ก่อนอื่นเลยผมชื่นชมการรักษาป่าของชุมชนเเห่งนี้มากจากที่ได้เคยอ่านหนังสือมาการกับรักษาป่าของบ้านทุ่งยาว ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมืองลำพูน จ.ลำพูน โดยเเต่ก่อนมีเรื่องว่า (คัดมาบางตอน) ราวปี พ.ศ.2511 บ้านทุ่งยาวเผชิญกับความเเห้งเเล้ง ไม่มีร่มไม้ให้พักผิง ไม่มีผักป่า เห็ด หรือ เเม้กระทั่งทั่งไข่มดเเดง เเม้จะมีข้อบังคับไม่ให้ตัดไม้บริเวณป่าน้ำจำ(ป่าที่ชุมชนรับผิดชอบดูเเล) เเต่พื้นที่บริเวณรอบๆ ป่าน้ำจำยังถูกบุกรุก โดยเฉพาะการตัดไม้เพื่อทำถ่าน ชาวบ้านทุ่งยาวจึงมีการประชุมเเละเห็นตรงกันว่าควรเพิ่มพื่นที่ป่าเป็น 800 ไร่ ต่อมา พ.ศ. 2517 ได้มีชาวบ้านจากบ้านป่าเหว ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง ลำพูน ประมาณ 300 คนเข้ามาจับจองที่ดินในเขตป่าน้ำจำ เเละที่ดินที่ติดป่าน้ำจำที่เรัยกว่า กิ่วช้างเผือก โดยทำการเเบ่งพื้นที่ออกเป็นเเปลงๆ เมื่อชาวบ้านทุ่งยาวรู้เรื่องจำได้เรียกประชุมกัน เเละตกลงว่าจะทำหนังสือรายงานให้กับนายอำเภอ เเละผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อหนังสือร้องเรียนไม่ได้รับการตอบสนอง ชาวบ้านทุ่งยาวประมาณ 200 คนจึงไปชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดเพื่อขอพบผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้ส่งตัวเเทนทั้งสองฝ่ายมาเจรจากัน การเจรจาในเบื้องต้นตกลงกันไม่ได้ จนกระทั่งนายเชียว สมโชติ ผู้ใหญ่บ้านได้หยิบยกอ้างถึงต้นตะเคียนที่ปลูกอยูในป่าน้ำจำ ว่าเป็นต้นไม้ที่คนทุ่งยาวในสมัยก่อนนำมาปลูกไว้ ดังนั้นพื้นที่ป่าจึงควรเป็นของชาวบ้านทุ่งยาว ม.ล.ภัคสุ กำภู ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนคณะนั้น จึงตัดสินใจให้ชาวบ้านทุ่งยาวรักษาป่าต่อไป เเละให้ชาวบ้านป่าเหวอพยพออกไปจากป่าน้ำจำ
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านทุ่งยาวได้รับการกล่าวขวัญในฐานะผู้หวงเเหนธรรมชาติที่ตนเองพึ่งพาอาศัย เมื่อชาวบ้านได้รับชัยชนะก็เกิดความภาคภูมิใจ เเละมั่นใจในระบบระเบียบการดูเเลรักษาป่าของตนเองมากขึ้น เเละตัดสินใจขยายป่าชุมชนออกไปอีก
สำหรับการทำเเนวกันไฟนั้นชาวบ้านเเทบไม่ต่างจากภาครัฐ เเต่สำหรับการ ''ชิงเผา'' นั้นจะเริ่มทำตั้งเเต่ปลายมกราคมเป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม โดยจะใช้วิธีสังเกตดูจากเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นถับถมกัน ถ้ามันเริ่มหน้าเเต่ถ้าใบไม้บนต้นยังสีเขียวอยู่ก็สามารถชิงเผาในพื้นที่นั้นได้เพราะไฟจะลุกไม่มาก เเละความชุ้มชื้นที่ต้นไม้นั้นมีอยู่จะช่วยป้องกันไฟเเละมีชาวบ้านเฝ้าอยู่ด้วย เมื่อเผาหลายครั้งใบไม้มันก็ไม่มากครันเเละไฟจะไม่ลุกลาม ด้วยวิธีชิงเผากันมาเเล้วหลายปี ก็สังเกตเห็นไม่พบว่ามีต้นไม้ตายจากการชิงเผา เพราะช่วงปลายมีนาคม-เมษายนฝนก็เริ่มตก ้ต้นไม้ก็ถึงเวลาปลัดใบใหม่ เเต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับใรช่วงนั้น(ราวปี 