ก่อนอื่นต้องขอบอกว่ารีวิวนี้เป็นมุมมองจากการชมหนังเรื่องนี้ของผม ที่มีความรู้สึกที่ดีและมีความสุขมากๆหลังจากดูหนังเรื่องนี้ และนี่ก็เป็นกระทู้แรกของผมเลย55 อาจมีการพิมพ์ผิดๆถูกๆบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบ
บอกก่อนเลยว่าความคิดเห็น มุมมองจากการดูหนังของแต่ละคนมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว อย่ามองจากความเห็นของคนอื่นเพียงด้านเดียว เพราะอาจจะทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะได้เห็นสิ่งดีๆ ที่มันอาจจะให้แง่คิด ให้สิ่งที่คุณอาจจะเอาไปเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวคุณให้ดีขึ้นก็ได้ เหมือนกับหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ผมเห็นมุมมองเรื่องของครอบครัวและความรักในหลายๆด้านมากขึ้นจากเมื่อก่อน สิ่งสำคัญที่ผมอยากได้จากการดูหนังนอกจากองค์ประกอบอย่างอื่น เช่น ฝีมือนักแสดง, ภาพและเสียง ก็คือข้อคิดหรือสิ่งที่จะทำให้ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะนำไปแก้ไขตัวเองและใช้ได้ในชีวิตจริง
หลายครั้งที่มีคนมาบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดี ไม่สนุก แต่เวลาผมไปดูเองกลับมองว่าเป็นหนังที่ดีมากๆ หรือหนังที่คนอื่นบอกว่าดีมาก แต่พอไปดูจริงๆแล้วผมกลับมีความคิดเห็นที่ตรงข้ามเลย...ทุกครั้งที่ผมจะดูหนังจึงจะไม่ตัดสินหนังจากความคิดเห็นใคร นอกจากผมจะได้ไปดูด้วยตาตัวเอง
หนังเรื่องสี่เส้า หรือ Love is นี้เป็นหนังที่ให้มุมมองทั้งในเรื่องของความรักที่แตกต่างกันในทั้ง 4 ตัวละครหลัก ทำให้รู้ว่าคนเรามีสองด้านเสมอ บางคนอาจเป็นคนที่กตัญญูและเสียสละในเรื่องครอบครัวมาก แต่ในเรื่องของความรักเค้าก็อาจจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดก็ได้ ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ดูแล้วอบอุ่นมาก ตลอดทั้งเรื่องไม่รู้สึกเลยว่าช่วงไหนที่มันน่าเบื่อ เพราะมัวแต่เก็บรายละเอียดของสีหน้า แววตา คำพูดของนักแสดง ที่ดูแล้วมันทำให้รู้สึกไปกับตัวละครตลอด แล้วก็ต้องคอยมองดูภาพบรรยากาศที่เป็นฉากในเรื่องที่ต้องยอมรับเลยว่าสวยมากกกๆๆๆ ภาพคมชัดจริงๆ สถานที่หลักคือดอยแม่สลองและสถานที่สำคัญในจังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่ รวมถึงเพลงที่ผมคิดว่าเค้าเลือกได้เหมาะกับแต่ละฉากในหนังมาก มีเพลงจีนที่ผมไม่ค่อยรู้จักบ้างแต่ฟังแล้วทำให้ภาพในหนังที่สื่อถึงคนจีนยูนนานมันชัดขึ้น และองค์ประกอบย่อยอื่นๆ ทั้งนักแสดงที่เล่นเป็นอาม่า พ่อแม่ของกมล ภาพที่นักแสดงสวมชุดครุยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ฉากในหมู่บ้านคนจีน โรงเรียนที่นักแสดงเป็นเด็กชาวเขาจริงๆ และอีกหลายๆองค์ประกอบที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูลงตัวมากขึ้น
นักแสดงหลักของเรื่องทั้ง4คน ต้องบอกเลยว่าตีบทแตกกันทุกคน ใครเป็นแฟนคลับใครรับรองคุณจะยิ่งหลงรักเค้ามากขึ้นไปอีกแน่นอน!!!
