[CR] กระทู้ด่วน ของร้อน พรีวิว apple watch

กระทู้รีวิว
ปลายปีที่แล้ว apple สร้างความตื่นเต้นให้กับสาวกทั่วโลก (ผมก็คนนึง) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ใหม่ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือนาฬิกาข้อมือ (Smartwatch) เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ใหม่มากเพราะหลายแบรนด์ก็เริ่มทำมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ Cookoo / Pebble / Android Wear อย่าง Moto 360 หรือ LG / Samsung Gear หลากหลายรุ่น แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น apple ความคาดหวังก็ย่อมสูงเป็นปกติ



และแล้วความคาดหวังก็มาถึงมือของผมจนได้ (โดยการยืมเพื่อนที่ไปหอบมาจากเมืองนอก ฮ่าๆๆ) งานนี้รีวิวโดยใช้งานมา 2-3 วัน อาจจะยังไม่สมบูรณ์นัก แต่มีหลายเรื่องที่อยากมาเล่าให้ฟังกันครับ

เอาตรงๆ ความคาดหวังของผมจะว่าสูงก็สูง เพราะ apple มีข่าวเกี่ยวกับ apple watch มาโดยตลอด มีการดึงตัวผู้เชี่ยวชาญจากค่ายนาฬิกา Swiss มาทำงานด้วย มีผู้เชี่ยวชาญจากวงการแฟชั่นอย่าง Paul Deneve จาก YSL มาดูแลโครงการ มีการวิจัยเรื่องสุขภาพมากกว่า 12 พร้อมผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการนอน สุดท้ายยังมีการดึงตัว Angela Ahrendts จาก Burberry มาปรับปรุงเรื่องการจัดจำหน่ายให้ ยังไม่นับดีไซน์เนอร์ตัวพ่ออย่างท่านเซอร์ Jony Ive ที่หมายมั่นปั้นมือมา ทุกอย่าง ถูกเตรียมการให้การเปิดตัว apple watch ให้เปรี้ยงปร้าง

สิ่งที่ยังเป็นที่กังขาของแฟนๆ ก็คือ
1. แบตเตอรี่ที่บอกว่าใช้ได้ประมาณ 18 ชม. จะอยู่รอดครบวันหรือไม่
2. มี apple watch แล้วทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นจริงหรือ?

เข้าเรื่องกันดีกว่า



apple watch ที่เพื่อนผมให้ยืมมา เป็นรุ่น apple watch ปกติครับ (มีอีก 2 รุ่น คือ Sports และ รุ่น Edition) ทั้งสายที่เป็นสายถักและตัวเรือนทำจาก Stainless Steel มันวาว ขนาดตัวเรือน 42 มม. เรียกว่าเป็นรุ่นที่เน้นเรื่องการใส่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าความไฮเอนด์ หรือการออกกำลังกาย (แต่ทุกรุ่นก็มี spec และ feature เหมือนกัน ต่างกันตรงวัสดุและขนาด)

เรื่องแรกที่ต้องรู้ apple watch ต้องใช้คู่กับ iPhone ที่ลง iOS 8.2 เท่านั้น (iPad หมดสิทธิ์ในตอนนี้) ซึ่งรองรับเฉพาะ iPhone 5 ขึ้นไป รุ่นนอกเหนือจากนี้ไม่รองรับ สาเหตุที่ต้องเชื่อมต่อเอาไว้ เพราะการจัดการตัว apple watch ทั้งหมดจะทำผ่าน app ที่ชื่อ apple watch ใน iPhone ตั้งแต่การตั้งค่าต่างๆ การจัดเรียง application ถ้าได้ apple watch มาแล้ว และไม่ได้เชื่อมต่อ iPhone ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

สำหรับการรีวิวแกะกล่อง เช่นเคยครับ ผมแนะนำให้ดูรีวิวจากคุณ Spin9 ที่มีการรีวิวเอาไว้ค่อนข้างละเอียดที่ http://spin9.me/2015/04/26/review-apple-watch/ ส่วนผมเองจะเล่าประสบการณ์จากการใช้งานในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

