จบ ป.ตรี เข้าเรียน ป.เอก ต่างจาก จบ ป.ตรี เข้าเรียน ป.โท ควบ ป.เอก อย่างไร

ตอบคำถามว่าที่บัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์ ที่สงสัยระหว่าง แบบแรก. ป.ตรี -> ป.เอก และ แบบสอง ป.ตรี -> ป.โท ควบ ป.เอก หลายคนเข้าใจผิดว่าเหมือนกัน จริงๆ แล้วแม้จะใช้โครงสร้างหลักสูตรเดียวกัน แต่กระบวนการเรียน เกณฑ์การเข้าศึกษา ความเข้มข้นต่างกัน และทั้งสองแบบก็มีเด่น มีด้อย ต่างกันมาก

สายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์(ประเทศไทย ทุกมหาวิทยาลัย ,อดีตประเทศในเครือจักรภพ เกือบทุกมหาวิทยาลัย และ ในยุโรปบางมหาวิทยาลัย) จบ. ป.ตรี ต่อ ป.เอก ได้เลยครับ และไม่ใช่แบบ โท ควบ เอก แต่เป็น ป.เอก ของแทร่ๆๆเลย ส่วนใหญ่จะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 2 ข้อ
1. จบ ป.ตรี ด้วยระดับคะแนน เกียรตินิยมอันดับ 1
2. คณะกรรมการหลักสูตร มีมติให้เข้ารับการศึกษา

ป.ตรี -> ป.เอก จะใช้เวลาในการเรียน 3 - 5 ปี (หลักสูตรกำหนดไว้ 4 ปี) หลักๆ ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถมีงานวิจัยตีพิมพ์ตามเงื่อนไขการจบหลักสูตรได้ช้าเร็วแค่ไหน ความเข้มข้นก็จะเป็นแบบนักศึกษา ป.เอก ตั้งแต่ day 1 และเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้ วุฒิ ป.เอก เลย ถ้าไม่สำเร็จการศึกษาจะขอรับแค่ ป.โท ก็ไม่ได้นะครับ คือไม่ได้อะไรเลย

ส่วนใหญ่แล้ว แม้จะจบ ป.ตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 และเดินเข้ามาสมัครแบบไม่รู้จักใคร คณะกรรมการหลักสูตรมักจะไม่ค่อยกล้ามีมติให้เข้ารับการศึกษาตามคุณสมบัติข้อ 2. นอกจากอาจารย์ในหลักสูตรสัก 1 คน(น่าจะต้องอาวุโสระดับนึงเลย) จะยืนยันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ารู้จักคุณดีระดับหนึ่ง พูดคุยกันมาระยะนึงแล้ว และอาจารย์ท่านนั้นก็พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาทั้งวิชาการและวิทยานิพนธ์ให้คุณ ยืนยันว่าคนนี้แหละใช่เลย คณะกรรมการหลักสูตรจึงจะมีมติให้เข้าเรียนในหลักสูตรนี้ครับ ทั้งนี้ก็เพราะระยะเวลาการเรียนมันยาวนาน 4 ปี และหลักเกณฑ์ก็เข้มข้นแบบ ป.เอก ตั้งแต่ day 1 อีกทั้งการเรียน ป.เอก เป็นการเน้นทำวิจัยเป็นหลัก ซึ่งเด็กที่พึ่งจบ ป.ตรี ส่วนใหญ่จะยังไม่มีประสบการณ์การทำวิจัยมาก่อน ดังนั้นถ้าคณะกรรมการเขาไม่มั่นใจ หรือคุณไม่ outstanding จริงๆ การให้นักศึกษาเรียน ป.โท 2 ปี ไปก่อน มันเป็นการเตรียมความพร้อมสู่ ป.เอก และเบากว่าด้วยเงื่อนไขการจบหลักสูตรแบบ ป.โท และเมื่อจบ ป.โท คุณก็มีโอกาสตัดสินใจใหม่อีกครั้งว่าจะเรียน ป.เอก ต่อ หรือพอเท่านี้ อย่างน้อยก็ยังมี ป.โท ติดตัว แต่ถ้าเป็นหลักสูตร ป.เอก เลย ถ้าไม่จบคุณไม่ได้วุฒิอะไรติดตัวไปเลย