เต้ย พงศกร-กมล ในบท กมล คนที่มั่นคงในความรักมาตลอด ยอมเสียสละความสะดวกสบายที่เมืองกรุงเพื่อจะได้มาแต่งงานอยู่กับอาฉิงบนดอย ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้ถ่ายทำมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว เมื่อก่อนอาจจะยังไม่มีใครรู้จักเต้ยเท่าไหร่ ถือว่าบทนี้เต้ยทำได้ดีเลย โดยเฉพาะตอนที่ตาบอดแล้ว แววตาและท่าทางทำให้เชื่อว่าเค้ามองไม่เห็นอะไรจริงๆ ชอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากที่เต้ยสัมผัสตัวอาฉิงครั้งแรกหลังรู้ว่าตัวเองตาบอด มันทำให้รู้สึกเลยว่าถ้าวันนึงเรามองไม่เห็นคนที่เรารักแล้วเราจะรู้สึกยังไง กมลไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวที่ตัวเองตาบอดแล้วยังยืนยันที่จะขอแต่งงานและไปอยู่กับอาฉิง แต่อาฉิงคือกำลังใจที่ดีที่ทำให้กมลสามารถต่อสู้ชีวิตต่อไปได้มากกว่า
ฟาง ธนันต์ธรญ์-อาฉิง เป็นคนมองโลกในแง่ดี มีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิตที่ดี ตั้งใจจะเป็นครูเพื่อสอนนักเรียนที่ด้อยโอกาสบนดอยและขอเลือกที่จะอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเองเพื่อจะได้ดูแลอาม่าที่รักมากที่สุดในชีวิต หลายคนอาจเคยเห็นภาพของฟางที่ดูแล้วสดใส น่ารักในมุมของนักร้องวง เฟย์ ฟาง แก้ว หรือเคยเห็นงานละครของฟางมาบ้าง แต่ในหนังเรื่องนี้ฟางถือว่าทำได้ดีมากๆๆๆถึงแม้จะเป็นหนังเรื่องแรก ทำให้เชื่อเลยว่าฟางกับอาฉิงมีทัศนคติ บุคลิกที่ใกล้เคียงกันมาก จุดเด่นของฟางที่เห็นชัดเลยคือแววตา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ไหนแววตาก็แสดงออกมาชัดมาก โดยเฉพาะตอนที่เศร้า ประทับใจหลายฉากเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทั้งตอนที่อาฉิงคุยกับอาเว่ยตรงใต้ต้นบ๊วย, ตอนที่อาฉิงรู้ว่ากมลตาบอดครั้งแรกที่โรงพยาบาล, ตอนที่อาฉิงมาเยี่ยมกมลที่บ้านแต่อาฉิงปิดปากไม่ให้มีเสียงร้องไห้เพื่อไม่ให้กมลรู้ว่าตัวเองเสียใจแค่ไหน รู้สึกจุกแน่นที่อกแบบบอกไม่ถูกเลยครับ แต่ฉากเวลาอายหรืออมยิ้มของฟางผมรับรองเลยว่าคนดูต้องใจละลายไปกับเธอคนนี้แน่นอน55 อาฉิง เป็นตัวละครที่ให้แง่คิดว่าความรักต่อผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าความรักแบบแฟนเสมอ เป็นคนเชื่อมั่นในความรักของตัวเอง หลายคนบอกว่าจะมีเหรอคนที่จะยอมแต่งงานกับคนตาบอดหรือพิการ ยอมเสียสละตัวเองเพื่อมาดูแลคนที่ตาบอด จะบอกว่าความรักแบบนี้มันมีจริงแน่นอน เพียงแต่ในชีวิตจริงมันอาจจะมีน้อยมากกก เพราะคนดีแบบนี้หาได้ยากในสังคมปัจจุบันนี้ แต่ถึงยังไงสุดท้ายคนดีก็ต้องได้รับสิ่งที่ดีเป็นการตอบแทนอยู่แล้วล่ะครับ เหมือนกับที่หนังสื่อออกมาในตอนท้ายเรื่อง
