ตะลอนๆ ในออสเตรเลีย (ทุน พมก.)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นี่กระทู้แรกของผม ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วย ปล.เรื่อง เกิดขึ้น เมื่อปีที่แล้ว
ผมเคยเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ ไม่เคยไปต่างประเทศเลย แม้แต่ขึ้นเครื่องบินนี่ยิ่งไม่เคย
ตอนแรกก่อนจะไปก็ไม่ได้นึกหรอกนะครับ ว่าจะมีความคิดแบบนี้ เรื่องมันเริ่มจากอกหักครับ
(ฮ่าๆ)
แรกๆ ข้าวก็กินไม่ลง ช่วงนั้นปิดเทอมด้วย ว่าง ไม่มีอะไรทำ ยิ่งว่างก็ยิ่งเพ้อ จนคิดว่าอยากจะทำยังให้มันดีขึ้น เลยมีความคิดหนึ่งขึ้นมา
'เอาวะไปไง ก็เป็นกัน หาเรื่องให้มันยุ่งๆไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งว่าง กินอะไรไม่ลง'(หิว ก็หิว)
นั่นแหละครับ ที่มาของเรื่อง awkward ต่างๆ ทั้งขำ ทั้งเซ็ง แต่ก็ประสบการณ์ใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ
ชื่อเรื่อง '
หนีรักไปต่างแดน' … (ไม่ใช่ล่ะ!)
พอมีไอเดียนี้ขึ้นมาก็ บอกที่บ้าน (แม่ก็เห็นว่า ว่างๆ โตแล้ว อยากอะไรมั่ง ดีกว่ามานั่ง ให้แมลงวันแย่งข้าวกิน) ว่าอยากไปต่างประเทศ ในใจตอนนั้นก็ อยากไป work แต่ที่บ้านก็เห็นว่า ไปต่างประเทศครั้งแรก ไปเรียนดีกว่ามั๊ย มีคนคอยดูแล ไปอยู่กับโฮส จะได้ไม่ต้องลุยเกินไป
เอออ ช่ายย... ลืมนึกไปเลย ไอ้เรานึกแต่ว่าจะไป ลุยอย่างเดียว (ลืมไปแม้แต่ว่า ภาษาอังกฤษตัวเองนี่ ถึงขั้นห่วยแตก ตอน ม.ปลายนี่ เจอสอบทีไร ต้องตามไปซ่อมทุกที)
ตอนเลือกประเทศ ก็มี 3 ประเทศ อยู่ในใจ USA UK และก็ AU
อเมริกา ก็ดูวุ่นวายเกินไป คนก็หลากหลาย(โดนไซโคร ก็เริ่มกลัว ฮา...) จะอังกฤษสำเนียง British ก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง สุดท้ายก็ มาจบที่แดนจิงโจ้(ไป Sydney นะครับ) ตอนนั้นคิดว่า มันดูวุ่นวายน้อยสุดล่ะ (มโน)
เริ่มก็ไปติดต่อโรงเรียน ที่เค้ามีสาขาในไทย โรงเรียนหนึ่ง(พึ่งมารู้ตอนหลัง ว่า ที่นี้ แพงกว่าที่อื่น!)
แล้วก็ทำพาสปอร์ต,วีซ่า แม่บอกว่าให้ไปจัดการเอง "ใครเป็นคนไป?" 'ด้ายยยยเลยแม่' ( ขี้เกียจ แต่เถียงไม่ออก)
2เดือนผ่านไป
'อึดอัดมาก!!' ความรู้สึก ณ ตอนอยู่ในกระป๋องลอยฟ้าของสายการบินหนึ่ง สักพักเริ่มปวดหัว จะนอนก็นอน ไม่หลับ “เอาวะ ถึงเวลามาราธอน!! ไหนๆก็นอนจ่ายไปตั้งแพง จะมานอนก็ใช่เรื่อง" เลยจัดหนังไป 4 เรื่อง ติดๆ (ก็ยังรู้สึกไม่คุ้มกับตังที่จ่ายไปเลย....)
