เครียดมาก ทำทุกอย่างเพื่อแฟนมาตลอด 4 ปี สุดท้ายทุกอย่างเกือบจะเป็นจริงแล้วเค้ากลับทิ้งผมไปหาคนอื่น

ผมเจอแฟนคนนี้ตอนเรียนป.โทครับ

ตอนแรกที่เจอกันเค้าเพิ่งเลิกกับแฟนคนก่อนหน้า ส่วนผมมีเค้าคนนี้เป็นแฟนคนแรกครับ
แฟนผมไม่ใช่คนสวยแต่เป็นคนน่ารัก รูปร่างอวบนิดๆยิ้มง่าย ผมรักและหวงแฟนคนนี้มาก
ตอนแรกที่เราคบกัน ผมเคยคุยกับเค้าว่า รอผมก่อนได้มั้ย (ผมอ่อนกว่าเค้า 3 ปี ตอนที่เจอกับผมกำลังเริ่มเรียนป.โท ส่วนเค้ากำลังจบโทต่อเอก)
ถ้าผมจบเอกแล้ว หางานทำเรียบร้อยผมจะมาขอเค้าแต่งงาน ซึ่งแฟนผมก็ ok ครับ
หลังจากนั้นมาก็คบกันเป็นแฟนมาตลอดครับ จากคนที่ไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆ ผมก็เริ่มไปเดินถนนคนเดิน (เพราะเค้าชอบเดิน)
จากที่ไม่เคยกินผัก ก็เริ่มหันมากินสลัด (แฟนผมชอบกินสลัด)
จากที่ไม่ชอบกินปลาร้า ก็เริ่มหันมากิน (แต่ก่อนผมชอบกินตำไทย แต่แฟนชอบตำลาว)
ทุกอย่างผมทำไปเพื่อเอาใจแฟนผมคนนี้ทั้งหมด (ผมเป็นคนแนวปากร้ายนิดๆครับ คือตอนแรกอาจบ่นๆว่าไม่อยากไป ไม่อยากทำ แต่สุดท้ายก็ทำให้ทุกอย่าง)

ช่วงเวลาที่ผ่านมามีทะเลาะกันบ้าง ส่วนใหญ่คือจะเป็นเรื่องไปเที่ยว คือแฟนผมเค้าชอบไปเที่ยวมาก ประมาณว่า 1 ปีต้องได้ไปเที่ยวทะเล 2 ครั้งขึ้น ต้องได้ไปต่างประเทศ อะไรประมาณนี้ จากที่ทราบมาเหมือนทางบ้านแฟนชอบพาเค้าไปเที่ยวบ่อย แฟนเก่าเค้าก็ชอบพาไปเที่ยว
ส่วนผมไม่ค่อยได้พาเค้าไปเที่ยวไกลๆซักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าผมไม่อยากขอเงินจากที่บ้าน (แม่ผมแยกกับอยู่กับพ่อ)
ที่ผ่านมาผมทำงานพิเศษเพื่อหาเงินใช้ในเรื่องส่วนตัวมาตลอด พอจะมีแฟนจะให้กลับไปขอเงินแม่มันก็ยังไงอยู่
แต่ผมก็ไม่ใช่ไม่เคยพาเค้าไปเที่ยวเลยนะครับ
เรายังมีไปเที่ยวกับตามรีสอร์ทบ้างเนื่องจากตอนผมเรียนโทผมได้ทุนซึ่งมีค่าใช้จ่ายประจำวันให้ด้วยซึ่งมากพอสมควร (แต่ก็ไม่มากพอที่จะพาไปต่างประเทศหรือเที่ยวทะเลบ่อยๆ)
ผมก็คอยบอกเค้ามาตลอด ว่าผมรู้นะว่าเค้าชอบเที่ยวแต่รออีกนิดถ้าผมทำงานมีเงินแล้วผมจะพาเค้าไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป ซึ่งเค้าก็ตอบตกลงครับ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผม(จบโทแล้ว) ก็ได้ทุน endeavour ไปต่อ เอก ที่ University of Melbourne ซึ่งสาเหตุที่ผมสมัครทุนนี้ไปเพราะเค้าอยากไปเที่ยวออสเตรเลียครับ ผมเลยบอกเค้าว่าที่ผ่านมาไม่ได้มาไปเที่ยวต่างประเทศเลย ถ้าได้ทุนนี้แล้วจะพาเธอไป อย่างน้อยก็ประหยัดเรื่องค่าที่พักได้ส่วนนึง
อีกสาเหตุนึงเลยคือผมมองว่าในสายอาชีพผมการจบเอกจากมหาลัยในต่างประเทศน่าจะช่วยให้อาชีพการงานที่ได้ในอนาคตมีความมั่นคงกว่า เมื่อเทียบกับคนที่จบในประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ผมก็คุยกับแฟนผมก่อนสมัครทุนครับซึ่งเธอก็เข้าใจและเห็นด้วยกับผม