เวฟ คูเปย จง-อาเว่ย บทนี้ถือว่าเป็นบทที่เป็นตัวขับเคลื่อนของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ และเป็นบทที่เลือกนักแสดงได้เหมาะมากๆ ผมเชื่อว่าหลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรู้เลยว่าเวลานักแสดงตีบทแตกมันเป็นยังไง เวฟเล่นได้จนเชื่อว่าเค้าเป็นอาเว่ยจริงๆ ไม่ว่าจะมีความสุข หัวเราะ โกรธ เสียใจ ร้องไห้ ดูแล้วมันรู้สึกตามตัวละครนั้นเลย อาเว่ย เป็นคนที่สอนให้เห็นถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ชอบฉาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนอาเว่ยไปเตรียมยาและฉีดอินซูลินให้อาม่า เหมือนจะเป็นฉากเล็กๆแต่ทำให้ผมคิดเลยว่าเราดูแลคนใกล้ตัวได้ดีขนาดนี้แล้วหรือยัง, ฉากตอนอาเว่ยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนเด็กในวันเกิดของอาฉิง, ฉากสุดท้ายที่อาเว่ยไปบอกลาอาฉิงที่โรงพยาบาล แต่ด้านมืดของอาเว่ยในเรื่องของความรักก็ดูแย่มากๆเหมือนกับเป็นคนละคน รู้เลยว่าคนเราเวลาเห็นแก่ตัวมากๆมักจะทำสิ่งที่ไม่ดีจนบางครั้งมันกลับไปทำร้ายคนที่ตัวเองรัก จะเห็นชัดเลยว่าเวลาอาเว่ยคุยกับอาฉิงมันเหมือนเวลาที่เราพูดกับคนที่เราแอบรักแต่เค้าไม่ได้รักเรา แต่เวลาอาเว่ยคุยกับเสี่ยวผิงหรือกมลก็เห็นชัดเหมือนกันว่าเวลาเราไม่ชอบหรือเกลียดใครคำพูดหรือการกระทำมันก็จะเป็นอีกแบบเลย อาเว่ยเป็นตัวละครที่ทำให้ตอนจบของเรื่อง จะเป็นสิ่งที่ทุกคนพูดถึง และจะรู้สึกรักและเห็นใจตัวละครนี้มากขึ้นแน่นอนครับ
เวนดี้ หว่อง-เสี่ยวผิง ตัวละครนี้เหมือนจะบทบาทน้อยที่สุด แต่เป็นคนที่ทำให้องค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์ เสี่ยวผิงเป็นคนที่จะบอกว่าบางครั้งเวลาเรารักใครก็ไม่จำเป็นต้องได้รับความรักเป็นการตอบแทน แค่เราเห็นคนที่เรารักมีความสุขเราก็มีความสุขแล้ว เสี่ยวผิงเป็นที่ดูจะเข้าใจอารมณ์ของเพื่อนทุกคนดีที่สุด เพราะเป็นคนที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนคนอื่นเสมอ แต่ความรักของตัวเองกลับเศร้ามาก ตอนแรกไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำว่านักแสดงคนนี้เป็นใคร แต่พอดูแล้วอึ้งมาก ไม่น่าเชื่อว่าเป็นหนังเรื่องแรก เพราะเวนดี้แสดงได้ดีมากๆ ตีบทแตกกระจุย เป็นตัวละครที่ดูแล้วน่าสงสาร ชอบฉาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลังแต่งงานของอาเว่ยกับเสี่ยวผิง, ฉากตอนเสี่ยวผิงไปพบว่าอาเว่ยเสียชีวิต โหหห ดูแล้วบีบหัวใจมากก เศร้าไปตามตัวละครเลยครับ
ตลอดเวลาเกือบ2ชั่วโมง หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณได้แง่คิดหลายอย่างมาก เห็นมุมมองของการเลือกสิ่งที่จะทำกับคนที่เรารักในหลายรูปแบบ หนังทำให้คุณรู้สึกได้ไปกับอารมณ์ของแต่ละตัวละคร ทำให้ลุ้นตลอดว่ามันจะเป็นยังไงต่อ ได้ดูภาพบรรยากาศของดอยแม่สลองที่สวยมากจนอยากจะไปในวันนั้นเลย ฉากที่ผมประทับใจมากๆ คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากที่เขื่อนแม่กวง เขื่อนสวยมากแล้วเป็นฉากที่กมลนั่งเรือกับอาฉิง ดูไปยิ้มไปเลยครับ, ฉากตอนอาฉิงเดินผ่านสวนบ๊วยแล้วมีไอหมอก ความน่ารักของฟางทำให้นึกว่าเป็นฉากที่เกาหลีเลย, ฉากกมลคุยปรึกษากับเสี่ยวผิงที่ระเบียงแล้ววิวด้านหลังเป็นภูเขาหลายๆลูกซ้อนๆกัน สองคนนี้คุยกันแล้วมันเหมือนเพื่อนที่รู้ใจกันมากเลย