ลงเครื่อง แอบมีความคิด อยากจะหันหลังกลับแต่ก็ สายไปเสียล่ะ (โว๊ะฮ่าๆๆ รู้สึกตัวช้าไปนะ)
ยิ่งความรู้สึกตอนที่ “บ๊ายบาย” พี่แอร์ นี่ยิ่งยากเกินจะบรรยาย ('อย่าทิ้งผม ปายยยย T^T') รู้สึกอ้างว้างมากก
'คนไทยยย ลาก่อย'
(ตอนนั้น ยังหารู้ไม่ ว่าSydney กลายเป็นเมืองขึ้น คนไทยแล้ว โว๊ะฮ่าๆๆ)
ที่ออสเตรเลีย ด่านตรวจคนเข้าเมือง เข้มมาก ตม.ก็หน้าโหด ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เดินก้มหน้าเข้าคิว ทำตัวเป็นพลเมืองดี จนออกมาได้โดยปลอดภัย (โล่งอก แต่…) ต้องทำอะไรต่อล่ะ!? รู้สึก หลงทางอย่างบอกไม่ถูก ณ ตอนนั้น
แล้วก็เห็น ตาลุงฝรั่งคนนึง ยืนถือป้าย ชื่อโรงเรียนเราอยู่ ก็เข้าไปทักทาย
“Hello welcomes .Are you ...... (จำชื่อไม่ได้ ขอเรียกว่า มนุษย์เคราดก)?”
”เยสสสส” ในใจคือ ห้ะ!?
(นึกว่าเค้า สะกดชื่อเราผิด เพราะ มันสองพยางค์แต่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงเลยนะ ฮา)
แล้วเค้าก็บอก ต้องรอนักเรียนอีกคนนึง ให้ไปนั่งรอก่อน
ตาก็มองไปเห็น วัยรุ่นคนนึง อายุใกล้เคียงกัน ที่กระเป๋าแปะป้ายโรงเรียนเดียวกันด้วยย เข้าไป make friend ซะหน่อย (ฮิฮิ มีเพื่อนแล้ว)
คุยกับเพื่อนใหม่แบบ ไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ประมาน 10 นาที ลุงคนกลับก็ เดินกลับมา พร้อมกับบ่นๆ ว่า อีกหายไปไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวไปส่งเราก่อน ก็แล้วกัน แล้วทันเหมือนตาแก จะเห็น เพื่อนใหม่ของเรา (และป้าย โรงเรียนที่กระเป๋า)
ป๊าป!
“Are you *(ชื่อเรา)* ?”
“NO,my name is มนุษย์เคราดก” เคราดกตอบ แบบยิ้มๆ
ลุงหันหน้ามาทำตาค้อนเล็กๆ
รอกันมา 10 นาที ความผิดครายยยยยยย
นั่นสิความผิดใคร 5555
ปล.ที่ ออส ตอนช่วงที่ไปหน้าหนาวพอดี ออกมาจากสนามบินนี่ ไข่สั่นกันเลยทีเดียว
ปล.2มนุษย์เคราดก เป็นคน สวิสต์เซอแลนด์
ภายในรถโตโยต้า ฝรั่งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน ปล่อยคนเอเชีย นั่งเจี๋ยมๆ
โรงเรียนที่เราไปเรียน เค้าจะมีให้เลือก ระหว่าง อยู่กับโฮส เป็น home stay หรือเป็น หอพัก (เรียกว่า อพาร์ทเม้นท์ ดีกว่า)
เราเลือกแบบโฮส (อยากสัมผัส ชีวิตของคนต่างชาติ)
พอแวะส่ง มนุษย์เคราดกที่อพาร์ทเม้นท์ นักเรียนเสร้จ เค้าก็ต้องไปส่งเราที่โฮส
ก่อนมาเราก็ดูแผนที่บ้านโฮสไว้แล้ว มันอยู่ย่านในเมือง เยื้องไปทางใต้นิดหน่อย
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ลุงแก พาขึ้นเหนือมาแล้วจ้าาา ข้ามสะพาน ออกนอกเมืองมาล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนั้นก็คิดว่า เค้าคงไปทำธุระก่อนม้างงง
40 นาทีผ่านไป (มันไกลมากกกก ถ้าเทียบกับการเดินทาง ในกรุงเทพ)
"ใกล้ ถึงแล้วว" ตอนลุงแกพูดแบบ นั้น ผมนี่ชัวร์เลย '
ส่งผิดล่ะ! รับผิดคนป่าวเนี่ยยยยยย!?'
