bin bin long Vietnamix Bistro


ผมเป็นคนนึงที่ชอบทานอาหารเวียดนาม เพราะความที่ว่ามีผักให้ทานเยอะดี แต่ว่าร้านอาหารเวียดนามอาจจะไม่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา ถ้าเทียบกับญี่ปุ่น เกาหลี เลยหาทานยากพอสมควรสำหรับทำเลที่ผมอยู่ ร้าน bin bin long อยู่พหลโยธิน 11ครับ เข้าซอยมาประมาณ350เมตร ร้านจะเป็นตึกแบบ2คูหาจะอยู่ด้านซ้ายมือเลยครับและมีป้ายชื่อร้านเล็กๆบอกกำกับไว้ และซอยนี้สามารถไปทะลุออกพระราม6ได้อีกด้วย




ส่วนตัวร้านจะตกแต่งด้วยโทนสีดำ มีที่นั่งรองรับประมาณ30ที่ครับ บรรยากาศร้านจะไม่เหมือนร้านเวียดนามทั่วๆไปที่จะเน้นแนวโล่งๆ สว่างๆ แบบครอบครัวเป็นหลัก การตกแต่งที่นี่จะเป็นแบบสบายๆ นั่งคุยเล่น พักผ่อนหย่อนใจแบบ Casual Dining อย่างแท้จริง ตกแต่งด้วยโทนสีดำเป็นหลัก ส่วนเมนูที่นี่ก็จะมีไม่มากนัก เหมาะกับชื่อร้านที่มี Bistro ต่อท้ายจริงๆครับ

























ผมลองสั่งแหนมเนืองมาก่อนเลยครับ (180บาท) จะมีแหนมเนือง2ชิ้นใหญ่ๆครับ ชิ้นนึงแบ่งมาเป็น6ชิ้นย่อย ต่างจากทุกร้านที่แบ่งมาได้แค่4ชิ้น ที่นี่ยังมีชุดใหญ่ที่มี3ชิ้นใหญ่ด้วยนะครับ (220บาท) เมนูยอดฮิตที่ส่วนตัวแล้วต้องสั่งทุกครั้งที่ไปทานอาหารเวียดนาม พวกผักอะไรของที่นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่อื่นนะครับ แต่ที่ต่างและรู้สึกได้ตั้งแต่ตอนยกออกมาเสิร์ฟเลยก็จะเป็นตัวแหนมเนืองครับ กลิ่นหอมเตะจมูกมากๆ และจะหอมกว่าทุกที่ๆผมไปทานมาด้วยครับ ที่นี่เค้าจะทำเองเลยค่อนข้างพิถีพิถันมากๆ หอมคล้ายหมูย่างเลยครับ สีก็จะออกมาเข้มๆกว่าด้วย ส่วนตัวแป้งห่อทางร้านตัดมาแบบพอดีๆคำ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปครับ และเค้าแนะนำให้ค่อยๆแช่ทีละแผ่น และแช่แค่ประมาณ10วินาทีพอแล้ว ผมลองทำตามทุกอย่าครับ แช่แค่10วิ แต่มันยังเป็นแผ่นแข็งๆอยู่และยังไม่นุ่มเลย แต่พอวางผัก วางแหนมเนืองเข้าไปซักพัก แป้งก็เริ่มคลายตัวและก็นิ่มกำลังดีเลยครับ ได้ผลจริงๆด้วย ตัวส่วนน้ำจิ้มที่นี่จะแยกเป็นสองถ้วย ถ้วยหลักจะไม่มีถั่วโรยหน้ามาครับ แตรสชาติก็นวลๆดีครับ หวานนิดเค็มหน่อย ใครอยากเพิ่มเปรี้ยวกับเผ็ดหน่อยก็เติมพริกน้ำส้มถ้วยเล็กๆเพิ่มเติมลงไปได้ครับ












เมนูที่สองเป็นซุปมะเขือเทศเวียดนาม (150บาท) เมนูนี้เป็นเมนูที่ดูจากชื่อแล้วไม่น่าสั่งเอามากๆด้วยครับ เพราะทำให้ผมนึกถึงน้ำมะเขือเทศ ซึ่งผมไม่ชอบเอามากๆ 5555 แต่พอสั่งมาจริงๆแล้ว แว้บแรกจะนึกถึงTomato Sauce ที่ไว้ใช้ราดในPasta ครับ เมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับผักรวมพูนๆหนึ่งจาน ในตัวผักจะมีกระหล่ำปลี ผักชี ผักชีฝรั่ง และผักกาดหอมครับ สับซอยมาเล็กๆ




วิธีทานเมนูนี้ให้อร่อย คือต้องใส่ผักในถ้วยก่อนครับ แล้วค่อยตักซุปมะเขือเทศร้อนๆใส่ตามเข้าไป แล้วทาน ตัวผักที่ใส่ไปทีแรกจะยังคงความกรอบอยู่ครับ ส่วนรสชาติที่ทานเข้าไปคำแรกจะนึกถึง น้ำเงี้ยวในขนมจีนครับ แต่พอทานไปทานมาก็จะนึกถึงอยู่อีกเมนูนึงคือก๋วยเตี๋ยวหมูสับครับ แต่แบบไม่ใส่แป้งมันเข้าไป เมนูนี้หอมผักชีลาวอ่อนๆแซมเข้ามาในรสชาติด้วยครับ เมนูนี้อร่อยมากๆครับหลงรักเลย ทนครั้งแรกก็ชอบเลยครับ






ยำหมูยอซอสมะเฟือง (180บาท) เมนูนี้สั่งเพราะชื่อแปลกดีครับ ซอสมะเฟืองมันจะเป็นยังไง รสชาติจะเป็นยังไง เมนูนี้จะมีหมูยอ เห็ดหูหนูขาวและมะม่วงครับ พอชิมเข้าไป รสจัดจ้านจริงๆครับ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน ยำรสจัดมากๆ อร่อยดีครับ แต่ผมยังสงสัยเรื่องมะเฟืองอยู่ครับและพยายามหาชิ้นมะเฟืองตามรูป เลยถามทางร้านครับ เค้าบอกว่าเค้าตัดตัวมะเฟืองออกจากเมนูครับ เนื่องจากมีผลต่อผู้ป่วยโรคไต อาจทำให้ไตวายได้ เลยต้องตัดส่วนประกอบนี้ออกไปเลย แล้วใช้มะม่วงเข้ามาแทน และยำในสูตรของทางร้านครับ ใครชอบยำแนะนำเมนูนี้เลยครับ อร่อยครบรสจริงๆ เมนูนี้ถ้าใครทานแล้วรู้สึกเผ็ดไป ทางร้านก็มีข้าวเกรียบญวณและข้าวเกรียบมาให้ทานแกล้มด้วยนะครับ








ก๋วยจั้บเวียดนาม (125บาท) อีกหนึ่งเมนูเบสิค หาทานง่าย เส้นของที่นี่หนึบหนับดีครับ น้ำซุปก็หอมอร่อยดีครับ หนืดๆหน่อย หอมเจียวให้มาเต็มที่ จะมีน่องไก่เล็กและปีกบนมาด้วย เคี่ยวมาเปื่อยและนุ่มมากๆ เลาะเบาๆกระดูกก็หลุดแล้วและมีหมูสับมาให้อีกเต็มที่เลยครับ แต่ละเมนูเสิร์ฟมาแล้วไม่น้อยเลยครับ ถือว่าดีมากๆ








แบ่งใส่ถ้วยเล็กได้3-4ถ้วยครับ





ขนมเป็นโรตีทอดครับ (80บาท) ในจานจะมีอยู่สามหน้าทั้งกล้วย แยมสตรอเบอร์รี่และโอวัลตินครับ ราดด้วยนมข้มมาอย่างเต็มที่ แต่ละเมนูไม่มีหวงเครื่องเลยครับ





ส่วนเครื่องดื่ม Fruity Soda ผมสั่งเป็นHoney Lime (95บาท)และPassion fruits (95บาท) ทั้งสองเมนูเป็นเหมือนพวกอิตาเลี่ยนโซดาของร้านอื่นๆครับ คือจะใช้หัวเชื้อมาทำ รสชาติเลยหวานแหลมโดดครับ ส่วนตัวไม่ชอบแบบนี้เลยครับ ถ้าเป็นน้ำผลไม้แท้ๆจะดีกว่าเยอะเลยครับ ยิ่งมะนาวโซดาด้วยแล้ว น่าจะใช้มะนาวโซดาน้ำผึ้งแท้ๆดีกว่า ถ้าเมนูเครื่องดื่มเป็นน้ำผลไม้จริงละก็ ร้านนี้จะPERFECT มากๆครับ


นอกเหนือจากเครื่องดื่มที่เป็นSoft Drink และอิตาเลี่ยนโซดาแล้ว ร้านนี้ยังมี Cocktail และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์บริการด้วยนะครับ เหมาะกับร้านBistro นั่งชิลๆ ฟังเพลงเบาๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ แต่ถ้าจะฟินสุดจริงๆน่าจะต้องเป็นเย็นวันศุกร์ครับ เพราะจะมีวงJazz มาเล่นแบบTrio กันแบบสดๆที่ร้าน ในช่วงเวลาประมาณ 18:30ถึง21:00ครับ  


รวมๆผมชอบอาหารที่นี่ทุกเมนูเลยไม่เหมือนร้านเวียดนามอื่นที่ผมเคยทาน แม้กระทั่งเมนูยำ และที่สำคัญเมนูทุกเมนูของที่นี่ไม่ใส่ผงชูรสเลย ครับ ส่วนเมนูเครื่องดื่มแล้วผมเฉยๆครับ  

ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ
1. ทางเฟส http://www.facebook.com/LetsEatThailand และ
2. ทางBlog http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ ขอบคุณครับ