เราอยู่กันมาด้วยดีจนถึงเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา แฟนผมกลับบ้านเลยไม่ค่อยได้ติดต่อมา ในขณะที่ผมก็กำลังติดต่อ กับ Prof. ที่ U of Melb ในเรื่องของการทำงานพิเศษ หรือการเป็น TA สุดท้ายแล้วผมได้ข้อสรุปกับ Prof. ว่าผมสามารถทำ TA ได้ และถ้าหากจบแล้วถ้าต้องการผมสามารถอยู่ทำ Postdoc หรือ เป็นนักวิจัยในสังกัดเค้าได้ (งานประจำเงินเดือนขั้นต่ำประมาณ แสนห้า)
ซึ่งผมก็ได้คำนวณคร่าวๆแล้วว่าหลังจบเอก ผมจะมีเงินเก็บกลับมาประมาณ 2 ล้าน (จากเงินทุนที่ได้ 3000 AUS ต่อเดือน ผมกะใช้ประมาณ 1800 ผมเรียนเอก 3 ปี + พวกค่าทำงาน part-time ไม่รวมเรื่องอาชีพที่อาจทำในอนาคต) ซึ่งผมก็ plan ว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ไปขอแฟนผมครับ

หลังสงกรานต์ผมรู้สึกได้ว่าแฟนผมแปลกๆไป ไม่ค่อยโทรมาหาเหมือนแต่ก่อน แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเธอคงยุ่งกับงานสอนพิเศษ จนกระทั่งวันที่ผมเจอเธอครั้งแรกหลังจากกลับมาจากสงกรานต์ ผมรู้สึกแปลกๆ ว่าเธอไม่เหมือนเดิม ผมเลยลองถามเธอว่าเป็นไงบ้าง เที่ยวสนุกมั้ย ขอดู line หน่อยดิเพื่อมีกิ๊ก 555+
แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมาคือไม่ให้ดู ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมมั่นใจว่าต้องมีอะไรซักอย่างเปลี่ยนไปแน่ๆ ผมพยายามขอดูกี่ครั้งเค้าก็ไม่ยอม เค้าบอกผมว่าไม่มีอะไรๆ จะดูไปทำไม แค่คุยเล่นเฉยๆ แต่ผมก็ยังไม่สบายใจครับ
สุดท้ายผมขอร้องเค้าว่าถ้าอย่างนั้นให้เค้าเลือกได้มั้ย ถ้าเค้าต้องการที่จะคุยกันผู้ชายอีกคนนึงแบบคิดจะพัฒนากลายเป็นแฟน ผมก็จะยอมถอยออกมา
ซึ่งเค้าก็บอกว่าใช่ครับ ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกเลย หัวมันหมุนไปหมด ผมได้แต่บอกเค้าไปว่า ถ้าเธอคิดจะลองคุยผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าคุยแล้วมันไม่ใช่ ขอให้เธอกลับมาได้มั้ย ผมจะรอ (ผมพูดไปอย่างนั้นทั้งๆที่ในหัวผมมันบอกว่าเค้าไม่มีทางกลับมาหรอก เพราะจากที่ผมรู้สึกทุกอย่างมันชัดเจนไปหมด ถึงแม้ว่าแฟนผมจะบอกว่าเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งเค้าก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง แต่จากที่ผมคุยผมรู้สึกเหมือนกับว่าเค้าหมดใจกับผมแล้วจริงๆ)

