฉัพพัคคีย์ได้กล่าวตอบคำนี้กะพวกอุบาสกว่า
มี ท่านทั้งหลาย สุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบ เป็นของหายาก ทั้งเป็นของชอบของพวกพระ ท่านทั้งหลาย
จงแต่งสุรานั้นถวายเถิด.
ครั้งนั้น พวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพี ได้จัดเตรียมสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบไว้ทุกๆ ครัวเรือน
พอเห็นท่านพระสาคตะเดินมาบิณฑบาต จึงต่างพากันกล่าวเชื้อเชิญว่า
นิมนต์พระคุณเจ้าสาคตะดื่มสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบเจ้าข้า, นิมนต์พระคุณเจ้าสาคตะดื่มสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบ เจ้าข้า.
ครั้งนั้น ท่านพระสาคตะได้ดื่มสุราใสสีแดงดังเท้าดังนกพิราบทุกๆ ครัวเรือนแล้ว เมื่อจะเดินออกจากเมืองได้ล้มกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง.
พอดีพระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากเมืองพร้อมด้วยภิกษุเป็นอันมาก, ได้ทอดพระเนตรเห็นท่านพระสาคตะ
ล้มกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง จึงรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงช่วยกันหามสาคตะไป.
ภิกษุเหล่านั้นรับสนองพระพุทธดำรัสแล้ว หามท่านพระสาคตะไปสู่อารามให้นอนหันศีรษะไปทางพระผู้มีพระภาค.
แต่ท่านพระสาคตะได้พลิกกลับนอนผันแปรเท้าทั้งสองไปทางพระผู้มีพระภาค.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งถามภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาคตะมีความเคารพ มีความยำเกรงในตถาคตมิใช่หรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า เป็นดังรับสั่ง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เออก็บัดนี้ สาคตะมีความเคารพ มีความยำเกรงในตถาคตอยู่หรือ?
ภิ. ข้อนั้นไม่มีเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาคตะได้ต่อสู้กับนาคอยู่ที่ตำบลท่ามะม่วงมิใช่หรือ?
ภิ. ใช่ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เดี๋ยวนี้สาคตะสามารถจะต่อสู้แม้กับงูน้ำได้หรือ?
ภิ. ไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย น้ำที่ดื่มเข้าไปแล้วถึงวิสัญญีภาพนั้นควรดื่มหรือไม่?
ภิ. ไม่ควรดื่ม พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำของสาคตะไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ,
ไฉน สาคตะจึงได้ดื่มน้ำที่ทำผู้ดื่มให้เมาเล่า? การกระทำของสาคตะนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง อย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
๑๐๐. ๑.
เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะดื่มสุราและเมรัย.
เรื่องพระสาคตะ จบ.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ บรรทัดที่ ๑๑๙๑๕ - ๑๑๙๙๕. หน้าที่ ๕๐๕ - ๕๐๘.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=2&A=11915&Z=11995&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=2&i=575
ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย ได้ที่ :-
[575-578]
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali.php?B=2&A=575&Z=578
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔
สาคตเถราปทานที่ ๒ (๓๒)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=1905&Z=1933
☆ ☆☆ ☆ ☆☆ ☆ ☆☆ ☆
พระสาคตะ
พระสาคตะเกิดในตระกูลพราหมณ์ในพระนครสาวัตถี ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดามีความเลื่อมใส ขอบวชแล้วทำความเพียร
เจริญสมาบัติ ๘ ประการ จนมีความชำนาญในสมาบัติ
วันหนึ่ง ชนชาวโกสัมพีได้ข่าวว่า พระสาคตเถระได้ชัยชนะต่อพญานาคในการประลองฤทธิ์แก่กัน ดังนั้น ชนทั้งหลายเหล่านั้น
จึงเกิดความเลื่อมใสยินดีกันเป็นอันมาก
เมื่อพระสาคตเถระมาบิณฑบาต จึงพากันนำเอาอาหารมาถวาย และบางคนได้นำเอาสุรามาถวายด้วย พระสาคตเถระก็ดื่มสุรานั้น
แล้วเกิดความมึนเมา เมื่อกลับจากบิณฑบาตเดินมาถึงประตูเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ล้มฟุบอยู่ตรงหน้าประตูเมืองนั่นเอง
ฌานอภิญญาที่ได้ไว้ก็เสื่อมหมด
ขณะนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากบิณฑบาต พร้อมด้วยพระภิกษุที่ตามเสด็จ
พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระสาคตเถระนอนอยู่ ก็ได้รับสั่งให้พระภิกษุเหล่านั้น ช่วยกันพยุงพระสาคตเถระไปจนถึงวัด
แล้วให้นำตัวมาที่เบื้องหน้าของพระองค์
พระภิกษุเหล่านั้นก็ช่วยกันจับตัวพระสาคตเถระให้นอนหันศีรษะไปทางที่พระพุทธองค์ประทับ แต่พระสาคตเถระกำลังมึนเมาไม่มีสติ
ก็กลับหมุนตัวหันเท้าไปทางพระองค์ซึ่งเป็นการแสดงอคารวะต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้ทรงบัญญัติสิกขาบทขึ้นอีกข้อหนึ่ง
ห้ามมิให้พระภิกษุดื่มสุราเมรัย ถ้าดื่มต้องเป็นอาบัติปาจิตตีย์
เหตุการณ์ที่เกิดกับตนครั้งนี้ ทำให้ท่านเกิดความสังเวช จึงเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนได้สำเร็จพระอรหัต และเป็นมหาสาวกองค์หนึ่ง
ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางเตโชธาตุสมาบัติ
ประวัติพระสาคตเถระ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=149&p=10
... "พระสาคตะ" ผู้มีฤทธิ์มากปัญญามาก - ต้นบัญญัติสุราปานสิกขาบท ...