และนี่คือ 7 หัวข้อ เกี่ยวกับ apple watch ที่ผมขอรีวิวจากการใช้งานจริงครับ



1. การออกแบบตัวเรือน วัสดุ และนาฬิกาที่เป็นเครื่องประดับ
สิ่งที่โดดเด่นอย่างแรกคือ ตัวเรือนหน้าจอสี่เหลี่ยมที่ดูธรรมดากว่าเมื่อเทียบกับ android wear หลายรุ่นที่เป็นเรือนกลม และความหนาของตัวเรือนที่ดูจากรูป แต่ apple ก็ทดแทนด้วยการใช้กระจกนูนโค้งมน และวัสดุระดับพรีเมี่ยม ตอนดูจากรูปและวีดีโอยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่พอได้เห็นของจริง ได้ลองใส่ปุ๊บ เฮ้ย.. มันใช่ ดูดี สวยกว่าที่เห็นในรูปเยอะเลย



ซึ่ง apple watch ยังแบ่งเป็น 3 Series เรียงตามราคาได้ตามนี้ครับ
   - apple watch Sports รุ่นนี้ถูกที่สุด ราคาเริ่มต้นที่ 10,500 บาท ใช้วัสดุตัวเรือนเป็น aluminium alloy สี Silver และ Space Grey เพื่อความเบา คล่องตัว และสายเป็น Fluoroelastomer กันเหงื่อ ซึ่งเหมาะกับการออกกำลังกาย (ถ้าเทียบกลุ่มเป้าหมายน่าจะประมาณ G-Shock / Baby-G แต่ราคาแพงกว่ากันหลายเท่า)
   - apple watch รุ่นธรรมดา ราคาเริ่มต้นที่ 16,500 บาท ทำจากวัสดุที่เป็น stainless steel สีโลหะและสี Space Black ดูดีเทียบเท่านาฬิการะดับ Premium ตัวสายเองมีให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ สายยาง สาย stainless steel ถัก สายหนัง สาย Buckle และสาย Link Bracelet เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวันทั่วไป (เทียบเท่ากลุ่มนาฬิการะดับ Guess / Citizen / Issey Miyake / Seiko)
   - apple watch Edition ที่สุดของความหรูหราจาก apple เน้นความ Luxury ราคาเริ่มต้นที่ 300,000 บาท! โดยวัสดุทำจากทองคำแท้ 18k สี Rose Gold และ Yellow Gold สายมีให้เลือกระหว่างสาย Buckle และสายยาง (เทียบเท่ากลุ่มนาฬิกาสวิส เช่น Rolex / Pannarai / Tag Heuer ราคาก็เทียบเท่ากับกลุ่มนี้เหมือนกัน)

นอกจากนี้ยังทุกรุ่นยังมีออกมา 2 ขนาด คือ เรือนใหญ่ 42 มม และเรือนเล็ก 38 มม สามารถซื้อสายมาเปลี่ยนข้ามรุ่นกันได้หมด ส่วนเรื่อง Function ไม่ต้องห่วงนะครับ ทุกรุ่นเหมือนกันหมด

เรื่องการออกแบบและวัสดุของ apple watch ตอบโจทย์อย่างแรกที่ Smartwatch อื่นๆ ยังทำได้ไม่ดีมากนัก คือทำให้ผู้ใช้ อยากใส่มันทุกวัน เปลี่ยนสายได้ และไม่ได้ดู Geek ถ้าลองดูคู่แข่งหลายๆ รายก็ยังมีความ Geek ที่อาจจะทำให้สาวๆ ลำบากใจในการใส่อยู่บ้าง แต่ apple watch ออกแบบมาเพื่อทลายกำแพงแรกนี้ลงไปได้ (อีกรุ่นที่ดูดีไม่แพ้กันคือ LG G watch R เรือนกลมสวย ดูดีทีเดียว)



ขึ้นชื่อว่า apple watch หน้าที่อย่างแรกของมันคือ watch หรือนาฬิกาข้อมือ ตอนที่เปิดตัว apple ก็ได้บรรยายความเทียงตรงของระบบนาฬิกาเอาไว้อย่างละเอียด สามารถเทียบค่าได้แม่นยำกว่านาฬิกา digital อื่นๆ มากมาย แต่ลูกเล่นที่ Smartwatch ทุกรุ่นทำได้ คือการเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา โดย apple watch จะมีหน้าปัดมาให้เลือก 8 แบบ และสามารถปรับเปลี่ยนได้เล็กน้อย เช่น ปรับสี เปลี่ยนการแสดงค่าวันที่ แบตเตอรี่ หรือเลือกรูปผีเสื้อ แมงกะพรุน ดอกไม้ ในอนาคตน่าจะมี Update ออกมาให้ปรับเพิ่มเติมได้อีก