หลังจากวันนั้นมาก็จะหนึ่งอาทิตย์แล้วครับ ผมเองก็กำลังจะต้องบินไปเรียนเอก แต่ในสมองผมมันหยุดคิดถึงแฟนไม่ได้เลยครับ ล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อนผมพยายามไปง้อเค้าครั้งสุดท้าย เพื่อขอให้เค้าเปลี่ยนใจ ยอมคุกเข่าขอร้อง ยอมทิ้งศักศรี ยอมทำทุกอย่าง แต่เธอก็ไม่สนครับ
ความรู้สึกผมเหมือนกับว่าพอเค้าไม่รักแล้วผมพูดอะไรไปมันก็ขัดหูเค้าไปซะหมด หงุดหงิดใส่ผมตลอด ทั้งที่ผมยังไม่ทันได้ว่าอะไรเลยแท้ๆ
ส่วนเหตุผลที่จะเลิกเค้าก็อ้างมาต่างๆนาๆ บ้างก็ว่าเพราะผมไม่สามารถรับประกันกับเค้าได้ 100 % ว่าจบแล้วจะแต่งงานกับเค้าทันที ต้องรอหางานอีก ในขณะที่เค้าก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ (ผมจบโท Medical Science เกรด 4.00 ได้ทุนไปต่อเอกที่ม.อันดับ 1 ของออส ผมว่าผมก็น่าจะพอหางานได้อยู่มั้ง ที่ผมไปสมัครทุนนี่ก็เพื่อหาทางให้มีอนาคตที่มั่นคงไม่ใช่เหรอ ?)
ทั้งๆที่ก่อนสงกรานต์เค้าเป็นคนมาคุยกับผมเรื่องค่าสินสอดคร่าวๆด้วยซ้ำ

ผมถามเค้าว่าไม่รักผมแล้วเหรอ เค้าบอกว่ารัก ผมถามว่าแล้วคนที่ไปคุยด้วยล่ะ รักเค้าเหรอ เค้าตอบว่า ตอนนี้ยังแต่อีกหน่อยยังไม่รู้ (แล้วมาบอกเลิกผมเสร็จสรรพ ?)
ผมถามเค้าว่าที่ผมทำมาตลอด 4 ปีมันไม่มีค่าอะไรเลยใช่มั้ย เค้าก็เงียบ ผมถามต่อว่า หาว่าผมไม่สามารถรับประกันได้แน่นอนว่าจะแต่งงานกับเธอ แล้วที่เธอไปคุยกับคนใหม่ ไม่ถึงเดือนอะไรทำให้เธอแน่ใจว่าเค้าจะแต่งงานกับเธอแน่นอน เค้าก็เงียบ

ตอนนี้ทุกเช้าที่ตื่นมาผมยังคงถามตัวเองทุกวันว่านี่มันเรื่องจริงหรือว่าฝัน ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ผมรู้ว่ามันเป็นความจริง ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ผมรู้ว่าเป้าหมายที่ผมตั้งใจทำมาตลอดมันหายไป ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ถึงแม้ผมรู้ว่าเธอเป็นคนไม่ดีแต่ผมก็ยังรักเธอ
ผมไม่คิดว่าตัวเองดีเด่อะไร แต่ก็มั่นใจว่า profile ตัวเองเกิน mean ชายไทยในปัจจุบันอยู่ (ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เจ้าชู้ ไม่ติดเพื่อน ขยันทำงาน ไม่ได้เกาะพ่อแม่กิน) ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเธอถึงทิ้ง ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมยังรักเธออยู่
จากที่ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี ตอนนี้ทุกอย่างมันมืดไปหมด ในท้องก็รู้โหวงเหวงตลอดเวลา ข้าวก็ไม่หิว
ผมเครียดหนักใจมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกอยากตายไปให้พ้นๆ (ผมไม่เชิงเป็นเด็ก nerd นะครับ แต่ไม่เคยมีประสบการ์ณเรื่องความรักมาก่อน เพราะพื้นฐานครอบครัวที่เจอมาแต่เด็กคือ พ่อเลิกกับแม่ ทำให้ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องความรัก ไม่ค่อยเปิดใจให้คนอื่น ไม่เคยคิดที่จะแต่งงาน แฟนคนนี้เป็นคนแรกในชีวิต)

ขอโทษทีพิมพ์ซะยาวนะครับ มันหนักใจมากจริงๆ ถ้าใครมีข้อแนะนำอะไรช่วยบอกด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่