2532ขึ้นไป) เพราะเส้นเเบ่งเขตของความเข้าใจระหว่างการเผาป่ากับการใช้ไฟรักษาป่ามันเบาบางเหลือเกิน เเต่มันก็ผิดกับหลักการของรัฐบาลที่มองว่าการเผาป่าในที่โล่งเเจ้งจะทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศในเเอ่งลำพูนเชียงใหม่ เเต่ทางหมู่บ้านคิดว่าถ้าเผาในช่วงมกราคม-มีนาคม ช่วงนั้นอากาศยังไม่ค่อยร้อนควันยังไม่เยอะ ถ้าเผาในช่วงเเล้งอย่างมีนา - เมษา มลภาวะทางอากาศจะเยอะกว่า
การจัดการชุมชุนจึงมีความเเตกต่างจากของรัฐที่ห้ามเผา โดยรัฐเเนะนำให้ทำเเนวกันไฟ เเต่เเนวกันไฟก็ทำมาเเล้ว เเต่เเนวผืนป่ามีกว้างมากจึงได้ผลในช่วงเเคบ จึงเกิดการชิงเผา
ปัจจุบันชุมชนทุ่งยาวถือว่าเป็นชุมชนต้นเเบบการอนุรักษ์ธรรมชาติได้มีสถาบันการศึกษาเเละผู้คนมากมายมาศึกษาดูงานเกี่ยวกับเเนวทางการพัฒนาเเละรักษาป่าไม้เเหล่งธรรมชาติกันเยอะมากๆ
คิดยังไงกับการเเก้ไขไฟไหม้ป่าโดยวิธี ''ชิงเผา'' ของชุมชนทุ่งยาว จ.ลำพูน บ้างครับ
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านทุ่งยาวได้รับการกล่าวขวัญในฐานะผู้หวงเเหนธรรมชาติที่ตนเองพึ่งพาอาศัย เมื่อชาวบ้านได้รับชัยชนะก็เกิดความภาคภูมิใจ เเละมั่นใจในระบบระเบียบการดูเเลรักษาป่าของตนเองมากขึ้น เเละตัดสินใจขยายป่าชุมชนออกไปอีก
สำหรับการทำเเนวกันไฟนั้นชาวบ้านเเทบไม่ต่างจากภาครัฐ เเต่สำหรับการ ''ชิงเผา'' นั้นจะเริ่มทำตั้งเเต่ปลายมกราคมเป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม โดยจะใช้วิธีสังเกตดูจากเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นถับถมกัน ถ้ามันเริ่มหน้าเเต่ถ้าใบไม้บนต้นยังสีเขียวอยู่ก็สามารถชิงเผาในพื้นที่นั้นได้เพราะไฟจะลุกไม่มาก เเละความชุ้มชื้นที่ต้นไม้นั้นมีอยู่จะช่วยป้องกันไฟเเละมีชาวบ้านเฝ้าอยู่ด้วย เมื่อเผาหลายครั้งใบไม้มันก็ไม่มากครันเเละไฟจะไม่ลุกลาม ด้วยวิธีชิงเผากันมาเเล้วหลายปี ก็สังเกตเห็นไม่พบว่ามีต้นไม้ตายจากการชิงเผา เพราะช่วงปลายมีนาคม-เมษายนฝนก็เริ่มตก ้ต้นไม้ก็ถึงเวลาปลัดใบใหม่ เเต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับใรช่วงนั้น(ราวปี 2532ขึ้นไป) เพราะเส้นเเบ่งเขตของความเข้าใจระหว่างการเผาป่ากับการใช้ไฟรักษาป่ามันเบาบางเหลือเกิน เเต่มันก็ผิดกับหลักการของรัฐบาลที่มองว่าการเผาป่าในที่โล่งเเจ้งจะทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศในเเอ่งลำพูนเชียงใหม่ เเต่ทางหมู่บ้านคิดว่าถ้าเผาในช่วงมกราคม-มีนาคม ช่วงนั้นอากาศยังไม่ค่อยร้อนควันยังไม่เยอะ ถ้าเผาในช่วงเเล้งอย่างมีนา - เมษา มลภาวะทางอากาศจะเยอะกว่า
การจัดการชุมชุนจึงมีความเเตกต่างจากของรัฐที่ห้ามเผา โดยรัฐเเนะนำให้ทำเเนวกันไฟ เเต่เเนวกันไฟก็ทำมาเเล้ว เเต่เเนวผืนป่ามีกว้างมากจึงได้ผลในช่วงเเคบ จึงเกิดการชิงเผา
ปัจจุบันชุมชนทุ่งยาวถือว่าเป็นชุมชนต้นเเบบการอนุรักษ์ธรรมชาติได้มีสถาบันการศึกษาเเละผู้คนมากมายมาศึกษาดูงานเกี่ยวกับเเนวทางการพัฒนาเเละรักษาป่าไม้เเหล่งธรรมชาติกันเยอะมากๆ