จริงๆแล้วมีอีกหลายๆฉากเลยที่ประทับใจ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณยิ้มโดยไม่รู้ตัวและก็ทำให้คุณน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน แค่คุณเปิดใจให้กว้าง เปิดใจให้สบาย ผ่อนคลาย แล้วเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ ผมเชื่อเลยว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณมีความสุข รู้สึกอบอุ่นในใจ และคุณจะเก็บหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของคุณอีกเรื่องแน่นอน
สุดท้ายต้องขอขอบคุณผู้กำกับ ทีมงาน นักแสดงทุกๆคน ที่ทำให้มีหนังเรื่องนี้ขึ้นมา และขอให้มีผลงานดีๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และผมจะคอยติดตามผลงานดีๆแบบนี้ตลอดไปนะครับ
ปล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถึงจุดบกพร่องของหนังที่เห็นหลายคนพูดกัน ถึงความไม่สมจริงทางด้านการแพทย์ จริงแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้เนื้อเรื่องมันสมจริงทุกอย่าง แต่อยากให้มองหลายๆมุมดูว่าจริงๆแล้วจุดประสงค์ของหนังต้องการจะสื่ออะไร มีหนังหรือละครอีกหลายเรื่องที่ดูแล้วไม่จริงในทางการแพทย์เลย ไม่ว่าจะของไทยหรือต่างประเทศ ในมุมของหนังเรื่องนี้ผมคิดว่าเค้าก็ถือว่าสื่อออกมาได้ดีเลย ถึงจะมีบางจุดที่ยังดูอาจจะเป็นไปได้น้อย เช่น เรื่องที่บอกว่ากินอินซูลินแล้วไม่เป็นไร ผมบอกได้เลยว่ายาทุกตัวมีผลต่อร่างกายเสมอ ในหนังคุณไม่รู้เลยว่าอินซูลินตัวนั้นเป็นชนิดไหน ผสมเข้าไปปริมาณเท่าไหร่ จริงอยู่ที่อินซูลินต้องใช้โดยวิธีฉีดเพราะถ้ากินมันจะถูกกรดในกระเพาะย่อย แต่คุณรู้มั้ยว่าถ้ากินเข้าไปมันจะมีบางส่วนถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดหรือปล่าว หรือการเปลี่ยนกระจกตา ในหนังเห็นเลยว่ากมลไม่ได้เสียทั้งลูกตา หากตาบอดจากกระจกตาได้รับความเสียหายการเปลี่ยนกระจกตาก็สามารถที่จะเป็นไปได้ และตาบอดสีก็สามารถเกิดได้หลังจากได้รับอุบัติเหตุที่จอประสาทตาได้เช่นกัน ผมขอชมหนังเรื่องนี้ในการเลือกเอาวิธีทางการแพทย์มาทำให้คนเห็นมุมมองด้านอื่นมากกว่า เหมือนกับที่ผมบอกไปตอนต้นแล้วว่าชอบฉากที่ฉีดอินซูลินที่ผมไม่เคยเห็นในหนังเรื่องไหนมาก่อน หรือการใส่เครดิตในตอนท้ายว่าการบริจาคดวงตาสามารถทำได้และผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่น่ายกย่องมาก เหมือนเป็นการกระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของการบริจาคดวงตามากขึ้น แต่อาจต้องไปดูต่อว่าจะสามารถบริจาคได้ในกรณีใดบ้าง บางครั้งเราก็อาจจะไม่ต้องไปคอยจับผิดในบางประเด็นมากเกินไป เราอาจจะยอมละเลยในบางประเด็นหากมันไม่ได้ดูผิดพลาดร้ายแรงมาก เราเลือกที่จะเห็นสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อให้เราเห็นดีกว่า และผมเชื่อว่าข้อผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นเค้าก็พร้อมที่จะนำไปแก้ไขปรับปรุงต่อไปแน่นอนครับ
สี่เส้า (Love is) หนังที่จะทำให้มุมมองความรักของคุณเปลี่ยนไป...