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๖
๖. สุราปานวรรค สิกขาบทที่ ๑
[๕๗๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเสด็จจาริกในเจติยชนบทได้ดำเนินทรงไปทางตำบลบ้านรั้วงาม
คนเลี้ยงโค คนเลี้ยงปศุสัตว์ คนชาวนา คนเดินทาง ได้แลเห็นพระผู้มีพระภาคกำลังทรงดำเนินมาแต่ไกลเที่ยว.
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ขอพระองค์อย่าได้เสด็จไปยังท่ามะม่วงเลย พระพุทธเจ้าข้า, เพราะที่ท่ามะม่วงมีนาคอาศัยอยู่ในอาศรมชฏิล
เป็นสัตว์มีฤทธิ์เป็นอสรพิษร้าย มันจะได้ไม่ทำร้ายพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า.
เมื่อเขากราบทูลเรื่องนั้นแล้ว พระองค์ได้ทรงดุษณี,
แม้ครั้งที่สองแล ... แม้ครั้งที่สามแล ...
ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกโดยลำดับ ถึงตำบลบ้านรั้วงามแล้ว ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ ตำบลบ้านรั้วงามนั้น.
ครั้งนั้นแล ท่านพระสาคตะเดินผ่านไปทางท่ามะม่วง อาศรมชฎิล.
ครั้นถึงแล้วได้เข้าไปยังโรงบูชาไฟ ปูหญ้าเครื่องลาด นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า.
นาคนั้นพอแลเห็นท่านพระสาคตะเดินผ่านเข้ามา ได้เป็นสัตว์ดุร้ายขุ่นเคือง, จึงบังหวนควันขึ้นในทันใด.
แม้ท่านพระสาคตะก็บังหวนควันขึ้น. มันทนความลบหลู่ไม่ได้ จึงพ่นไฟสู้ในทันที.
แม้ท่านพระสาคตะก็เข้าเตโชธาตุกสิณสมาบัติ บันดาลไฟต้านทานไว้.
ครั้นท่านครอบงำไฟของนาคนั้นด้วยเตโชสิณแล้ว เดินผ่านไปทางตำบลบ้านรั้วงาม.
ส่วนพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ตำบลบ้านรั้วงาม ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จหลีกไปสู่จาริกทางพระนครโกสัมพี.
พวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพีได้ทราบข่าวว่า พระคุณเจ้าสาคตะได้ต่อสู้กับนาคผู้อยู่ ณ ตำบลท่ามะม่วง.
พอดีพระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกโดยลำดับถึงพระนครโกสัมพี.
จึงพวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพีพากันรับเสด็จพระผู้มีพระภาคแล้ว เข้าไปหาท่านพระสาคตะ กราบไหว้แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง, แล้วถามท่านว่า
ท่านขอรับ อะไรเป็นของหายากและเป็นของชอบของพระคุณเจ้า พวกกระผมจะจัดของอะไรถวายดี?
เมื่อเขาถามอย่างนั้นแล้ว, พระฉัพพัคคีย์ได้กล่าวตอบคำนี้กะพวกอุบาสกว่า
มี ท่านทั้งหลาย สุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบ เป็นของหายาก ทั้งเป็นของชอบของพวกพระ ท่านทั้งหลาย
จงแต่งสุรานั้นถวายเถิด.
ครั้งนั้น พวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพี ได้จัดเตรียมสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบไว้ทุกๆ ครัวเรือน
พอเห็นท่านพระสาคตะเดินมาบิณฑบาต จึงต่างพากันกล่าวเชื้อเชิญว่า
นิมนต์พระคุณเจ้าสาคตะดื่มสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบเจ้าข้า, นิมนต์พระคุณเจ้าสาคตะดื่มสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบ เจ้าข้า.