"โนๆ ลุงแน่ใจป่าวเนี่ย"
ลุงแกก็ ดูเอกสาร(ของแก) อีกรอบ "Sure! , เนี่ย โฮส ชื่อลูซี่ใช่มั๊ย"
แล้วก้หยุดรถอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
"NO" ผมก็เอาเอกสารของผม ที่ได้มาจากสำนักที่ไทยให้แกดู เท่านั้นแหละครับ เหวอ-เรียบ
ลุงก็เหวอ ผมก็เหวอ น้ำตาจิไหล
ตะลอนๆ ในออสเตรเลียบ [เรื่องเล่าประสบการณ์]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมเคยเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ ไม่เคยไปต่างประเทศเลย แม้แต่ขึ้นเครื่องบินนี่ยิ่งไม่เคย
ตอนแรกก่อนจะไปก็ไม่ได้นึกหรอกนะครับ ว่าจะมีความคิดแบบนี้ เรื่องมันเริ่มจากอกหักครับ (ฮ่าๆ)
แรกๆ ข้าวก็กินไม่ลง ช่วงนั้นปิดเทอมด้วย ว่าง ไม่มีอะไรทำ ยิ่งว่างก็ยิ่งเพ้อ จนคิดว่าอยากจะทำยังให้มันดีขึ้น เลยมีความคิดหนึ่งขึ้นมา
'เอาวะไปไง ก็เป็นกัน หาเรื่องให้มันยุ่งๆไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งว่าง กินอะไรไม่ลง'(หิว ก็หิว)
นั่นแหละครับ ที่มาของเรื่อง awkward ต่างๆ ทั้งขำ ทั้งเซ็ง แต่ก็ประสบการณ์ใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ
ชื่อเรื่อง 'หนีรักไปต่างแดน' … (ไม่ใช่ล่ะ!)
พอมีไอเดียนี้ขึ้นมาก็ บอกที่บ้าน (แม่ก็เห็นว่า ว่างๆ โตแล้ว อยากอะไรมั่ง ดีกว่ามานั่ง ให้แมลงวันแย่งข้าวกิน) ว่าอยากไปต่างประเทศ ในใจตอนนั้นก็ อยากไป work แต่ที่บ้านก็เห็นว่า ไปต่างประเทศครั้งแรก ไปเรียนดีกว่ามั๊ย มีคนคอยดูแล ไปอยู่กับโฮส จะได้ไม่ต้องลุยเกินไป
เอออ ช่ายย... ลืมนึกไปเลย ไอ้เรานึกแต่ว่าจะไป ลุยอย่างเดียว (ลืมไปแม้แต่ว่า ภาษาอังกฤษตัวเองนี่ ถึงขั้นห่วยแตก ตอน ม.ปลายนี่ เจอสอบทีไร ต้องตามไปซ่อมทุกที)
ตอนเลือกประเทศ ก็มี 3 ประเทศ อยู่ในใจ USA UK และก็ AU
อเมริกา ก็ดูวุ่นวายเกินไป คนก็หลากหลาย(โดนไซโคร ก็เริ่มกลัว ฮา...) จะอังกฤษสำเนียง British ก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง สุดท้ายก็ มาจบที่แดนจิงโจ้(ไป Sydney นะครับ) ตอนนั้นคิดว่า มันดูวุ่นวายน้อยสุดล่ะ (มโน)
เริ่มก็ไปติดต่อโรงเรียน ที่เค้ามีสาขาในไทย โรงเรียนหนึ่ง(พึ่งมารู้ตอนหลัง ว่า ที่นี้ แพงกว่าที่อื่น!)
แล้วก็ทำพาสปอร์ต,วีซ่า แม่บอกว่าให้ไปจัดการเอง "ใครเป็นคนไป?" 'ด้ายยยยเลยแม่' ( ขี้เกียจ แต่เถียงไม่ออก)
2เดือนผ่านไป
'อึดอัดมาก!!' ความรู้สึก ณ ตอนอยู่ในกระป๋องลอยฟ้าของสายการบินหนึ่ง สักพักเริ่มปวดหัว จะนอนก็นอน ไม่หลับ “เอาวะ ถึงเวลามาราธอน!! ไหนๆก็นอนจ่ายไปตั้งแพง จะมานอนก็ใช่เรื่อง" เลยจัดหนังไป 4 เรื่อง ติดๆ (ก็ยังรู้สึกไม่คุ้มกับตังที่จ่ายไปเลย....)