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่ารีวิวนี้เป็นมุมมองจากการชมหนังเรื่องนี้ของผม ที่มีความรู้สึกที่ดีและมีความสุขมากๆหลังจากดูหนังเรื่องนี้ และนี่ก็เป็นกระทู้แรกของผมเลย55 อาจมีการพิมพ์ผิดๆถูกๆบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบ
บอกก่อนเลยว่าความคิดเห็น มุมมองจากการดูหนังของแต่ละคนมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว อย่ามองจากความเห็นของคนอื่นเพียงด้านเดียว เพราะอาจจะทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะได้เห็นสิ่งดีๆ ที่มันอาจจะให้แง่คิด ให้สิ่งที่คุณอาจจะเอาไปเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวคุณให้ดีขึ้นก็ได้ เหมือนกับหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ผมเห็นมุมมองเรื่องของครอบครัวและความรักในหลายๆด้านมากขึ้นจากเมื่อก่อน สิ่งสำคัญที่ผมอยากได้จากการดูหนังนอกจากองค์ประกอบอย่างอื่น เช่น ฝีมือนักแสดง, ภาพและเสียง ก็คือข้อคิดหรือสิ่งที่จะทำให้ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะนำไปแก้ไขตัวเองและใช้ได้ในชีวิตจริง
หลายครั้งที่มีคนมาบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดี ไม่สนุก แต่เวลาผมไปดูเองกลับมองว่าเป็นหนังที่ดีมากๆ หรือหนังที่คนอื่นบอกว่าดีมาก แต่พอไปดูจริงๆแล้วผมกลับมีความคิดเห็นที่ตรงข้ามเลย...ทุกครั้งที่ผมจะดูหนังจึงจะไม่ตัดสินหนังจากความคิดเห็นใคร นอกจากผมจะได้ไปดูด้วยตาตัวเอง
หนังเรื่องสี่เส้า หรือ Love is นี้เป็นหนังที่ให้มุมมองทั้งในเรื่องของความรักที่แตกต่างกันในทั้ง 4 ตัวละครหลัก ทำให้รู้ว่าคนเรามีสองด้านเสมอ บางคนอาจเป็นคนที่กตัญญูและเสียสละในเรื่องครอบครัวมาก แต่ในเรื่องของความรักเค้าก็อาจจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดก็ได้ ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ดูแล้วอบอุ่นมาก ตลอดทั้งเรื่องไม่รู้สึกเลยว่าช่วงไหนที่มันน่าเบื่อ เพราะมัวแต่เก็บรายละเอียดของสีหน้า แววตา คำพูดของนักแสดง ที่ดูแล้วมันทำให้รู้สึกไปกับตัวละครตลอด แล้วก็ต้องคอยมองดูภาพบรรยากาศที่เป็นฉากในเรื่องที่ต้องยอมรับเลยว่าสวยมากกกๆๆๆ ภาพคมชัดจริงๆ สถานที่หลักคือดอยแม่สลองและสถานที่สำคัญในจังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่ รวมถึงเพลงที่ผมคิดว่าเค้าเลือกได้เหมาะกับแต่ละฉากในหนังมาก มีเพลงจีนที่ผมไม่ค่อยรู้จักบ้างแต่ฟังแล้วทำให้ภาพในหนังที่สื่อถึงคนจีนยูนนานมันชัดขึ้น และองค์ประกอบย่อยอื่นๆ ทั้งนักแสดงที่เล่นเป็นอาม่า พ่อแม่ของกมล ภาพที่นักแสดงสวมชุดครุยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ฉากในหมู่บ้านคนจีน โรงเรียนที่นักแสดงเป็นเด็กชาวเขาจริงๆ และอีกหลายๆองค์ประกอบที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูลงตัวมากขึ้น
นักแสดงหลักของเรื่องทั้ง4คน ต้องบอกเลยว่าตีบทแตกกันทุกคน ใครเป็นแฟนคลับใครรับรองคุณจะยิ่งหลงรักเค้ามากขึ้นไปอีกแน่นอน!!!