เรื่องงานออกแบบและวัสดุ ตามที่ได้สัมผัสมาถือว่าสอบผ่านฉลุย ดูดีกว่ารูปและวีดีโอที่เคยปล่อยออกมา ของจริงงดงามตามความคาดหวัง

2. การใช้งาน การควบคุม และประสิทธิภาพ
พอหน้าจอขนาดเล็ก เราก็ไม่สามารถใช้การสัมผัสได้คล่องเหมือนบน Smartphone หรือ Tablet ดังนั้น การสัมผัสที่ยังมีอยู่เลยถูกลดความสำคัญลงไป แล้วแทนที่ด้วยระบบการควบคุมแบบใหม่ ซึ่งยอมรับว่ายังต้องใช้เวลาเรียนรู้อยู่พอสมควร Geek อย่างผมก็ใช้เวลาเล่นอยู่ครึ่งวันถึงจะคล่อง

การควบคุมแบบใหม่ จะใช้การแตะจอ กดจอ กดปุ่ม หมุนปุ่ม และพูด ร่วมกัน 5 อย่าง อธิบายยากจัง ลองนึกภาพเวลาใช้ iPhone เราจะแตะจอไปเรื่อยๆ พออยากกลับไปหน้าหลักก็กดปุ่ม Home ใน apple watch ก็มีปุ่มลักษณะนี้ แต่มันหมุนได้ด้วย และหน้าตาเหมือนเม็ดมะยมในนาฬิกาข้อมือทั่วไป โดยมีชื่อว่า “Digital Crown”



การใช้ Digital Crown ทำได้สองอย่าง คือ กด กับ หมุน โดยเราจะ กด เพื่อกลับไปยังหน้าปัดนาฬิกา หรือไปหน้า Home ที่มี application icon มากมาาย และหมุน เพื่อ Scroll หรือ Zoom ในพื้นที่ที่แตะหรือไถจอไม่สะดวกครับ ตัวปุ่มหมุนได้ง่ายกว่าที่คิด แค่แตะแล้วถูก็หมุนได้ ไม่ต้องเอานิ้วสองนิ้วมาจับแล้วหมุน

แต่การควบคุมแบบใหม่ ดูจะใช้เวลาปรับตัวและเรียนรู้อยู่พอสมควร ผมเองใช้เวลาประมาณครึ่งวันถึงจะคล่อง อย่างไรก็ตาม การ Scroll ในพื้นที่ใหญ่ๆ ยังทำได้โดยการแตะและไถหน้าจอได้ครับ

ข้างๆ digital crown จะมีปุ่มอยู่ปุ่มนึง ที่ทำหน้าที่หลายอย่างมาก เรียกว่า Communication Button
กดหนึ่งครั้ง เอาไว้ใช้เรียก favorite contact โดยแสดงได้สูงสุด 12 คนตามตำแหน่งเลขบนนาฬิกา
กดสองครั้ง ใช้ apple pay (ในไทยยังใช้อย่างเป็นทางการไม่ได้)
กดค้าง ใช้สำหรับเปิด/ปิดเครื่อง หรือเข้า Power Reserve
ปุ่มนี้ แรกๆ งงสุดๆ ครับ พูดเลย



ระบบสัมผัสของ apple watch มีสิ่งที่เรียกว่า Force Touch หรือ การกดหน้าจอ โดยหน้าจอจะรับแรงที่มากกว่าการแตะปกติ (คือต้องกดแรงๆ) หลังจากลองกดด้วยน้ำหนักต่างๆ กัน พบว่า มันก็แยกแยะได้ดี ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจกดจริงๆ ระบบก็จะไม่ทำงาน กลายเป็นการแตะเฉยๆ

ซึ่งประโยชน์ของ Force Touch ทำให้นักพัฒนาแอพสามารถซ่อนปุ่มออกจากหน้าจอได้ เช่น การเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา ปุ่มลบอีเมล หรือการกดจอเพื่อโชว์ปุ่ม Shuffle ใน Music ก็จะใช้ Force Touch เหมือนกันครับ



มาถึง Siri ที่ผู้ใช้ iPhone รู้จักกันดี ข่าวร้ายคือ Siri ยังไม่รองรับภาษาไทยนะครับ ถ้าจะใช้ ต้องไปปรับ Siri ใน iPhone เป็นภาษาอังกฤษก่อน เราสามารถเรียก Siri ได้โดยการกด Digital Crown ค้างไว้ หรือ พูดคำสั่ง “Hey, Siri” ก็สามารถเรียกใช้งานได้ตามปกติ (ถ้าผลของคำสั่งคือการ Search หรือค้นหา ระบบจะแจ้งให้หยิบ iPhone มาดู เพราะหน้าจอ apple watch เล็กไปนั่นเอง)