นอกจากคุณสมบัติ 2 ข้อ ยังมีอีกหลายอย่างที่แม้ไม่ได้กำหนดในเอกสารรับสมัครแต่ถ้าคุณไม่มีมา เขาก็จะมองว่าน่าจะยังไม่พร้อม เช่น
3. ผลสอบภาษาอังกฤษ ควรพกมาแบบคะแนนอยู่ในระดับจบ ป.เอก ได้เลย (ระดับ IELTS 6.5 - 7.5)
4. จดหมาย Recomendation จาก อาจารย์เก่าที่สอนคุณมา แล้วในจดหมายต้องนั่งยันมาเลยว่าคุณเรียนจบ ป.เอก ได้แน่นอน ซึ่งถ้าท่านไม่มั่นใจในตัวคุณท่านจะไม่เขียนให้ หรือเขียนแบบกลางๆ
5. ปริญญานิพนธ์ ที่มีแนวโน้มจะพัฒนาต่อเป็น Thesis ระดับ ป.เอก ได้ หรือหัวข้อวิจัยที่คุณสนใจ กรรมการฟังแล้วเชื่อว่าไปต่อได้
6. เปเปอร์ที่ได้รับตีพิมพ์ มาแล้วถ้ามีคณะกรรมการอาจจะให้คะแนนคุณมากขึ้นอีกสักหน่อย
7. ความพร้อมทางการเงิน ตลอด 3-5 ปี ค่าลงทะเบียน กินใช้ ไม่มีงานทำระหว่างนั้นจะอยู่ยังไง
8. ทัศนคติ วุฒิภาวะ อุปนิสัย IQ และ EQ

สรุปคือ แบบแรก ป.ตรี -> ป.เอก คุณต้องฉายแววเป็นดุษฎีบัณฑิตมาตั้งแต่เรียน ป.ตรี จะต้องมีอาจารย์ในหลักสูตร 1 ท่าน ที่เห็นว่าคุณพกพาความพร้อมที่จะสำเร็จ ป.เอก ได้อย่างแน่นอน และยืนยันให้คุณ แม้คุณสมบัติข้อ 3 - 8 ของคุณจะไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าอาจารย์ท่านยันให้ก็พอผ่อนผันได้ ยกเว้นคุณสมบัติข้อ 1 อันนี้ไม่น่าจะผ่อนผันได้เพราะเป็นไปตามระเบียบบัณฑิตศึกษา ดังนั้นเมื่อคุณประสงค์จะสมัครเข้าหลักสูตร ป.ตรี -> ป.เอก อย่างน้อยคุณควรพก 1 Class Honour Degree + ผลสอบภาษาอังกฤษระดับ B+ ขึ้น  แล้วเขาจะบอกให้คุณไปหา อาจารย์ที่ปรึกษาให้ได้ก่อน

ส่วน ป.โท ควบ ป.เอก นั้นจะใช้เวลาเรียน 4 - 6 ปี (โครงสร้างหลักสูตรเดียวกับ ป.ตรี -> ป.เอก)  ระหว่างเรียน ป.โท อาจารย์ที่ปรึกษาเห็นแววว่างานวิจัยที่กำลังทำอยู่มีคุณภาพในระดับที่ขอใช้จบ ป.เอก ได้ และนักศึกษามีทรัพยากรที่จะเรียนจนจบ ป.เอก หรือจากงานวิจัยที่มีแวว อาจารย์ท่านพอจะหาทุนการศึกษา ป.เอก ให้ได้ ท่านก็อาจจะให้ทำ ป.เอก ควบคู่กันไปหรือต่อเนื่องทันทีหรือแล๊ปกัน(ขึ้นอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาว่าจะปรับแบบไหนให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ การศึกษา ป.โท ควบ ป.เอก) โดยอาจจะให้รายวิชาบางตัวในระดับ ป.โท เทียบแทน รายวิชาในระดับ ป.เอก และ ใช้งานวิจัยที่มีแววนั้น เป็นผลงานวิจัยตามเงื่อนไขการจบ ป.เอก เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้วุฒิ  ป.โท และ ป.เอก หรือระหว่างเรียนจะขอหยุดแค่ ป.โท ก็ได้
 
แบบแรก คุณต้องมุ่งมั่น มีความพร้อมตั้งแต่ มีแววเป็น ดุษฏีบัณฑิตตั้งแต่ก่อนจบปริญญาตรีและมีผลการเรียนในระดับ ป.ตรี ที่โดดเด่น ควรมีผลสอบภาษาอังกฤษอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน มีหัวข้อวิจัยมาแล้วบ้างในใจที่อาจารย์ท่านเชื่อว่าน่าจะเป็นงานวิจัยที่สามารถใช้ จบ ป.เอก ได้ ส่วนแบบสองนั้นจะเป็นกลุ่มที่มาค้นพบตัวเองว่ามีความสามารถที่จะจบการศึกษาระดับ ป.เอก ได้ในระหว่างเรียน ป.โท