ครั้งนั้น ท่านพระสาคตะได้ดื่มสุราใสสีแดงดังเท้าดังนกพิราบทุกๆ ครัวเรือนแล้ว เมื่อจะเดินออกจากเมืองได้ล้มกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง.
พอดีพระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากเมืองพร้อมด้วยภิกษุเป็นอันมาก, ได้ทอดพระเนตรเห็นท่านพระสาคตะ
ล้มกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง จึงรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงช่วยกันหามสาคตะไป.
ภิกษุเหล่านั้นรับสนองพระพุทธดำรัสแล้ว หามท่านพระสาคตะไปสู่อารามให้นอนหันศีรษะไปทางพระผู้มีพระภาค.
แต่ท่านพระสาคตะได้พลิกกลับนอนผันแปรเท้าทั้งสองไปทางพระผู้มีพระภาค.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งถามภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาคตะมีความเคารพ มีความยำเกรงในตถาคตมิใช่หรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า เป็นดังรับสั่ง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เออก็บัดนี้ สาคตะมีความเคารพ มีความยำเกรงในตถาคตอยู่หรือ?
ภิ. ข้อนั้นไม่มีเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาคตะได้ต่อสู้กับนาคอยู่ที่ตำบลท่ามะม่วงมิใช่หรือ?
ภิ. ใช่ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เดี๋ยวนี้สาคตะสามารถจะต่อสู้แม้กับงูน้ำได้หรือ?
ภิ. ไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย น้ำที่ดื่มเข้าไปแล้วถึงวิสัญญีภาพนั้นควรดื่มหรือไม่?
ภิ. ไม่ควรดื่ม พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำของสาคตะไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ,
ไฉน สาคตะจึงได้ดื่มน้ำที่ทำผู้ดื่มให้เมาเล่า? การกระทำของสาคตะนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง อย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
๑๐๐. ๑. เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะดื่มสุราและเมรัย.
เรื่องพระสาคตะ จบ.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ บรรทัดที่ ๑๑๙๑๕ - ๑๑๙๙๕. หน้าที่ ๕๐๕ - ๕๐๘.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=2&A=11915&Z=11995&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=2&i=575
ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย ได้ที่ :-
[575-578] http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali.php?B=2&A=575&Z=578
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔
สาคตเถราปทานที่ ๒ (๓๒)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=1905&Z=1933
พระสาคตะ
พระสาคตะเกิดในตระกูลพราหมณ์ในพระนครสาวัตถี ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดามีความเลื่อมใส ขอบวชแล้วทำความเพียร
เจริญสมาบัติ ๘ ประการ จนมีความชำนาญในสมาบัติ
วันหนึ่ง ชนชาวโกสัมพีได้ข่าวว่า พระสาคตเถระได้ชัยชนะต่อพญานาคในการประลองฤทธิ์แก่กัน ดังนั้น ชนทั้งหลายเหล่านั้น
จึงเกิดความเลื่อมใสยินดีกันเป็นอันมาก
เมื่อพระสาคตเถระมาบิณฑบาต จึงพากันนำเอาอาหารมาถวาย และบางคนได้นำเอาสุรามาถวายด้วย พระสาคตเถระก็ดื่มสุรานั้น
แล้วเกิดความมึนเมา เมื่อกลับจากบิณฑบาตเดินมาถึงประตูเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ล้มฟุบอยู่ตรงหน้าประตูเมืองนั่นเอง
ฌานอภิญญาที่ได้ไว้ก็เสื่อมหมด
ขณะนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากบิณฑบาต พร้อมด้วยพระภิกษุที่ตามเสด็จ
พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระสาคตเถระนอนอยู่ ก็ได้รับสั่งให้พระภิกษุเหล่านั้น ช่วยกันพยุงพระสาคตเถระไปจนถึงวัด
แล้วให้นำตัวมาที่เบื้องหน้าของพระองค์
พระภิกษุเหล่านั้นก็ช่วยกันจับตัวพระสาคตเถระให้นอนหันศีรษะไปทางที่พระพุทธองค์ประทับ แต่พระสาคตเถระกำลังมึนเมาไม่มีสติ
ก็กลับหมุนตัวหันเท้าไปทางพระองค์ซึ่งเป็นการแสดงอคารวะต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้ทรงบัญญัติสิกขาบทขึ้นอีกข้อหนึ่ง
ห้ามมิให้พระภิกษุดื่มสุราเมรัย ถ้าดื่มต้องเป็นอาบัติปาจิตตีย์
เหตุการณ์ที่เกิดกับตนครั้งนี้ ทำให้ท่านเกิดความสังเวช จึงเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนได้สำเร็จพระอรหัต และเป็นมหาสาวกองค์หนึ่ง
ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางเตโชธาตุสมาบัติ
ประวัติพระสาคตเถระ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=149&p=10