ลงเครื่อง แอบมีความคิด อยากจะหันหลังกลับแต่ก็ สายไปเสียล่ะ (โว๊ะฮ่าๆๆ รู้สึกตัวช้าไปนะ)
ยิ่งความรู้สึกตอนที่ “บ๊ายบาย” พี่แอร์ นี่ยิ่งยากเกินจะบรรยาย ('อย่าทิ้งผม ปายยยย T^T') รู้สึกอ้างว้างมากก
'คนไทยยย ลาก่อย'
(ตอนนั้น ยังหารู้ไม่ ว่าSydney กลายเป็นเมืองขึ้น คนไทยแล้ว โว๊ะฮ่าๆๆ)
ที่ออสเตรเลีย ด่านตรวจคนเข้าเมือง เข้มมาก ตม.ก็หน้าโหด ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เดินก้มหน้าเข้าคิว ทำตัวเป็นพลเมืองดี จนออกมาได้โดยปลอดภัย (โล่งอก แต่…) ต้องทำอะไรต่อล่ะ!? รู้สึก หลงทางอย่างบอกไม่ถูก ณ ตอนนั้น
แล้วก็เห็น ตาลุงฝรั่งคนนึง ยืนถือป้าย ชื่อโรงเรียนเราอยู่ ก็เข้าไปทักทาย
“Hello welcomes .Are you ...... (จำชื่อไม่ได้ ขอเรียกว่า มนุษย์เคราดก)?”
”เยสสสส” ในใจคือ ห้ะ!?
(นึกว่าเค้า สะกดชื่อเราผิด เพราะ มันสองพยางค์แต่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงเลยนะ ฮา)
แล้วเค้าก็บอก ต้องรอนักเรียนอีกคนนึง ให้ไปนั่งรอก่อน
ตาก็มองไปเห็น วัยรุ่นคนนึง อายุใกล้เคียงกัน ที่กระเป๋าแปะป้ายโรงเรียนเดียวกันด้วยย เข้าไป make friend ซะหน่อย (ฮิฮิ มีเพื่อนแล้ว)
คุยกับเพื่อนใหม่แบบ ไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ประมาน 10 นาที ลุงคนกลับก็ เดินกลับมา พร้อมกับบ่นๆ ว่า อีกหายไปไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวไปส่งเราก่อน ก็แล้วกัน แล้วทันเหมือนตาแก จะเห็น เพื่อนใหม่ของเรา (และป้าย โรงเรียนที่กระเป๋า)
ป๊าป!
“Are you *(ชื่อเรา)* ?”
“NO,my name is มนุษย์เคราดก” เคราดกตอบ แบบยิ้มๆ
ลุงหันหน้ามาทำตาค้อนเล็กๆ
รอกันมา 10 นาที ความผิดครายยยยยยย
นั่นสิความผิดใคร 5555
ปล.ที่ ออส ตอนช่วงที่ไปหน้าหนาวพอดี ออกมาจากสนามบินนี่ ไข่สั่นกันเลยทีเดียว
ปล.2มนุษย์เคราดก เป็นคน สวิสต์เซอแลนด์
ภายในรถโตโยต้า ฝรั่งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน ปล่อยคนเอเชีย นั่งเจี๋ยมๆ
โรงเรียนที่เราไปเรียน เค้าจะมีให้เลือก ระหว่าง อยู่กับโฮส เป็น home stay หรือเป็น หอพัก (เรียกว่า อพาร์ทเม้นท์ ดีกว่า)
เราเลือกแบบโฮส (อยากสัมผัส ชีวิตของคนต่างชาติ)
พอแวะส่ง มนุษย์เคราดกที่อพาร์ทเม้นท์ นักเรียนเสร้จ เค้าก็ต้องไปส่งเราที่โฮส
ก่อนมาเราก็ดูแผนที่บ้านโฮสไว้แล้ว มันอยู่ย่านในเมือง เยื้องไปทางใต้นิดหน่อย
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ลุงแก พาขึ้นเหนือมาแล้วจ้าาา ข้ามสะพาน ออกนอกเมืองมาล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนั้นก็คิดว่า เค้าคงไปทำธุระก่อนม้างงง 40 นาทีผ่านไป (มันไกลมากกกก ถ้าเทียบกับการเดินทาง ในกรุงเทพ)
"ใกล้ ถึงแล้วว" ตอนลุงแกพูดแบบ นั้น ผมนี่ชัวร์เลย ' ส่งผิดล่ะ! รับผิดคนป่าวเนี่ยยยยยย!?'
"โนๆ ลุงแน่ใจป่าวเนี่ย"
ลุงแกก็ ดูเอกสาร(ของแก) อีกรอบ "Sure! , เนี่ย โฮส ชื่อลูซี่ใช่มั๊ย"
แล้วก้หยุดรถอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
"NO" ผมก็เอาเอกสารของผม ที่ได้มาจากสำนักที่ไทยให้แกดู เท่านั้นแหละครับ เหวอ-เรียบ
ลุงก็เหวอ ผมก็เหวอ น้ำตาจิไหล