เขาเกิดในครอบครัวอิสลาม ที่ปากีสถาน ถูกสอนให้ติดตาม Allah ตลอดชีวิตของเขา
และ Muhammad คือผู้พยากรณ์คนสุดท้าย ได้มอบพระคัมภีร์ 4 เล่ม ที่ถูกประทานมาจากสวรรค์ แต่พระคัมภีร์เล่มสุดท้ายคือ Koran
ในวัยเด็ก เขาต้องเรียนข้อปฏิบัติ ของมุสลิม ใน Koran หลังเลิกเรียน เกือบทุกวัน ใช้เวลา 4-5 ชม
ใน Koran มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซู แต่ไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า (Son of God) ซึ่งเป็นการลบหลู่ และไม่ให้เกียรติเป็นอย่างมากที่กล่าวเช่นนั้น (เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง)
เขาจากปากีสถานเพื่อไปเรียนต่อที่แคนาดา จากนั้นเขาได้เข้ากลุ่มของนักธุรกิจ
หลายคนที่เขาติดต่อทางธุรกิจด้วยก็คือ กลุ่มคริสเตียน ที่เชื่อในพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า
เขาคิดว่ามันไม่ใช่ คนเหล่านี้เข้าใจผิด ถูกหลอกแน่ๆ ไบเบิ้ลก็คงถูกแก้ไข ไม่มีความถูกต้องเลย ที่จะเรียก พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า (เขากล่าวด้วยใจอคติ เพราะมุสลิมสอนไว้ว่าพระเยซูไม่ใช่พระเจ้าใน Koran เขาเชื่อแบบนั้นมาตลอด)
มีคนชวนเขาไปโบสถ์ เขาก็ปฏิเสธ เขาบอกเขาเป็นมุสลิม แต่ถ้าคุณสนใจที่จะไปมัดสยิดผมยินดีต้อนรับนะครับ
จากนั้นมีคนได้เชิญเขาไปสัมมนา ของนักธุรกิจแนวหน้า ทำอย่างไรให้ธุรกิจที่เราทำประสบความสำเร็จ
เขาคิดว่า อืม ... ก็น่าสนใจดีนะ ได้เรียนรู้เพิ่มเติม รับการพัฒนา เขาจึงตัดสินใจไป
ในห้องสัมมนาแห่งนั้น มีประมาณ 2 หมื่นคน เข้าร่วม มีการนมัสการวันอาทิตย์(ของคริสเตียน) ในความคิดเขา ตอนนั้น .. คิดว่าคริสเตียนต้องไปที่โบสถ์ เท่านั้น ไม่น่าใช้ห้องประชุมที่อื่นอีก
ก็สร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย
แต่คนที่ให้คำบรรยาย ไม่ใช่ ศิษยาภิบาล แต่เป็นนักธุรกิจ คนที่แนะนำเขามาได้บอก ให้เขารอจนจบโปรแกรม เพราะโปรแกรมจะเริ่มหลังจากนี้ ในตอนนั้นเขาเริ่มไม่ชอบ อึดอัด ดูไม่เหมือนมาสัมมนาธุรกิจ เท่าไหร่ ... แต่เขาก็รอ
พอผู้ชายคนที่จะบรรยาย ได้ขึ้นไปบนเวที
คำแรกเลย ....ที่เขาพูดคือ * พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า * ซึ่งทำให้เขาผิดหวังและโกรธ รู้สึกไม่ดีเอามากๆ
และชายคนนั้น ได้พูดต่อไปว่า ใต้ฟ้านี้ ความรอด มีแค่ นามเดียวเท่านั้น คือ ในนามของพระเยซูคริสต์ ไม่มีนามอื่นใดที่จะนำเราไปสู่ความรอดได้ และเขาก็ได้กล่าว อ้างนามพระเยซู ในเรื่องต่างๆ เยอะแยะมากมาย
เขาคิดว่าผู้ชายคนนั้นถูกหลอกแน่ๆ 100% ชัวร์
เขายิ่งฟังยิ่งโมโห และอยากบอกความจริงว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่จริง
