แชร์ประสบการณ์ของผมเองเมื่อเย็น(27/04/58)
จากการปั่นจักรยานเพื่อยืดเส้นกลายเป็นเหตุทะเลาะวิวาท กับแท็กซี่สีชมพูทะเบียน ทศ 6651 ตามภาพที่เจตนาขับย้อนศรบนไหล่ทางไปทางบางนา(บอกจะไปรับเมีย) ถนนเลียบกาญจนาภิเษกช่วงบางนา-อ่อนนุช โดยจุดเกิดเหตุคือใกล้ทางลอดอุโมงค์ก่อนถึงร้านวิวดี จะแจ้งความที่สน.อุดุมสุข จนท.ตร.บอกว่า ถ้าแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันต้องเสียค่าปรับเลย 500.- ถ้าอีกฝ่ายมาแจ้งความก็ต้องเสียเหมือนกัน แต่ถ้าผมแจ้งความแล้วอีกฝ่ายไม่มาหรืออีกฝ่ายแจ้งความแล้วผมไม่ไป คนที่แจ้งความก็เสียค่าปรับฟรี
หลังจากถ่ายภาพนี้ก็มีการทะเลาะมีปากเสียงกัน ผมให้คนขับแท็กซี่ขับรถวนออกไปทางราม แต่คนขับไม่ยอมจะขับย้อนศรไปทางบางนาให้ได้ และคนขับแท็กซี่จะให้ผมปั่นจักรยานเบี่ยงหลบทางขวาของผม ผมก็เลยบอกว่า แล้วถ้าเกิดผมโดนรถชนล่ะ และผมก็ท้าให้แท็กซั่ขับย้อนศรบนถนน(คนขับก็ไม่เอา คนขับแท็กซี่ยังห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่ไม่คิดว่าคนอื่นที่ต้องใช้ทางร่วมกันไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองบ้างหรือไงกัน) เมื่อเห็นผมยังไม่ยอมไปแต่โดยดีก็ทำร้ายครับ ผลักไหล่ซ้ายผม ยื้อยุดกัน แล้วก็ใส่หมัดขวาที่ขมับซ้ายผมก่อน ผมก็เลยสวนด้วยมือซ้ายที่ขมับซ้ายของคนขับบ้าง แล้วคนขับก็ใส่หมัดมาอีกหนึ่งหรือสองหมัดแต่โชคดีผมปัดป้องได้ พอใส่หมัดกันสักพักแท็กซี่ผลักผมไปกับจักรยานไล่ให้ไปจนผมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แข้งขวา ก็ผลักผมอยู่สักระยะ สุดท้ายเมื่อคนขับแท็กซี่เห็นว่าผมไม่ยอมไปอีกก็ยอมถอยรถขับรถลงอุโมงค์ไป
ผลจากเหตุครั้งนี้ทำให้ได้บทเรียนมา
ข้อหนึ่ง ถ้าโดนทำร้ายร่างกาย ห้ามตอบโต้อีกฝ่าย เพราะมันจะกลายเป็นทะเลาะวิวาท (อืม.....ห้ามโต้ตอบ)
ข้อสอง ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุทำร้ายร่างกาย เวลาพบเห็นผู้ขับรถกระทำผิดกฎจราจรให้ปล่อยไป
ปล.ไม่รู้ว่ามีห้องแท็กซี่หรือเปล่า แท็กห้องแค่นี้ล่ะกัน
จากการปั่นจักรยานเพื่อยืดเส้นกลายเป็นเหตุทะเลาะวิวาท กับแท็กซี่
จากการปั่นจักรยานเพื่อยืดเส้นกลายเป็นเหตุทะเลาะวิวาท กับแท็กซี่สีชมพูทะเบียน ทศ 6651 ตามภาพที่เจตนาขับย้อนศรบนไหล่ทางไปทางบางนา(บอกจะไปรับเมีย) ถนนเลียบกาญจนาภิเษกช่วงบางนา-อ่อนนุช โดยจุดเกิดเหตุคือใกล้ทางลอดอุโมงค์ก่อนถึงร้านวิวดี จะแจ้งความที่สน.อุดุมสุข จนท.ตร.บอกว่า ถ้าแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันต้องเสียค่าปรับเลย 500.- ถ้าอีกฝ่ายมาแจ้งความก็ต้องเสียเหมือนกัน แต่ถ้าผมแจ้งความแล้วอีกฝ่ายไม่มาหรืออีกฝ่ายแจ้งความแล้วผมไม่ไป คนที่แจ้งความก็เสียค่าปรับฟรี
หลังจากถ่ายภาพนี้ก็มีการทะเลาะมีปากเสียงกัน ผมให้คนขับแท็กซี่ขับรถวนออกไปทางราม แต่คนขับไม่ยอมจะขับย้อนศรไปทางบางนาให้ได้ และคนขับแท็กซี่จะให้ผมปั่นจักรยานเบี่ยงหลบทางขวาของผม ผมก็เลยบอกว่า แล้วถ้าเกิดผมโดนรถชนล่ะ และผมก็ท้าให้แท็กซั่ขับย้อนศรบนถนน(คนขับก็ไม่เอา คนขับแท็กซี่ยังห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่ไม่คิดว่าคนอื่นที่ต้องใช้ทางร่วมกันไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองบ้างหรือไงกัน) เมื่อเห็นผมยังไม่ยอมไปแต่โดยดีก็ทำร้ายครับ ผลักไหล่ซ้ายผม ยื้อยุดกัน แล้วก็ใส่หมัดขวาที่ขมับซ้ายผมก่อน ผมก็เลยสวนด้วยมือซ้ายที่ขมับซ้ายของคนขับบ้าง แล้วคนขับก็ใส่หมัดมาอีกหนึ่งหรือสองหมัดแต่โชคดีผมปัดป้องได้ พอใส่หมัดกันสักพักแท็กซี่ผลักผมไปกับจักรยานไล่ให้ไปจนผมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แข้งขวา ก็ผลักผมอยู่สักระยะ สุดท้ายเมื่อคนขับแท็กซี่เห็นว่าผมไม่ยอมไปอีกก็ยอมถอยรถขับรถลงอุโมงค์ไป
ผลจากเหตุครั้งนี้ทำให้ได้บทเรียนมา
ข้อหนึ่ง ถ้าโดนทำร้ายร่างกาย ห้ามตอบโต้อีกฝ่าย เพราะมันจะกลายเป็นทะเลาะวิวาท (อืม.....ห้ามโต้ตอบ)
ข้อสอง ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุทำร้ายร่างกาย เวลาพบเห็นผู้ขับรถกระทำผิดกฎจราจรให้ปล่อยไป
ปล.ไม่รู้ว่ามีห้องแท็กซี่หรือเปล่า แท็กห้องแค่นี้ล่ะกัน