การดูข้อมูลบน apple watch ไม่สามารถดูรายละเอียดจำนวนมากได้เพราะจอเล็ก เลยมีสิ่งที่เรียกว่า Glances (แปลว่าดูแวบเดียว) ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่เรากำหนดได้ว่าอยากดูข้อมูลอะไรที่เป็น “ปัจจุบัน” บ้าง เช่น นัดหมายถัดไป แบตเตอรี่ ข่าวอัพเดท หุ้น หรือแม้แต่ Instagram ล่าสุด 3 รูปใน Feed ของเรา ตัวนี้มีประโยชน์พอสมควรโดยเฉพาะตอนที่ตื่นนอนตอนเช้าๆ ถ้าใครเป็น android user ลองนึกถึง google now ดูครับ ค่อนข้างใกล้เคียงกัน



มีหนึ่ง Feature ที่น่าจะมีประโยชน์เวลาถ่ายรูปหมู่ คือ Camera Remote ซึ่งเราสามารถใช้ apple watch เชื่อมต่อกล้องใน iPhone ในการเล็ง และกด shutter ได้ แต่ไม่สามารถใช้ถ่ายวีดีโอได้นะครับ ก็พอมีประโยชน์เวลาถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ ได้ นอกจากนี้ สาวๆ ที่ไม่พอใจกล้องหน้าของ iPhone ก็ใช้กล้องหลัง Selfie ได้แล้ว โดยดูจอ apple watch แทนได้



การเล่นเพลงใน apple watch โดยทั่วไปสามารถเล่นเพลงที่มีใน iPhone ได้เลย (ผมใช้ iTunes Match ก็สามารถ Stream เพลงได้ตามปกติ) แต่เพลงจะดังจากลำโพงของ iPhone นะครับ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ apple watch เพื่อทำ AirPlay ไปเปิดเพลงในลำโพงนอกได้ด้วย ซึ่งจะเล่าให้ฟังทีหลังครับ

3. แอพพลิเคชั่น

ข้อดีอย่างหนึ่งของ apple watch ที่เหนือกว่า Brand อื่นๆ คือมี application รองรับจำนวนมาก โดยแอพบน apple watch เกือบทุกตัวจะต้องมีแอพพื้นฐานอยู่ใน iPhone ด้วย เช่น instagram ก็ต้องมีอยู่ใน iPhone เมื่อจะลงแอพใน apple watch เราก็สามารถเข้าไปกดลงผ่าน iPhone ได้เลย



แอพที่มีประโยชน์ไม่น้อยคือแอพที่เน้นการแจ้งเตือน (Notification) โดยเฉพาะเหล่า Social App ยอดนิยมอย่าง LINE / Twitter หรือ facebook messenger ซึ่งเราสามารถอ่าน และตอบโดยใช้ Sticker ได้เลยครับ ส่วน Twitter ยังไม่ได้ลองนะครับ ผมไม่ได้ใช้อะ



แอพที่ดูจะไม่ค่อยเวิร์คน่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการพื้นที่แสดงผลมากๆ เช่น Instagram หรือ Photo ที่จะแสดงผลรูปเล็กมากๆ คือมันเล็กจริงๆ เวลาเลือกรูปใน Photo ก็ต้องจิ้มแล้ว zoom ให้ถูกรูปอีก เรียกว่าถ้าลำบากนักก็เปิดดูใน iPhone เถอะครับ



แอพของไทยก็มีนะครับ ทำออกมา Support ได้รวดเร็วมาก ที่ผมใช้อยู่ก็คือ Wongnai แอพค้นหาและรีวิวร้านอาหาร ซึ่งการแสดงผลก็จะแสดงข้อมูลที่จำเป็น สามารถค้นหาร้านรอบๆ ตัวได้ โดยเพ่งดูรูปที่ขึ้นมาแสดง (รูปเล็กจริงๆ) ส่วนรายละเอียดก็เปิดดูใน iPhone เหมือนเดิมครับ

*edit แก้ไขรูปนิดนึงครับ
(มีต่อ)
ชื่อสินค้า:   Apple Watch
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่