ไม่นาน ชายคนนั้น ก็ได้เรียก คนในห้องประชุมว่าใครอยากรู้จักพระเยซู ให้เดินออกมาที่หน้าเวที
เขารีบเดินออกไป เพื่อที่จะไปบอกผู้ชายคน นั้นว่า สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด มันไม่จริง แต่พอไปถึงหน้าเวที ก็มีคนจำนวนมากกรู เข้ามา ทำให้เขา ติดแหง็ก ขยับตัวไปไหนไม่ได้ อยากออกไปข้างนอก ก็ออกไปไม่ได้ เพราะคนแน่นมาก
เขามองหน้า ชายคนนั้นเมื่อบรรยายเสร็จ พบน้ำตาคลอที่ใบหน้าของเขา ด้วยความตื้นตันใจ
แล้ว ชายคนนั้นพูดกับ คนในที่ประชุมว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า เขาเองไม่สามารถ กล่าวถ้อยคำใดๆ ออกมาจากปากของเขาได้ มันยากมาก เพราะมันไม่ใช่ เขาไม่เห็นด้วยอย่างแรง
และเพื่อน นักธุรกิจ ก็เดินเข้ามาแสดง ความยินดี กับเขา บอก ยินดี ๆ ด้วย คุณเป็น คริสเตียนแล้ว
เขาบอกไม่ใช่ ผมไม่ได้เป็น ผมไม่ได้พูดถ้อยคำใดๆ ออกมาเลย (เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธมาก) และได้โปรดอย่าเรียกผมแบบนั้นอีก ผมเป็นมุสลิม
ต่อให้ฟ้าถล่ม ดินถลาย ผมก็ไม่มีวันเชื่อพระเยซูเป็นพระเจ้า แน่นอน
จากนั้น เขาได้ เข้าร่วมกลุ่ม คริสเตียน หลายๆที่เพื่อสังเกตุการณ์ ทำไมถึงได้เชื่อ พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์เป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร เพื่อจะนำมาตอบโต้ และทำให้คนเหล่านั้นมาเชื่อใน Allah ของเขา
วันหนึ่ง ในที่ประชุม อาจารย์ที่บรรยายเรียกให้ทุกคนยืนขึ้น เขาก็คิด อืม ..ตามสเต็ป เพราะเขาไปมาหลายที่ เริ่มรู้แนว
เขาก็ยืนขึ้น บอกตัวเอง ว่าไม่มีทางที่จะเชื่อพระเยซูแน่นอน
ณ เวลา นั้นเอง ทันทีทันใด การทรงสถิตย์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ มายังเขา
เขารับรู้ได้จากภายใน สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ และมีอำนาจมาก เขาเองไม่สามารถ ปฏิเสธได้ ทั้งสบสน ทั้งยำเกรง ทั้งอัศจรรย์ใจ ทั้งประหลาดใจ
เขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน แต่เขารู้ว่า เขาได้ยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า
เขาพูดกับพระองค์ว่า พระองค์มาทำอะไรที่นี่ เพราะเขาคิดว่าเขาคือคนเลวมาก ไม่สมควรที่จะพบกับพระองค์
และ ทำไมพระเจ้าถึงได้เปิดเผยพระองค์เอง ต่อ คนเหล่านี้ ในที่ประชุม เพราะเขาทั้งหลายได้ ดูถูกดูหมิ่นพระองค์ โดยไปสรรเสริญ นมัสการพระเยซูคริสต์ เขาบอกพระองค์ในเวลานั้น
จากนั้นเขาได้ยินเสียง ตรัสตอบเขาว่า ไม่ใช่..เช่นนั้น เขาทั้งหลาย เป็นบุตร ชาย-หญิง ของเรา ถึง 3 ครั้ง
หลังจากได้ยิน เหมือนม่านที่ปิดบังตาใจ ของผมถูกเปิดออก ผมเชื่อทันที ในการสำแดงของพระองค์ ต่อผมโดยตรง