แบบแรกไม่จบไม่ได้อะไรเลย แบบสองไม่จบ ป.เอก ก็จะขอหยุดแค่ ป.โท ก็ได้ 

ซึ่งส่วนใหญ่แม้คุณจะจบ ป.ตรี ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1  แต่ไม่ outstanding อาจารย์ที่ปรึกษามักจะแนะนำให้คุณเรียน ป.โท ให้จบก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกรอบว่าจะทำ ป.เอก หรือไม่ เป็นวิธีการที่ปลอดภัยกว่ามาก 

แบบแรกเงื่อนไขการรับเข้าเรียนและสำเร็จการศึกษา เป็นแบบ ป.เอก ตั้งแต่ day 1 แบบที่สองเงื่อนไขการรับเข้าเรียนและสำเร็จการศึกษาเป็นแบบ ป.โท ก่อน เมื่อปรับสภาพเป็น ป.เอก จึงเปลี่ยนเป็นเงื่อนไข ป.เอก

แบบแรก ม้วนเดียวจบ ป.ตรี -> ป.เอก ไม่มีกระบวนการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ป.โท เลย  แบบสองจริงๆ ก็คือ 2 ขั้นตอนคือการเรียน ป.โท แล้ว ค่อยปรับสภาพมาเรียน ป.เอก จึงเรียกว่า โท ควบ เอก

แบบแรก เนื่องจากผู้เรียนมีผลการเรียน และคุณสมบัติอื่นๆ อยู่ในระดับ outstanding จึงมักมีทุนการศึกษารองรับตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน แบบที่สองมักไม่ค่อยมีทุนการศึกษารองรับ อาจจะได้ทุนก็มักจะเป็นช่วงหลัง

เมื่อสำเร็จการศึกษาทั้งแบบแรก และแบบสอง มีศํกดิ์และสิทธิ ถือว่าสำเร็จปริญญาเอก เทียบเสมอกัน

แบบแรก ป.ตรี -> ป.เอก เท่าที่ผมพอมีข้อมูล ผุ้เรียนมักจะสำเร็จการศึกษา 4 ปีภายในระยะเวลากำหนด หลายนคนมีแววว่าจะจบก่อนหลักสูตรกำหนด ทั้งนี้ก็เพราะนักศึกษากลุ่มนี้มีองค์ความรู้บริบูรณ์ มีความสามารถในทางภาษาเหมาะสมตั้งแต่ก่อนเข้าศึกษา ป.เอก การรีวิวงานวิจัย ค้นคว้า ตลอดจนการเขียนแทบไม่เป็นปัญหาใหญ่ ได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ที่ปรึกษาแบบมุ่งตรงและมักจะได้รับทุน จึงไม่ต้องคิดเรื่องอื่นเน้นทำวิจัยจบตามเกณฑ์

แบบที่สอง ป.ตรี -> ป.โท ควบ ป.เอก มักจะใช้เวลาศึกษานานกว่ามิใช้เพราะหลักสูตรกำหนดให้เรียนนานกว่าแต่เนื่องจากผู้เรียนมักไม่ได้คิดว่าจะเรียน ป.เอก มาตั้งแต่ต้น จึงไม่ได้เตรียมตัวทั้งผลการเรียน ป.ตรี และ ผลสอบภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่เข้ารับการศึกษาในระดับ ป.โท ก่อน งานวิจัยระดับ ป.โท โดยทั่วไปมักจะใช้สำเร็จการศึกษา ป.เอก ไม่ได้ แต่พอค้นพบตัวเองว่าเราน่าจะ จบ ป.เอก หรือประสงค์จะเรียนต่อ ป.เอก หรืออยากทำ ป.เอก ควบคู่กันไป ก็เหมือนต้องเริ่มปีนเขากันอีกครั้ง

ป.ตรี -> ป.เอก เวลาไปสมัครงานราชการ อาจจะปวดหัวนิดหน่อย เพราะคนจำนวนมากไม่ทราบว่ามี ป.ตรี -> ป.เอก ดังนั้นคุณจะถูกถามหาวุฒิ ป.โท แต่คุณไม่มี เจ้าหน้าที่รับสมัครอาจจะมองว่าคุณขาดคุณสมบัติการรับเข้าทำงานเพราะในประกาศรับสมัครมีระบุว่าต้องจบ ป.ตรี ป.โท ป.เอก ต้องอธิบายกันพักนึง แต่ถ้าสมัครเป็นอาจารย์ คุณจะได้รับการพิจารณาอันดับต้นๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่