เต้ย พงศกร-กมล ในบท กมล คนที่มั่นคงในความรักมาตลอด ยอมเสียสละความสะดวกสบายที่เมืองกรุงเพื่อจะได้มาแต่งงานอยู่กับอาฉิงบนดอย ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้ถ่ายทำมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว เมื่อก่อนอาจจะยังไม่มีใครรู้จักเต้ยเท่าไหร่ ถือว่าบทนี้เต้ยทำได้ดีเลย โดยเฉพาะตอนที่ตาบอดแล้ว แววตาและท่าทางทำให้เชื่อว่าเค้ามองไม่เห็นอะไรจริงๆ ชอบ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ กมลไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวที่ตัวเองตาบอดแล้วยังยืนยันที่จะขอแต่งงานและไปอยู่กับอาฉิง แต่อาฉิงคือกำลังใจที่ดีที่ทำให้กมลสามารถต่อสู้ชีวิตต่อไปได้มากกว่า
ฟาง ธนันต์ธรญ์-อาฉิง เป็นคนมองโลกในแง่ดี มีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิตที่ดี ตั้งใจจะเป็นครูเพื่อสอนนักเรียนที่ด้อยโอกาสบนดอยและขอเลือกที่จะอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเองเพื่อจะได้ดูแลอาม่าที่รักมากที่สุดในชีวิต หลายคนอาจเคยเห็นภาพของฟางที่ดูแล้วสดใส น่ารักในมุมของนักร้องวง เฟย์ ฟาง แก้ว หรือเคยเห็นงานละครของฟางมาบ้าง แต่ในหนังเรื่องนี้ฟางถือว่าทำได้ดีมากๆๆๆถึงแม้จะเป็นหนังเรื่องแรก ทำให้เชื่อเลยว่าฟางกับอาฉิงมีทัศนคติ บุคลิกที่ใกล้เคียงกันมาก จุดเด่นของฟางที่เห็นชัดเลยคือแววตา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ไหนแววตาก็แสดงออกมาชัดมาก โดยเฉพาะตอนที่เศร้า ประทับใจหลายฉากเลย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่ฉากเวลาอายหรืออมยิ้มของฟางผมรับรองเลยว่าคนดูต้องใจละลายไปกับเธอคนนี้แน่นอน55 อาฉิง เป็นตัวละครที่ให้แง่คิดว่าความรักต่อผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าความรักแบบแฟนเสมอ เป็นคนเชื่อมั่นในความรักของตัวเอง หลายคนบอกว่าจะมีเหรอคนที่จะยอมแต่งงานกับคนตาบอดหรือพิการ ยอมเสียสละตัวเองเพื่อมาดูแลคนที่ตาบอด จะบอกว่าความรักแบบนี้มันมีจริงแน่นอน เพียงแต่ในชีวิตจริงมันอาจจะมีน้อยมากกก เพราะคนดีแบบนี้หาได้ยากในสังคมปัจจุบันนี้ แต่ถึงยังไงสุดท้ายคนดีก็ต้องได้รับสิ่งที่ดีเป็นการตอบแทนอยู่แล้วล่ะครับ เหมือนกับที่หนังสื่อออกมาในตอนท้ายเรื่อง
เวฟ คูเปย จง-อาเว่ย บทนี้ถือว่าเป็นบทที่เป็นตัวขับเคลื่อนของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ และเป็นบทที่เลือกนักแสดงได้เหมาะมากๆ ผมเชื่อว่าหลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรู้เลยว่าเวลานักแสดงตีบทแตกมันเป็นยังไง เวฟเล่นได้จนเชื่อว่าเค้าเป็นอาเว่ยจริงๆ ไม่ว่าจะมีความสุข หัวเราะ โกรธ เสียใจ ร้องไห้ ดูแล้วมันรู้สึกตามตัวละครนั้นเลย อาเว่ย