ผมเชื่ออย่างไม่สงสัยเลย จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่หน้าเวทีเอง โดยไม่มีใครเรียก และสารภาพความเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ได้ไถ่บาปเราทั้งหลาย และสิ้นพระชนน์ที่กางเขนเพื่อเรา และเป็นขึ้นมาความตาย
เขาอธิษฐานให้พระองค์เข้ามาในชีวิต เขามาเปลี่ยนใจที่แข็งกระด้างของเขา เป็นใจที่อ่อนสุภาพ ขอใจใหม่ที่จะรักพระองค์ ส่วนลึกภายในจิตใจของเขาเชื่อและมั่นใจในการเปิดเผยสำแดงพระองค์ ซึ่งเป็นพระคุณต่อเขายิ่งนัก เพราะเขาได้ต่อต้านพระองค์มาตลอด และ ปฏิเสธมาโดยตลอด
จากนั้นเขาก็มีใจที่หิวกระหายอยากรู้จักกับพระเยซูมากขึ้น มอบถวายตัว ติดตามพระองค์อย่างสุดใจ
มีคนให้ไบเบิ้ลแก่เขา เขาอ่านจนหลับไป พอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมา พระวิญญาณบริสุทธิ์ เสด็จมาเยี่ยมเยียน และเคลื่อนไหว ตั้งแต่ศีรษะ จรดเท้า เป็นการเต็มล้นฝ่ายวิญญาณอย่างอัศจรรย์ และ รับการเจิมฝ่ายวิญญาณนานถึง 3 ชม. ซึ่งตอนนั้นเอง
เขาได้ยินเสียงตรัสอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้แต่เป็นมุสลิม คือ
ลูกเอ๋ยเรารักเจ้า ถึง 3 ครั้ง จากนั้นเขาได้อ่านพระคัมภีร์ พอเปิดพระคัมภีร์ขึ้นมา ทุกถ้อยคำที่ปรากฎ เขาเกิดความเข้าใจอย่างอัศจรรย์ พระวจนะมีชีวิตในเขา ทุกถ้อยคำได้จดบันทึกไว้ในจิตใจของเขา ฝั่งแน่นภายในจิตใจของเขา
ตลอด 36 ชม.เขาอ่านพระคัมภีร์ไม่หยุดเลย ไม่มีหยุดพักทานข้าวหรือแม้แต่ดื่มน้ำ
ตลอดทุกคำในพระคัมภีร์เขาจดจ่อ อ่าน และ อ่าน และอ่าน อย่างต่อเนื่องไม่หยุด และเขาเข้าใจทุกสิ่งที่พระคัมภีร์สอน แม้แต่เรื่องที่เข้าใจยาก ก็กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย
และเขาได้นำคนมารู้จักพระเยซูอย่างมากมาย ตลอดที่ติดตามพระองค์
ปัจจุบัน ท่านเป็น president of Covenant of Life Ministries
ลิงค์
https://www.covenantoflife.org/col/Faisals-story
ด้านงานเขียนของท่าน
Here Comes Ishmael - 2005
The Destiny of Islam in the Endtimes - 2007( Available in English, Indonesian, Korean and German)
Positioned to Bless - 2008 (English, Indonesian, Korean and German)
The Political Spirit - 2009
10 Amazing Muslims Touched By God - 2012
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1ทธ3:16 และทางของพระเจ้าอันยิ่งใหญ่และลึกลับซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ก็คือ พระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนัง พระวิญญาณได้ทรงพิสูจน์แล้ว หมู่ทูตสวรรค์ก็เห็น มีผู้ประกาศพระองค์แก่ชนต่างชาติ มีชาวโลกเชื่อถือพระองค์ พระองค์ทรงถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี
คำพยาน - Faisal Malick
เขาเกิดในครอบครัวอิสลาม ที่ปากีสถาน ถูกสอนให้ติดตาม Allah ตลอดชีวิตของเขา
และ Muhammad คือผู้พยากรณ์คนสุดท้าย ได้มอบพระคัมภีร์ 4 เล่ม ที่ถูกประทานมาจากสวรรค์ แต่พระคัมภีร์เล่มสุดท้ายคือ Koran
ในวัยเด็ก เขาต้องเรียนข้อปฏิบัติ ของมุสลิม ใน Koran หลังเลิกเรียน เกือบทุกวัน ใช้เวลา 4-5 ชม
ใน Koran มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซู แต่ไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า (Son of God) ซึ่งเป็นการลบหลู่ และไม่ให้เกียรติเป็นอย่างมากที่กล่าวเช่นนั้น (เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง)
เขาจากปากีสถานเพื่อไปเรียนต่อที่แคนาดา จากนั้นเขาได้เข้ากลุ่มของนักธุรกิจ
หลายคนที่เขาติดต่อทางธุรกิจด้วยก็คือ กลุ่มคริสเตียน ที่เชื่อในพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า
เขาคิดว่ามันไม่ใช่ คนเหล่านี้เข้าใจผิด ถูกหลอกแน่ๆ ไบเบิ้ลก็คงถูกแก้ไข ไม่มีความถูกต้องเลย ที่จะเรียก พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า (เขากล่าวด้วยใจอคติ เพราะมุสลิมสอนไว้ว่าพระเยซูไม่ใช่พระเจ้าใน Koran เขาเชื่อแบบนั้นมาตลอด)
มีคนชวนเขาไปโบสถ์ เขาก็ปฏิเสธ เขาบอกเขาเป็นมุสลิม แต่ถ้าคุณสนใจที่จะไปมัดสยิดผมยินดีต้อนรับนะครับ
จากนั้นมีคนได้เชิญเขาไปสัมมนา ของนักธุรกิจแนวหน้า ทำอย่างไรให้ธุรกิจที่เราทำประสบความสำเร็จ
เขาคิดว่า อืม ... ก็น่าสนใจดีนะ ได้เรียนรู้เพิ่มเติม รับการพัฒนา เขาจึงตัดสินใจไป
ในห้องสัมมนาแห่งนั้น มีประมาณ 2 หมื่นคน เข้าร่วม มีการนมัสการวันอาทิตย์(ของคริสเตียน) ในความคิดเขา ตอนนั้น .. คิดว่าคริสเตียนต้องไปที่โบสถ์ เท่านั้น ไม่น่าใช้ห้องประชุมที่อื่นอีก
ก็สร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย
แต่คนที่ให้คำบรรยาย ไม่ใช่ ศิษยาภิบาล แต่เป็นนักธุรกิจ คนที่แนะนำเขามาได้บอก ให้เขารอจนจบโปรแกรม เพราะโปรแกรมจะเริ่มหลังจากนี้ ในตอนนั้นเขาเริ่มไม่ชอบ อึดอัด ดูไม่เหมือนมาสัมมนาธุรกิจ เท่าไหร่ ... แต่เขาก็รอ
พอผู้ชายคนที่จะบรรยาย ได้ขึ้นไปบนเวที
คำแรกเลย ....ที่เขาพูดคือ * พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า * ซึ่งทำให้เขาผิดหวังและโกรธ รู้สึกไม่ดีเอามากๆ
และชายคนนั้น ได้พูดต่อไปว่า ใต้ฟ้านี้ ความรอด มีแค่ นามเดียวเท่านั้น คือ ในนามของพระเยซูคริสต์ ไม่มีนามอื่นใดที่จะนำเราไปสู่ความรอดได้ และเขาก็ได้กล่าว อ้างนามพระเยซู ในเรื่องต่างๆ เยอะแยะมากมาย
เขาคิดว่าผู้ชายคนนั้นถูกหลอกแน่ๆ 100% ชัวร์
เขายิ่งฟังยิ่งโมโห และอยากบอกความจริงว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่จริง
