เล่นพันทิปมานานค่ะ อ่านกระทู้มานับไม่ถ้วน วันนี้นึกไงไม่รู้อยากตั้งกระทู้เล่าเรื่องของตัวเองบ้าง
แต่ขออนุญาตถอดล๊อคอินมาแล้วกันค่ะ ล๊อคอินเป็นล๊อคอินเฉพาะกิจของกลุ่มเพื่อนเราเอง เอาไว้ใช้
ด้วยกัน เพราะชื่อล๊อคอินของเรานั้นมันเป็นชื่อที่ใช้มานานในอินเตอร์เน็ต หลายคนจะจำได้ ฮ่าๆ อายเฉยๆค่ะไม่มีอะไร
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่ใครคิดว่าเป็นเรื่องแต่งเป็นนิยายเป็นเรื่องสั้นไม่ว่ากันนะคะ
คิดอย่างไหนแล้วสบายใจ อ่านสนุกก็โอเคค่ะ ฮ่าๆๆ
อย่างชื่อกระทู้เลยค่ะอยากชวนคนอ่านมาแชร์ประสบการณ์ การอ่อยแล้วสอยหัวหน้ามาเป็นแฟน
เพราะปกติจะเจอแต่กระทู้ เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเรียนอะไรแบบนี้ ส่วนตัวของเราเองเราไปแอ๊วหัวหน้า
มาเป็นแฟน ย้อนกลับไปสมัยเข้าไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งใหม่ๆ ทำตำแหน่ง พนักงานขายค่ะ ซึ่งเค้าจะมีแบ่ง
เป็นสองส่วนคือ พนักงานขายที่ดูแลเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และอีกส่วนคือดูแลพื้นที่เขตต่างจังหวัด ของเราทำในส่วนกรุงเทพค่ะ
จำได้ว่าไปทำงานวันแรก ไม่เจอใครเลย ห้องทำงานว่างเปล่า ทุกคนน่าจะทราบดีว่าตำแหน่งพนักงานขายนั้นถือว่า
เป็นตำแหน่งที่อยู่ออฟฟิตน้อยที่สุด หายหัวกันไปบางทีเป็นครึ่งเดือนก็มีค่ะโดยเฉพาะคนที่ดูแลในส่วนของต่างจังหวัด
จะเข้าออฟฟิตมาเฉพาะประชุมยอดก็เท่านั้น ส่วนไอ้เราเดือนแรกบอกเลยค่ะอยู่แต่ออฟฟิตเป็นหลักต้องเทรนงาน เทรนโปรดักส์ มากมาย
อาทิตย์แรกของการทำงานก็ทำให้ทราบว่าในส่วนของแผนกขายจะมีพนักงานทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็นฝ่ายกรุงเทพฯ 5 คน
และต่างจังหวัด 5 คนและหัวหน้าของแต่ละฝ่ายอีกอย่างละคนรวมทั้งแผนกเป็น 12 คนค่ะ
สองอาทิตย์แรกก็เริ่มทำความรู้จักพี่ๆเพื่อนร่วมงานไปบ้าง ถ้าในส่วนของกรุงเทพคือได้เจอหมดแล้วส่วน
ต่างจังหวัดนี่ ได้เจอเกือบหมดค่ะ ยกเว้น หัวหน้าที่ดูแลฝ่ายต่างจังหวัดนี่แหละค่ะ ที่ไม่ได้เห็นหน้าซักทีได้ยิน
แต่ชื่อเสียงเรียงนาม แต่ไม่เคยเจอตัวเป็นๆ พี่ที่แผนกชอบเล่าค่ะ ว่าหัวหน้าตจว.คนนี้เก่ง ทำงานเก่งมาก ขยัน
และหน้าตาดีด้วย ชื่อเสียงเรื่องผญนี่ต้องยกให้ แถมพี่ในแผนกอีกคนก็ชอบมากระซิบค่ะว่า ระวังตัวไว้ด้วยนะ
ห้ามหลงกลเด็ดขาด พลาดพลั้งขึ้นมาตกเป็นขี้ปากให้เค้าเมาท์กันสนุกทั้งออฟฟิต โอ้โห บอกตรงๆค่ะตอนนั้น
โค ตะ ระ อยากเห็นหน้าเลยค่ะ ฮ่าๆ มันจะขนาดนั้นเชียวเหรอ ไอ้เราก็ไม่ใช่เด็กใสๆเนอะ ก็พอเคยเจออะไรมาบ้าง
ก็เลยคิดว่า เป็นคำขู่ของคนแก่ค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่รู้จักเด็กยุคนี้ซะแล้ว อะไรแบบนั้น
จนเข้าอาทิตย์ที่สามค่ะ มาทำงานแต่เช้า ที่แผนกยังไม่มีใครมาเหมือนเดิม (เซลมักมาสายหรือไม่มาเลย) แต่วันนี้สังเกต
เห็นค่ะว่าที่โต๊ะของหัวหน้า ตจว. มีแก้วกาแฟตั้งอยู่ มีควันลอย โป๊ะเช๊ะ! ฮีมากลับมาจาก ตจว. ซะที ขอดูหน้าหน่อยสิ๊
ไอ้เราก็นั่งรอเลยค่ะ ที่โต๊ะตัวเองนี่แหละ หันหน้าเข้าโต๊ะของผู้จัดการพอดี เช็คสภาพหน้าตัวเองนิดนึง โอเค วันนี้แต่งหน้า
ไม่พลาด ผ่าน ... (จริงๆตอนนั้นคิดแค่ว่า กิตติศัพท์หัวหน้าเรื่องผู้หญิงมีเยอะไอ้เราเลยไม่อยากด้อยหรือหน้าสดให้เค้า
เห็นเฉยๆ กลัวเอาเราไปนินทาว่าน้องใหม่ในแผนกหน้าแย่ 555) ไม่ถึงห้านาทีหรอกค่ะ ฮีก็เดินมานั่งที่โต๊ะ หันมาเห็นเรา
ทำหน้าไม่แปลกใจซักนิดที่เห็นเด็กใหม่ ไม่ยิ้ม ไม่ทักอะไรเราทั้งนั้น เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง จิบกาแฟตามองคอม นิ่ง ...
...
คือเกิดภาวะเดดแอร์ชั่วขณะใหญ่ คือเราคิดเอาว่า เมเนเจอร์คนนี้น่าจะออกแนวขี้เล่น ม่อสาว ม่อเด็ก ทักทายน้องใหม่
อย่างเรา เข้ามาแซวอะไรทำนองนั้นอ่ะค่ะ เพราะว่าลูกน้องเค้าที่เป็นเซลล์ต่างจังหวัดจะแนวนั้นหมดเลย เข้ามาทักทาย
เล่นมุข จีบเล่นจีบจริง ทะลึ่งตึงตัง เราก็เลยคิดว่าได้เชื้อหัวหน้ามา แต่เปล่าเลยค่ะ ฮีนิ่งถึงนิ่งมาก ไม่เล่นด้วย ดูหยิ่งสุดๆ
และก็หน้าเด็กกว่าที่คิดเอาไว้มากๆ จนตอนนั้นเข้าใจว่า คงทำงานเก่งจริงๆล่ะมั้งถึงได้เลื่อนขึ้นมาเป็นเมเจอร์คุมยอดหลาย
ร้อยล้านและเอาลูกน้องที่อายุมากกว่าอยู่หมัด เพราะทุกคนดูรักและนับถือ ผู้จัดการคนนี้มากๆ แต่ก็ไม่นานหรอกค่ะก็ได้รู้
ว่าฮีอายุจะเข้าเลข 4 อยู่แล้ว แก่กว่าลูกน้องทุกคนนั่นแหละ ฮ่าๆๆ
และแล้วตลอดการทำงานผ่านไปเรื่อยๆ ก็ไม่เคยคุยกันเลยค่ะ อย่างดีก็ สองประโยคทักทาย ที่เหลือไม่ค่อยได้เจอ
เราออกไปหาลูกค้าบ้าง ฮีออกไปกับลูกน้องบ้าง แต่ทุกครั้งที่ได้เจอกัน เค้าไม่เคยทักเรา แซวเรา เล่นมุก หรือทักทายอะไรเลย
มีแต่ไว้ตัว มีระยะห่างสุดๆ เรียกได้ว่า ลูกน้องก็คือลูกน้อง เค้าเป็นหัวหน้าจะมาเล่นหัวไม่ได้
(แต่ลูกน้องผู้ชายเล่นได้ปกติ แต่ไม่ลามปามมาก) จนเราเริ่มคิดว่า ข่าวลือของผู้จัดการ คนนี้มันแค่ข่าวลือแหละว๊า
อาจจะเป็นเพราะลูกน้องรักและศรัทธา ก็เลยตีค่าให้เกินจริง 55555 แต่หน้าตาฮีก็หล่ออยู่ค่ะ แต่ไม่ขนาดที่เราคิดไว้
แต่ก็จัดว่าหน้าตาดีนะคะ คมเข้ม จมูกโด่งมว๊ากกก (สเป็คเราพอดี ฮ่าๆ) แต่ตอนนั้นเรามีแฟนอยู่
แล้วด้วยค่ะจึงทำให้ไม่ได้สนใจจริงๆจังๆ ไปมากมาย แค่รู้สึกคนเดียวในใจเฉยๆว่า เอ้อออ หน้าตาเข้าสเป็คดีจัง
จนมาวันนึงค่ะ พี่ที่ออฟฟิตก็คุยเล่นกัน แล้วก็แซวไปถึงแฟนของแต่ละคน จนไปถึงแฟนของผู้จัดการคนนี้ ตอนแรกเรา
คิดว่าเค้าจะปฎิเสธเรื่องผู้หญิง (เพราะที่ผ่านมาลูกน้องเค้ายังคงกล่อมสมองเราค่ะว่าผู้จัดการสาวเยอะ เราก็เลยคิดว่า
เค้าน่าจะปฎิเสธเรื่องแฟนในที่สาธารณะ) แต่ก็เปล่าเลยค่ะ ผิดคาดอีกแล้ว เค้ายอมรับเลยว่ามีแฟน แฟนเด็กด้วย ยัง
เรียนอยู่เลย (แต่ฮีจะเข้าเลข 4 แล้วนะ) เรียนปีหนึ่งเท่านั้น! เป็นพริตตี้ด้วย คบมาหลายปีล่ะ ตอนนั้นในหัวคำนวณเลยค่ะ
แปลว่าคบมาตั้งแต่น้องเค้ายังเรียนมัธยมหน่ะสิ!!
โอ้วจอร์จ นึกออกไหมคะ คือผู้ชายตรงหน้า วางมาดสุขุม นิ่ง หยิ่งนิดๆ
จินตนาการตามไม่ออกจริงๆค่ะ ว่าตอนอยู่กับแฟนเด็กน้อยจะเป็นยังไง มุ้งมิ้งเหรอ ไม่น่าใช่อ่ะ มาดไม่ให้จริงๆ
ตอนนั้นรู้สึกงงงวยนิดนึงค่ะ แล้วก็เริ่มคิดว่า เอ๊ะ หรือเสือผู้หญิงของจริง เงียบๆ ฟาดเรียบนะไรแบบนี้ ฮ่าๆ
เราก็เลยพูดแก้เก้อไปเฉยๆว่า อ๋อ เราเคยทำงานด้านอีเวนท์มาก่อน ไว้มีงานจะมาบอกแฟนพี่แล้วกันนะคะ
พอเราบอกไปแบบนั้น ผู้จัดการเลยบอกว่า งั้นเขียนเบอร์โทร กับอีเมลใส่กระดาษมา เดี๋ยวพี่ส่งประวัติแฟนไปให้
(บอกตรงๆนะคะ ตอนนั้นโคดอยากให้ส่งมาไวๆเลยค่ะ อยากเห็นหน้าแฟนผู้จัดการมาก ฮ่าๆ)
แต่สุดท้ายเราทำงานที่นั้นได้แค่สี่เดือนค่ะแล้วก็ออก เพราะว่าทัศนคติบางอย่างในการทำงานของเรา กับหัวหน้า
ที่ดูแลเขตกรุงเทพฯ (คนละคนกันนะคะ) ไม่เข้ากับเราค่ะ เราทำแล้วอึดอัดใจและลำบากใจในการทำงานมาก
จึงขอลามาเองค่ะ อาทิตย์สุดท้ายในการทำงาน วันนั้นเรานึกยังไม่รู้ค่ะ พอดีเห็นว่าในห้องทำงานมีแค่เรา กับผู้จัดการ
เขตต่างจังหวัด (ฮีนั่นแหละ) แค่สองคน เราเลยเอ่ยปากบอกไปว่า ลาออกแล้วนะคะ ..
ฮีหันมาแล้วตอบเรานิ่งๆว่า
"อืม ทำงานมันต้องมีใจที่ดีด้วย ถ้าทำแล้วอึดอัดใจไม่สบายใจ และคิดว่าไม่ใช่ทางของเรา ก็ออก ถูกแล้ว"
"และก็อย่าไปคิดว่าตัวเองไม่ดี คือบางทีเราก็ควรจะได้ดีในที่ ที่มันดีด้วย"
บอกตรงๆค่ะ มันเป็นประโยคที่ธรรมดามาก ไม่มีความชู้สาวใดๆซ่อนอยู่เลยนะคะ แต่มันเป็นประโยคแรกที่ทำให้
เราประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้มากๆ ที่ประทับใจนั่นก็คือ ที่ผ่านมาลูกน้องในสังกัดเขต ตจว. มักจะพูดให้ฟังบ่อยๆค่ะ
ว่าหัวหน้าเขตของเค้านั้นดี นอกจากเก่งแล้ว ยังรับฟัง ใส่ใจปัญหาของลูกน้องเสมอ ไม่เคยเอาเปรียบ ลุยด้วยทุกที่
รับผิดแทนลูกน้อง ไม่เคยโทษ ไม่เคยเอาดีเข้าตัว ไม่รับใต้โต๊ะลูกน้อง ไม่กินค่าคอมลูกน้อง พอฮีพูดประโยคนั้นกับ
เราออกมา เราเลยรู้ว่า ถึงแม้เราจะเป็นลูกน้องแต่ไม่ใต้บัญชาโดยตรง แต่เค้าก็ยังรับรู้ปัญหาในเขตของเรา ไม่มา
ก้าวก่ายในการทำงาน แต่ก็เข้าใจเหตุผลของการลาออก พร้อมทั้งพูดปลอบใจที่แสดงให้เห็นว่าหัวหน้าคนนึง เอาใจ
ลูกน้องไปใส่ใจเค้า เค้าถึงได้รู้ว่าลูกน้องคนนั้น (อย่างเรา) คิดและรู้สึกอะไรอย่างไรทำไมถึงออก
จนเราออกจากที่ทำงานที่นั้นได้ประมาณ 2 เดือนค่ะ ก็มีไลน์เด้งเข้ามาว่าหัวหน้าคนนี้แอทไลน์มา แล้วก็ทักเรามาว่า
หัวหน้า : หวัดดี พี่ บ. เองนะ
เรา : อ่อ ค่ะว่าไงคะพี่
หัวหน้า : เปล่าพี่แอทไลน์เราไว้เผื่อเรื่องงานแฟนพี่
เรา : ..... อ่อ ค่ะ
แล้วก็ไม่ได้คุยไรกันอีกเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
คือแบบ ..
นึกออกใช่มั้ยคะ .. ไม่ต้องบอกกรูก็ได้ค่ะ แหมมมม (แอบหลงดีใจไปหน่อยนึงที่เห้นไลน์เด้ง ไม่รู้ทำไม แหะๆ)
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้ประวัติแฟนฮีมาหรอกค่ะ ฮีบอกจะส่งให้บ้าง ให้หางานให้แฟนฮีบ้าง แต่ก็ไม่เค้ยยย
ไม่เคยส่งรูปแฟนมาให้ซักทีก็ไม่รู้ว่าจะแคสหางานให้ยังไง
*
เดี๋ยวเขียนต่อด้านล่างนะคะ ไม่หายไปไหน ไม่ไปโลตัส ไม่ได้ไปตลาดค่ะ แค่เขียนสดๆ เล่าไปเรื่อยๆ
ใครสนใจจะแชร์อะไร มาคุยกันได้นะคะ ^^
มาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ วิธีอ่อยแล้วสอยหัวหน้ามาเป็นแฟน
แต่ขออนุญาตถอดล๊อคอินมาแล้วกันค่ะ ล๊อคอินเป็นล๊อคอินเฉพาะกิจของกลุ่มเพื่อนเราเอง เอาไว้ใช้
ด้วยกัน เพราะชื่อล๊อคอินของเรานั้นมันเป็นชื่อที่ใช้มานานในอินเตอร์เน็ต หลายคนจะจำได้ ฮ่าๆ อายเฉยๆค่ะไม่มีอะไร
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่ใครคิดว่าเป็นเรื่องแต่งเป็นนิยายเป็นเรื่องสั้นไม่ว่ากันนะคะ
คิดอย่างไหนแล้วสบายใจ อ่านสนุกก็โอเคค่ะ ฮ่าๆๆ
อย่างชื่อกระทู้เลยค่ะอยากชวนคนอ่านมาแชร์ประสบการณ์ การอ่อยแล้วสอยหัวหน้ามาเป็นแฟน
เพราะปกติจะเจอแต่กระทู้ เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเรียนอะไรแบบนี้ ส่วนตัวของเราเองเราไปแอ๊วหัวหน้า
มาเป็นแฟน ย้อนกลับไปสมัยเข้าไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งใหม่ๆ ทำตำแหน่ง พนักงานขายค่ะ ซึ่งเค้าจะมีแบ่ง
เป็นสองส่วนคือ พนักงานขายที่ดูแลเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และอีกส่วนคือดูแลพื้นที่เขตต่างจังหวัด ของเราทำในส่วนกรุงเทพค่ะ
จำได้ว่าไปทำงานวันแรก ไม่เจอใครเลย ห้องทำงานว่างเปล่า ทุกคนน่าจะทราบดีว่าตำแหน่งพนักงานขายนั้นถือว่า
เป็นตำแหน่งที่อยู่ออฟฟิตน้อยที่สุด หายหัวกันไปบางทีเป็นครึ่งเดือนก็มีค่ะโดยเฉพาะคนที่ดูแลในส่วนของต่างจังหวัด
จะเข้าออฟฟิตมาเฉพาะประชุมยอดก็เท่านั้น ส่วนไอ้เราเดือนแรกบอกเลยค่ะอยู่แต่ออฟฟิตเป็นหลักต้องเทรนงาน เทรนโปรดักส์ มากมาย
อาทิตย์แรกของการทำงานก็ทำให้ทราบว่าในส่วนของแผนกขายจะมีพนักงานทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็นฝ่ายกรุงเทพฯ 5 คน
และต่างจังหวัด 5 คนและหัวหน้าของแต่ละฝ่ายอีกอย่างละคนรวมทั้งแผนกเป็น 12 คนค่ะ
สองอาทิตย์แรกก็เริ่มทำความรู้จักพี่ๆเพื่อนร่วมงานไปบ้าง ถ้าในส่วนของกรุงเทพคือได้เจอหมดแล้วส่วน
ต่างจังหวัดนี่ ได้เจอเกือบหมดค่ะ ยกเว้น หัวหน้าที่ดูแลฝ่ายต่างจังหวัดนี่แหละค่ะ ที่ไม่ได้เห็นหน้าซักทีได้ยิน
แต่ชื่อเสียงเรียงนาม แต่ไม่เคยเจอตัวเป็นๆ พี่ที่แผนกชอบเล่าค่ะ ว่าหัวหน้าตจว.คนนี้เก่ง ทำงานเก่งมาก ขยัน
และหน้าตาดีด้วย ชื่อเสียงเรื่องผญนี่ต้องยกให้ แถมพี่ในแผนกอีกคนก็ชอบมากระซิบค่ะว่า ระวังตัวไว้ด้วยนะ
ห้ามหลงกลเด็ดขาด พลาดพลั้งขึ้นมาตกเป็นขี้ปากให้เค้าเมาท์กันสนุกทั้งออฟฟิต โอ้โห บอกตรงๆค่ะตอนนั้น
โค ตะ ระ อยากเห็นหน้าเลยค่ะ ฮ่าๆ มันจะขนาดนั้นเชียวเหรอ ไอ้เราก็ไม่ใช่เด็กใสๆเนอะ ก็พอเคยเจออะไรมาบ้าง
ก็เลยคิดว่า เป็นคำขู่ของคนแก่ค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่รู้จักเด็กยุคนี้ซะแล้ว อะไรแบบนั้น
จนเข้าอาทิตย์ที่สามค่ะ มาทำงานแต่เช้า ที่แผนกยังไม่มีใครมาเหมือนเดิม (เซลมักมาสายหรือไม่มาเลย) แต่วันนี้สังเกต
เห็นค่ะว่าที่โต๊ะของหัวหน้า ตจว. มีแก้วกาแฟตั้งอยู่ มีควันลอย โป๊ะเช๊ะ! ฮีมากลับมาจาก ตจว. ซะที ขอดูหน้าหน่อยสิ๊
ไอ้เราก็นั่งรอเลยค่ะ ที่โต๊ะตัวเองนี่แหละ หันหน้าเข้าโต๊ะของผู้จัดการพอดี เช็คสภาพหน้าตัวเองนิดนึง โอเค วันนี้แต่งหน้า
ไม่พลาด ผ่าน ... (จริงๆตอนนั้นคิดแค่ว่า กิตติศัพท์หัวหน้าเรื่องผู้หญิงมีเยอะไอ้เราเลยไม่อยากด้อยหรือหน้าสดให้เค้า
เห็นเฉยๆ กลัวเอาเราไปนินทาว่าน้องใหม่ในแผนกหน้าแย่ 555) ไม่ถึงห้านาทีหรอกค่ะ ฮีก็เดินมานั่งที่โต๊ะ หันมาเห็นเรา
ทำหน้าไม่แปลกใจซักนิดที่เห็นเด็กใหม่ ไม่ยิ้ม ไม่ทักอะไรเราทั้งนั้น เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง จิบกาแฟตามองคอม นิ่ง ...
...
คือเกิดภาวะเดดแอร์ชั่วขณะใหญ่ คือเราคิดเอาว่า เมเนเจอร์คนนี้น่าจะออกแนวขี้เล่น ม่อสาว ม่อเด็ก ทักทายน้องใหม่
อย่างเรา เข้ามาแซวอะไรทำนองนั้นอ่ะค่ะ เพราะว่าลูกน้องเค้าที่เป็นเซลล์ต่างจังหวัดจะแนวนั้นหมดเลย เข้ามาทักทาย
เล่นมุข จีบเล่นจีบจริง ทะลึ่งตึงตัง เราก็เลยคิดว่าได้เชื้อหัวหน้ามา แต่เปล่าเลยค่ะ ฮีนิ่งถึงนิ่งมาก ไม่เล่นด้วย ดูหยิ่งสุดๆ
และก็หน้าเด็กกว่าที่คิดเอาไว้มากๆ จนตอนนั้นเข้าใจว่า คงทำงานเก่งจริงๆล่ะมั้งถึงได้เลื่อนขึ้นมาเป็นเมเจอร์คุมยอดหลาย
ร้อยล้านและเอาลูกน้องที่อายุมากกว่าอยู่หมัด เพราะทุกคนดูรักและนับถือ ผู้จัดการคนนี้มากๆ แต่ก็ไม่นานหรอกค่ะก็ได้รู้
ว่าฮีอายุจะเข้าเลข 4 อยู่แล้ว แก่กว่าลูกน้องทุกคนนั่นแหละ ฮ่าๆๆ
และแล้วตลอดการทำงานผ่านไปเรื่อยๆ ก็ไม่เคยคุยกันเลยค่ะ อย่างดีก็ สองประโยคทักทาย ที่เหลือไม่ค่อยได้เจอ
เราออกไปหาลูกค้าบ้าง ฮีออกไปกับลูกน้องบ้าง แต่ทุกครั้งที่ได้เจอกัน เค้าไม่เคยทักเรา แซวเรา เล่นมุก หรือทักทายอะไรเลย
มีแต่ไว้ตัว มีระยะห่างสุดๆ เรียกได้ว่า ลูกน้องก็คือลูกน้อง เค้าเป็นหัวหน้าจะมาเล่นหัวไม่ได้
(แต่ลูกน้องผู้ชายเล่นได้ปกติ แต่ไม่ลามปามมาก) จนเราเริ่มคิดว่า ข่าวลือของผู้จัดการ คนนี้มันแค่ข่าวลือแหละว๊า
อาจจะเป็นเพราะลูกน้องรักและศรัทธา ก็เลยตีค่าให้เกินจริง 55555 แต่หน้าตาฮีก็หล่ออยู่ค่ะ แต่ไม่ขนาดที่เราคิดไว้
แต่ก็จัดว่าหน้าตาดีนะคะ คมเข้ม จมูกโด่งมว๊ากกก (สเป็คเราพอดี ฮ่าๆ) แต่ตอนนั้นเรามีแฟนอยู่
แล้วด้วยค่ะจึงทำให้ไม่ได้สนใจจริงๆจังๆ ไปมากมาย แค่รู้สึกคนเดียวในใจเฉยๆว่า เอ้อออ หน้าตาเข้าสเป็คดีจัง
จนมาวันนึงค่ะ พี่ที่ออฟฟิตก็คุยเล่นกัน แล้วก็แซวไปถึงแฟนของแต่ละคน จนไปถึงแฟนของผู้จัดการคนนี้ ตอนแรกเรา
คิดว่าเค้าจะปฎิเสธเรื่องผู้หญิง (เพราะที่ผ่านมาลูกน้องเค้ายังคงกล่อมสมองเราค่ะว่าผู้จัดการสาวเยอะ เราก็เลยคิดว่า
เค้าน่าจะปฎิเสธเรื่องแฟนในที่สาธารณะ) แต่ก็เปล่าเลยค่ะ ผิดคาดอีกแล้ว เค้ายอมรับเลยว่ามีแฟน แฟนเด็กด้วย ยัง
เรียนอยู่เลย (แต่ฮีจะเข้าเลข 4 แล้วนะ) เรียนปีหนึ่งเท่านั้น! เป็นพริตตี้ด้วย คบมาหลายปีล่ะ ตอนนั้นในหัวคำนวณเลยค่ะ
แปลว่าคบมาตั้งแต่น้องเค้ายังเรียนมัธยมหน่ะสิ!!
โอ้วจอร์จ นึกออกไหมคะ คือผู้ชายตรงหน้า วางมาดสุขุม นิ่ง หยิ่งนิดๆ
จินตนาการตามไม่ออกจริงๆค่ะ ว่าตอนอยู่กับแฟนเด็กน้อยจะเป็นยังไง มุ้งมิ้งเหรอ ไม่น่าใช่อ่ะ มาดไม่ให้จริงๆ
ตอนนั้นรู้สึกงงงวยนิดนึงค่ะ แล้วก็เริ่มคิดว่า เอ๊ะ หรือเสือผู้หญิงของจริง เงียบๆ ฟาดเรียบนะไรแบบนี้ ฮ่าๆ
เราก็เลยพูดแก้เก้อไปเฉยๆว่า อ๋อ เราเคยทำงานด้านอีเวนท์มาก่อน ไว้มีงานจะมาบอกแฟนพี่แล้วกันนะคะ
พอเราบอกไปแบบนั้น ผู้จัดการเลยบอกว่า งั้นเขียนเบอร์โทร กับอีเมลใส่กระดาษมา เดี๋ยวพี่ส่งประวัติแฟนไปให้
(บอกตรงๆนะคะ ตอนนั้นโคดอยากให้ส่งมาไวๆเลยค่ะ อยากเห็นหน้าแฟนผู้จัดการมาก ฮ่าๆ)
แต่สุดท้ายเราทำงานที่นั้นได้แค่สี่เดือนค่ะแล้วก็ออก เพราะว่าทัศนคติบางอย่างในการทำงานของเรา กับหัวหน้า
ที่ดูแลเขตกรุงเทพฯ (คนละคนกันนะคะ) ไม่เข้ากับเราค่ะ เราทำแล้วอึดอัดใจและลำบากใจในการทำงานมาก
จึงขอลามาเองค่ะ อาทิตย์สุดท้ายในการทำงาน วันนั้นเรานึกยังไม่รู้ค่ะ พอดีเห็นว่าในห้องทำงานมีแค่เรา กับผู้จัดการ
เขตต่างจังหวัด (ฮีนั่นแหละ) แค่สองคน เราเลยเอ่ยปากบอกไปว่า ลาออกแล้วนะคะ ..
ฮีหันมาแล้วตอบเรานิ่งๆว่า
"อืม ทำงานมันต้องมีใจที่ดีด้วย ถ้าทำแล้วอึดอัดใจไม่สบายใจ และคิดว่าไม่ใช่ทางของเรา ก็ออก ถูกแล้ว"
"และก็อย่าไปคิดว่าตัวเองไม่ดี คือบางทีเราก็ควรจะได้ดีในที่ ที่มันดีด้วย"
บอกตรงๆค่ะ มันเป็นประโยคที่ธรรมดามาก ไม่มีความชู้สาวใดๆซ่อนอยู่เลยนะคะ แต่มันเป็นประโยคแรกที่ทำให้
เราประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้มากๆ ที่ประทับใจนั่นก็คือ ที่ผ่านมาลูกน้องในสังกัดเขต ตจว. มักจะพูดให้ฟังบ่อยๆค่ะ
ว่าหัวหน้าเขตของเค้านั้นดี นอกจากเก่งแล้ว ยังรับฟัง ใส่ใจปัญหาของลูกน้องเสมอ ไม่เคยเอาเปรียบ ลุยด้วยทุกที่
รับผิดแทนลูกน้อง ไม่เคยโทษ ไม่เคยเอาดีเข้าตัว ไม่รับใต้โต๊ะลูกน้อง ไม่กินค่าคอมลูกน้อง พอฮีพูดประโยคนั้นกับ
เราออกมา เราเลยรู้ว่า ถึงแม้เราจะเป็นลูกน้องแต่ไม่ใต้บัญชาโดยตรง แต่เค้าก็ยังรับรู้ปัญหาในเขตของเรา ไม่มา
ก้าวก่ายในการทำงาน แต่ก็เข้าใจเหตุผลของการลาออก พร้อมทั้งพูดปลอบใจที่แสดงให้เห็นว่าหัวหน้าคนนึง เอาใจ
ลูกน้องไปใส่ใจเค้า เค้าถึงได้รู้ว่าลูกน้องคนนั้น (อย่างเรา) คิดและรู้สึกอะไรอย่างไรทำไมถึงออก
จนเราออกจากที่ทำงานที่นั้นได้ประมาณ 2 เดือนค่ะ ก็มีไลน์เด้งเข้ามาว่าหัวหน้าคนนี้แอทไลน์มา แล้วก็ทักเรามาว่า
หัวหน้า : หวัดดี พี่ บ. เองนะ
เรา : อ่อ ค่ะว่าไงคะพี่
หัวหน้า : เปล่าพี่แอทไลน์เราไว้เผื่อเรื่องงานแฟนพี่
เรา : ..... อ่อ ค่ะ
แล้วก็ไม่ได้คุยไรกันอีกเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
คือแบบ ..
นึกออกใช่มั้ยคะ .. ไม่ต้องบอกกรูก็ได้ค่ะ แหมมมม (แอบหลงดีใจไปหน่อยนึงที่เห้นไลน์เด้ง ไม่รู้ทำไม แหะๆ)
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้ประวัติแฟนฮีมาหรอกค่ะ ฮีบอกจะส่งให้บ้าง ให้หางานให้แฟนฮีบ้าง แต่ก็ไม่เค้ยยย
ไม่เคยส่งรูปแฟนมาให้ซักทีก็ไม่รู้ว่าจะแคสหางานให้ยังไง
*
เดี๋ยวเขียนต่อด้านล่างนะคะ ไม่หายไปไหน ไม่ไปโลตัส ไม่ได้ไปตลาดค่ะ แค่เขียนสดๆ เล่าไปเรื่อยๆ
ใครสนใจจะแชร์อะไร มาคุยกันได้นะคะ ^^