เป็นคนที่สอนให้เห็นถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ชอบฉาก[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่ด้านมืดของอาเว่ยในเรื่องของความรักก็ดูแย่มากๆเหมือนกับเป็นคนละคน รู้เลยว่าคนเราเวลาเห็นแก่ตัวมากๆมักจะทำสิ่งที่ไม่ดีจนบางครั้งมันกลับไปทำร้ายคนที่ตัวเองรัก จะเห็นชัดเลยว่าเวลาอาเว่ยคุยกับอาฉิงมันเหมือนเวลาที่เราพูดกับคนที่เราแอบรักแต่เค้าไม่ได้รักเรา แต่เวลาอาเว่ยคุยกับเสี่ยวผิงหรือกมลก็เห็นชัดเหมือนกันว่าเวลาเราไม่ชอบหรือเกลียดใครคำพูดหรือการกระทำมันก็จะเป็นอีกแบบเลย อาเว่ยเป็นตัวละครที่ทำให้ตอนจบของเรื่อง จะเป็นสิ่งที่ทุกคนพูดถึง และจะรู้สึกรักและเห็นใจตัวละครนี้มากขึ้นแน่นอนครับ
เวนดี้ หว่อง-เสี่ยวผิง ตัวละครนี้เหมือนจะบทบาทน้อยที่สุด แต่เป็นคนที่ทำให้องค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์ เสี่ยวผิงเป็นคนที่จะบอกว่าบางครั้งเวลาเรารักใครก็ไม่จำเป็นต้องได้รับความรักเป็นการตอบแทน แค่เราเห็นคนที่เรารักมีความสุขเราก็มีความสุขแล้ว เสี่ยวผิงเป็นที่ดูจะเข้าใจอารมณ์ของเพื่อนทุกคนดีที่สุด เพราะเป็นคนที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนคนอื่นเสมอ แต่ความรักของตัวเองกลับเศร้ามาก ตอนแรกไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำว่านักแสดงคนนี้เป็นใคร แต่พอดูแล้วอึ้งมาก ไม่น่าเชื่อว่าเป็นหนังเรื่องแรก เพราะเวนดี้แสดงได้ดีมากๆ ตีบทแตกกระจุย เป็นตัวละครที่ดูแล้วน่าสงสาร ชอบฉาก[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ โหหห ดูแล้วบีบหัวใจมากก เศร้าไปตามตัวละครเลยครับ
ตลอดเวลาเกือบ2ชั่วโมง หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณได้แง่คิดหลายอย่างมาก เห็นมุมมองของการเลือกสิ่งที่จะทำกับคนที่เรารักในหลายรูปแบบ หนังทำให้คุณรู้สึกได้ไปกับอารมณ์ของแต่ละตัวละคร ทำให้ลุ้นตลอดว่ามันจะเป็นยังไงต่อ ได้ดูภาพบรรยากาศของดอยแม่สลองที่สวยมากจนอยากจะไปในวันนั้นเลย ฉากที่ผมประทับใจมากๆ คือ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ จริงๆแล้วมีอีกหลายๆฉากเลยที่ประทับใจ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณยิ้มโดยไม่รู้ตัวและก็ทำให้คุณน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน แค่คุณเปิดใจให้กว้าง เปิดใจให้สบาย ผ่อนคลาย แล้วเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ ผมเชื่อเลยว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณมีความสุข รู้สึกอบอุ่นในใจ และคุณจะเก็บหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของคุณอีกเรื่องแน่นอน
สุดท้ายต้องขอขอบคุณผู้กำกับ ทีมงาน นักแสดงทุกๆคน ที่ทำให้มีหนังเรื่องนี้ขึ้นมา และขอให้มีผลงานดีๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และผมจะคอยติดตามผลงานดีๆแบบนี้ตลอดไปนะครับ
ปล.[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้