ไม่นาน ชายคนนั้น ก็ได้เรียก คนในห้องประชุมว่าใครอยากรู้จักพระเยซู ให้เดินออกมาที่หน้าเวที
เขารีบเดินออกไป เพื่อที่จะไปบอกผู้ชายคน นั้นว่า สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด มันไม่จริง แต่พอไปถึงหน้าเวที ก็มีคนจำนวนมากกรู เข้ามา ทำให้เขา ติดแหง็ก ขยับตัวไปไหนไม่ได้ อยากออกไปข้างนอก ก็ออกไปไม่ได้ เพราะคนแน่นมาก
เขามองหน้า ชายคนนั้นเมื่อบรรยายเสร็จ พบน้ำตาคลอที่ใบหน้าของเขา ด้วยความตื้นตันใจ
แล้ว ชายคนนั้นพูดกับ คนในที่ประชุมว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า เขาเองไม่สามารถ กล่าวถ้อยคำใดๆ ออกมาจากปากของเขาได้ มันยากมาก เพราะมันไม่ใช่ เขาไม่เห็นด้วยอย่างแรง
และเพื่อน นักธุรกิจ ก็เดินเข้ามาแสดง ความยินดี กับเขา บอก ยินดี ๆ ด้วย คุณเป็น คริสเตียนแล้ว
เขาบอกไม่ใช่ ผมไม่ได้เป็น ผมไม่ได้พูดถ้อยคำใดๆ ออกมาเลย (เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธมาก) และได้โปรดอย่าเรียกผมแบบนั้นอีก ผมเป็นมุสลิม
ต่อให้ฟ้าถล่ม ดินถลาย ผมก็ไม่มีวันเชื่อพระเยซูเป็นพระเจ้า แน่นอน
จากนั้น เขาได้ เข้าร่วมกลุ่ม คริสเตียน หลายๆที่เพื่อสังเกตุการณ์ ทำไมถึงได้เชื่อ พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์เป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร เพื่อจะนำมาตอบโต้ และทำให้คนเหล่านั้นมาเชื่อใน Allah ของเขา
วันหนึ่ง ในที่ประชุม อาจารย์ที่บรรยายเรียกให้ทุกคนยืนขึ้น เขาก็คิด อืม ..ตามสเต็ป เพราะเขาไปมาหลายที่ เริ่มรู้แนว
เขาก็ยืนขึ้น บอกตัวเอง ว่าไม่มีทางที่จะเชื่อพระเยซูแน่นอน
ณ เวลา นั้นเอง ทันทีทันใด การทรงสถิตย์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ มายังเขา
เขารับรู้ได้จากภายใน สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ และมีอำนาจมาก เขาเองไม่สามารถ ปฏิเสธได้ ทั้งสบสน ทั้งยำเกรง ทั้งอัศจรรย์ใจ ทั้งประหลาดใจ
เขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน แต่เขารู้ว่า เขาได้ยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า
เขาพูดกับพระองค์ว่า พระองค์มาทำอะไรที่นี่ เพราะเขาคิดว่าเขาคือคนเลวมาก ไม่สมควรที่จะพบกับพระองค์
และ ทำไมพระเจ้าถึงได้เปิดเผยพระองค์เอง ต่อ คนเหล่านี้ ในที่ประชุม เพราะเขาทั้งหลายได้ ดูถูกดูหมิ่นพระองค์ โดยไปสรรเสริญ นมัสการพระเยซูคริสต์ เขาบอกพระองค์ในเวลานั้น
จากนั้นเขาได้ยินเสียง ตรัสตอบเขาว่า ไม่ใช่..เช่นนั้น เขาทั้งหลาย เป็นบุตร ชาย-หญิง ของเรา ถึง 3 ครั้ง
หลังจากได้ยิน เหมือนม่านที่ปิดบังตาใจ ของผมถูกเปิดออก ผมเชื่อทันที ในการสำแดงของพระองค์ ต่อผมโดยตรง
ผมเชื่ออย่างไม่สงสัยเลย จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่หน้าเวทีเอง โดยไม่มีใครเรียก และสารภาพความเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ได้ไถ่บาปเราทั้งหลาย และสิ้นพระชนน์ที่กางเขนเพื่อเรา และเป็นขึ้นมาความตาย
เขาอธิษฐานให้พระองค์เข้ามาในชีวิต เขามาเปลี่ยนใจที่แข็งกระด้างของเขา เป็นใจที่อ่อนสุภาพ ขอใจใหม่ที่จะรักพระองค์ ส่วนลึกภายในจิตใจของเขาเชื่อและมั่นใจในการเปิดเผยสำแดงพระองค์ ซึ่งเป็นพระคุณต่อเขายิ่งนัก เพราะเขาได้ต่อต้านพระองค์มาตลอด และ ปฏิเสธมาโดยตลอด
จากนั้นเขาก็มีใจที่หิวกระหายอยากรู้จักกับพระเยซูมากขึ้น มอบถวายตัว ติดตามพระองค์อย่างสุดใจ
มีคนให้ไบเบิ้ลแก่เขา เขาอ่านจนหลับไป พอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมา พระวิญญาณบริสุทธิ์ เสด็จมาเยี่ยมเยียน และเคลื่อนไหว ตั้งแต่ศีรษะ จรดเท้า เป็นการเต็มล้นฝ่ายวิญญาณอย่างอัศจรรย์ และ รับการเจิมฝ่ายวิญญาณนานถึง 3 ชม. ซึ่งตอนนั้นเอง
เขาได้ยินเสียงตรัสอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้แต่เป็นมุสลิม คือ
ลูกเอ๋ยเรารักเจ้า ถึง 3 ครั้ง จากนั้นเขาได้อ่านพระคัมภีร์ พอเปิดพระคัมภีร์ขึ้นมา ทุกถ้อยคำที่ปรากฎ เขาเกิดความเข้าใจอย่างอัศจรรย์ พระวจนะมีชีวิตในเขา ทุกถ้อยคำได้จดบันทึกไว้ในจิตใจของเขา ฝั่งแน่นภายในจิตใจของเขา
ตลอด 36 ชม.เขาอ่านพระคัมภีร์ไม่หยุดเลย ไม่มีหยุดพักทานข้าวหรือแม้แต่ดื่มน้ำ
ตลอดทุกคำในพระคัมภีร์เขาจดจ่อ อ่าน และ อ่าน และอ่าน อย่างต่อเนื่องไม่หยุด และเขาเข้าใจทุกสิ่งที่พระคัมภีร์สอน แม้แต่เรื่องที่เข้าใจยาก ก็กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย
และเขาได้นำคนมารู้จักพระเยซูอย่างมากมาย ตลอดที่ติดตามพระองค์
ปัจจุบัน ท่านเป็น president of Covenant of Life Ministries
ลิงค์ https://www.covenantoflife.org/col/Faisals-story
ด้านงานเขียนของท่าน
Here Comes Ishmael - 2005
The Destiny of Islam in the Endtimes - 2007( Available in English, Indonesian, Korean and German)
Positioned to Bless - 2008 (English, Indonesian, Korean and German)
The Political Spirit - 2009
10 Amazing Muslims Touched By God - 2012
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1ทธ3:16 และทางของพระเจ้าอันยิ่งใหญ่และลึกลับซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ก็คือ พระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนัง พระวิญญาณได้ทรงพิสูจน์แล้ว หมู่ทูตสวรรค์ก็เห็น มีผู้ประกาศพระองค์แก่ชนต่างชาติ มีชาวโลกเชื่อถือพระองค์ พระองค์ทรงถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี