สินค้าอะไรที่ซ้ำกันนี่ คนทำที่หลังถือว่าลอกเลียนหมดรึปล่าวครับ
หรือ Est นี่ลอกเลียนอีก 2 เจ้าน้ำดำรึปล่าว?
เลย์ กับ เทสโต้
Pepsi vs Coke
แฟนต้า, est, บิ๊กโคล่า
อือ ลองนึกถึงสินค้าหลายๆ อย่างนะ เอาจริงๆ แล้วมันทุกอย่างเลยรึปล่าวนะเนี่ย
อย่าว่าแต่ของกินของใช้ ขนาดเทคโนโลยี มือถือที่กี่ยี่ห้อๆ แทบจะสเปคเดียวกันแล้วเปลี่ยนแค่รูปทรงนิดหน่อยกับชื่อแบรนด์ ?
"ไม่ได้จะบอกว่าการก็อปปี้มันดีหรือถูกต้อง แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่ "คำนิยามของคำว่าลอกเลียนแบบ" ว่ามันอยู่ที่ตรงไหน"
ไม่เช่นนั้นแล้วใครทำอะไรก็คงไม่พ้นต้องลอกเลียนแบบใครสักคนบนโลกเข้าจนได้
จริงๆ แล้วคุณไปเดิน Lotus ถามจริงๆ ว่าคุณเจออะไรที่ Lotus ไม่ก็อปปี้ออกมาขายบ้าง แล้วเอามาวางข้างๆ ต้นฉบับ ตัดราคากันเห็นๆ
โหดสรัสมาก 5555
ปัญหาคือ เท่าที่ดู คนไทยเราเกลียดคนรวยเป็นทุนเดิม อะไรที่เป็นคำที่ถูก "ฝังหัว" มาในช่วงปีหลังๆ เช่น "กลุ่มทุน", "กลุ่มในเครือ" ฯลฯ พวกนี้นี่จะถูกมองว่า ยิ่งใหญ่ รวย แล้วก็เป็นเป้า ถูกด่าได้ง่าย
ไม่รู้ว่าเพราะคนไทยเราจนกันเยอะกว่าคนรวย เลยดูเหมือนเสียงคนรวยเกลียดคนรวยรึปล่าวก็ไม่รู้แหะ
ไอที่ฮาก็คือ พอมีกรณีแบบ เครือใหญ่ๆ แบบ โออิชิ, อิชิตัน ฯลฯ ถูกก็อปบ้าง คนไทยบอกว่า? ----------> อันนี้สมควรแล้วค่ะ/ครับ
???!!?
มีหลักการจริงๆ หรือว่าโหนหลักการมาด่าคนที่เกลียดเองอยู่แล้ว
ก็มุขเดิมๆ ยักษ์ใหญ่ลงมาทำร้ายคนตัวเล็กๆ ตาดำๆ แหม่ ถ้าไม่บอกนี่นึกว่าการเมือง
พวกอาหารทั้งหลายที่ก็อปหรือพยายามจะก็อปกันนี้ ทำได้ก็แค่ไอเดียคร่าวๆ แต่ "สูตร" หรือ recipe นี่ยังไงก็ไม่เหมือนกัน มีข่าวในตำนานอยู่ว่า เคยมีชายคนนึงเข้าไปที่บริษัท Pepsi เพื่อเสนอขายสูตรของ Coke ให้ แต่ Pepsi จับชายคนนั้นส่งตำรวจเลย
ถ้าคุณทำขนม, อาหาร, น้ำ หรือแม้แต่ เสื้อยืด อะไรสักอย่างออกมาแล้วคิดว่าในโลกนี้จะไม่มีคนทำเหมือน คล้าย หรือใกล้เคียงกับของคุณเลยไม่ว่าก่อนหน้าหรือทีหลัง ไม่ว่าตั้งใจหรือบังเอิญ คุณก็ลำบากแล้วล่ะ
***ทุกวันนี้ ไม่มีอะไรอะไรแม้แต่อย่างเดียวในโลกที่ไม่มีคู่แข่งทางการค้า แม้แต่น้ำไฟที่เราใช้ยังมีคู่แข่งเลยคุณเอ้ย***
ของบางอย่าง มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่รสชาติไม่เหมือนกัน นี่แหละคือสิ่งสำคัญ เพราะสินค้าแต่ละอย่างไม่ใช่เหมือนกันแค่หน้าตา ไก่ทอด KFC ไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาของมันแต่คือรสชาติ คือสูตรเฉพาะ
ถ้ามีคนทอดไก่ที่หน้าตาเหมือน KFC เลยเราจะถือว่าเป็นการก็อปปี้มั้ย คงจะไม่ เพราะรสชาติไม่เหมือนกัน
ขนมอะไรที่คุณทำ อาหารอะไรที่คุณขาย มันต้องมีมากกว่าหน้าตาและชื่อแบรนด์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองนะ
ก็เหมือน Coke กับ Pepsi หลายๆ คนก็บอกว่า "มันไม่เหมือนกัน" (ทั้งที่ส่วนตัวผมก็แยกแทบไม่ออก 5555 และซื้อทั้ง 2 แบรนด์)
อย่าด่าใครแค่เพราะมีธงอยู่ในใจหรือด้วยอคติ Lotus, Big C, CP หรือแบรนด์ไหนๆ ก็มีสิทธิเข้าสู่ตลาดการค้าได้ เพราะมันคือตลาดเสรี และเพราะความเป็นเสรีและมีการแข่งขัน มันจึงเกิดการพัฒนา ไม่ผูกขาด และส่งผลประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ทำการค้า อย่างแรกเลยที่ต้องเจอคือ "คู่แข่ง" ถ้ารับข้อนี้ไม่ได้ก็ควรต้องขายของแต่แรกแล้ว
เว้นแต่สินค้าคุณสามารถนำไปจดลิขสิทธิ์ได้
รายย่อยกับแบรนด์ใหญ่มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป และกระตุ้นเศรษฐกิจในชาติต่างกันไป อย่างที่เคยเปรียบเทียบว่า ร้านข้าวข้างทางขึ้นราคาข้าวทีละ 5 บาท ทั้งที่ต้นทุนอาจจะแค่ 2-3 บาท แต่ถ้าเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ เค้าขึ้นราคาสินค้าแค่ 1 บาทก็ได้กำไรแล้วด้วยการขายจำนวนมาก
การเติบโตที่ดีกว่า มีทุนวิจัย สามารถต่อยอดพัฒนาได้เยอะ มีการบริหารเป็นองค์กรณ์ มันรูปแบบ โครงสร้าง มีนโยบาย
สิ่งที่ทำให้ประเทศพัฒนาทั้งหลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ ก็เพราะการเติบโตของธุรกิจขนาดใหญ่ ตั้งแต่ในชาติ ไปยันข้ามชาติ
ถ้าทุกๆ ธุรกิจไม่เติบโตเลย เป็นรายย่อยน่ารักๆ รอเล่นบทผู้น้อยผู้ถูกกลั่นแกล้งเอารัดเอาเปรียบ จะเป็นอย่างไร ไม่มีการโต ก็อยู่กันไปแบบนั้น
ไม่ใช่แค่ CP แต่จำไว้เลย แบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายนี่แหละ คือกลุ่มก้อนที่สำคัญของเศรษฐกิจชาติ คือกำลังพัฒนา คือคนที่มีแรงไปต่อสู้กับบริษัทหรือแบรนด์ต่างชาติ คือกลุ่มที่ต่อยอดได้
กรณีนี้ ถ้า CP ผิดจริงก็ว่าไปตามนั้น แต่ตามที่ผมดู ผมเห็นว่าลอกเลียนสินค้า แบบที่เกิดขึ้นกันทั่วไป มันไม่ใช่สินค้าลิขสิทธิ์ ก็อย่างที่บอกว่าคุณจะทำน้ำอัดลมสีดำออกมาขายแล้วตั้งชื่อว่า Cock ก็ได้ ปัญหาคือ คุณทำแล้วสู้ได้หรือปล่าว หาที่ยืนของตัวเองโดยไม่ให้คนซื้อชิมแล้วคิดว่า ซื้อ Coke ดีกว่า (อย่าง Est บางคนก็ชอบรสชาติมากกว่านะ)
ที่ห่วง คืออย่างเดียวเลย เพราะถ้าที่ดู ด่าตามกระแส และเกลียด CP เกลียดบริษัทใหญ่ เกลียดคนรวย อคติ อะไรแบบนี้เสียมากกว่าน่ะครับ
สงสัย Pepsi นี่เค้าลอกเลียน Coke รึปล่าวครับ?
หรือ Est นี่ลอกเลียนอีก 2 เจ้าน้ำดำรึปล่าว?
เลย์ กับ เทสโต้
Pepsi vs Coke
แฟนต้า, est, บิ๊กโคล่า
อือ ลองนึกถึงสินค้าหลายๆ อย่างนะ เอาจริงๆ แล้วมันทุกอย่างเลยรึปล่าวนะเนี่ย
อย่าว่าแต่ของกินของใช้ ขนาดเทคโนโลยี มือถือที่กี่ยี่ห้อๆ แทบจะสเปคเดียวกันแล้วเปลี่ยนแค่รูปทรงนิดหน่อยกับชื่อแบรนด์ ?
"ไม่ได้จะบอกว่าการก็อปปี้มันดีหรือถูกต้อง แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่ "คำนิยามของคำว่าลอกเลียนแบบ" ว่ามันอยู่ที่ตรงไหน"
ไม่เช่นนั้นแล้วใครทำอะไรก็คงไม่พ้นต้องลอกเลียนแบบใครสักคนบนโลกเข้าจนได้
จริงๆ แล้วคุณไปเดิน Lotus ถามจริงๆ ว่าคุณเจออะไรที่ Lotus ไม่ก็อปปี้ออกมาขายบ้าง แล้วเอามาวางข้างๆ ต้นฉบับ ตัดราคากันเห็นๆ
โหดสรัสมาก 5555
ปัญหาคือ เท่าที่ดู คนไทยเราเกลียดคนรวยเป็นทุนเดิม อะไรที่เป็นคำที่ถูก "ฝังหัว" มาในช่วงปีหลังๆ เช่น "กลุ่มทุน", "กลุ่มในเครือ" ฯลฯ พวกนี้นี่จะถูกมองว่า ยิ่งใหญ่ รวย แล้วก็เป็นเป้า ถูกด่าได้ง่าย
ไม่รู้ว่าเพราะคนไทยเราจนกันเยอะกว่าคนรวย เลยดูเหมือนเสียงคนรวยเกลียดคนรวยรึปล่าวก็ไม่รู้แหะ
ไอที่ฮาก็คือ พอมีกรณีแบบ เครือใหญ่ๆ แบบ โออิชิ, อิชิตัน ฯลฯ ถูกก็อปบ้าง คนไทยบอกว่า? ----------> อันนี้สมควรแล้วค่ะ/ครับ
???!!?
มีหลักการจริงๆ หรือว่าโหนหลักการมาด่าคนที่เกลียดเองอยู่แล้ว
ก็มุขเดิมๆ ยักษ์ใหญ่ลงมาทำร้ายคนตัวเล็กๆ ตาดำๆ แหม่ ถ้าไม่บอกนี่นึกว่าการเมือง
พวกอาหารทั้งหลายที่ก็อปหรือพยายามจะก็อปกันนี้ ทำได้ก็แค่ไอเดียคร่าวๆ แต่ "สูตร" หรือ recipe นี่ยังไงก็ไม่เหมือนกัน มีข่าวในตำนานอยู่ว่า เคยมีชายคนนึงเข้าไปที่บริษัท Pepsi เพื่อเสนอขายสูตรของ Coke ให้ แต่ Pepsi จับชายคนนั้นส่งตำรวจเลย
ถ้าคุณทำขนม, อาหาร, น้ำ หรือแม้แต่ เสื้อยืด อะไรสักอย่างออกมาแล้วคิดว่าในโลกนี้จะไม่มีคนทำเหมือน คล้าย หรือใกล้เคียงกับของคุณเลยไม่ว่าก่อนหน้าหรือทีหลัง ไม่ว่าตั้งใจหรือบังเอิญ คุณก็ลำบากแล้วล่ะ
***ทุกวันนี้ ไม่มีอะไรอะไรแม้แต่อย่างเดียวในโลกที่ไม่มีคู่แข่งทางการค้า แม้แต่น้ำไฟที่เราใช้ยังมีคู่แข่งเลยคุณเอ้ย***
ของบางอย่าง มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่รสชาติไม่เหมือนกัน นี่แหละคือสิ่งสำคัญ เพราะสินค้าแต่ละอย่างไม่ใช่เหมือนกันแค่หน้าตา ไก่ทอด KFC ไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาของมันแต่คือรสชาติ คือสูตรเฉพาะ
ถ้ามีคนทอดไก่ที่หน้าตาเหมือน KFC เลยเราจะถือว่าเป็นการก็อปปี้มั้ย คงจะไม่ เพราะรสชาติไม่เหมือนกัน
ขนมอะไรที่คุณทำ อาหารอะไรที่คุณขาย มันต้องมีมากกว่าหน้าตาและชื่อแบรนด์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองนะ
ก็เหมือน Coke กับ Pepsi หลายๆ คนก็บอกว่า "มันไม่เหมือนกัน" (ทั้งที่ส่วนตัวผมก็แยกแทบไม่ออก 5555 และซื้อทั้ง 2 แบรนด์)
อย่าด่าใครแค่เพราะมีธงอยู่ในใจหรือด้วยอคติ Lotus, Big C, CP หรือแบรนด์ไหนๆ ก็มีสิทธิเข้าสู่ตลาดการค้าได้ เพราะมันคือตลาดเสรี และเพราะความเป็นเสรีและมีการแข่งขัน มันจึงเกิดการพัฒนา ไม่ผูกขาด และส่งผลประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ทำการค้า อย่างแรกเลยที่ต้องเจอคือ "คู่แข่ง" ถ้ารับข้อนี้ไม่ได้ก็ควรต้องขายของแต่แรกแล้ว
เว้นแต่สินค้าคุณสามารถนำไปจดลิขสิทธิ์ได้
รายย่อยกับแบรนด์ใหญ่มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป และกระตุ้นเศรษฐกิจในชาติต่างกันไป อย่างที่เคยเปรียบเทียบว่า ร้านข้าวข้างทางขึ้นราคาข้าวทีละ 5 บาท ทั้งที่ต้นทุนอาจจะแค่ 2-3 บาท แต่ถ้าเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ เค้าขึ้นราคาสินค้าแค่ 1 บาทก็ได้กำไรแล้วด้วยการขายจำนวนมาก
การเติบโตที่ดีกว่า มีทุนวิจัย สามารถต่อยอดพัฒนาได้เยอะ มีการบริหารเป็นองค์กรณ์ มันรูปแบบ โครงสร้าง มีนโยบาย
สิ่งที่ทำให้ประเทศพัฒนาทั้งหลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ ก็เพราะการเติบโตของธุรกิจขนาดใหญ่ ตั้งแต่ในชาติ ไปยันข้ามชาติ
ถ้าทุกๆ ธุรกิจไม่เติบโตเลย เป็นรายย่อยน่ารักๆ รอเล่นบทผู้น้อยผู้ถูกกลั่นแกล้งเอารัดเอาเปรียบ จะเป็นอย่างไร ไม่มีการโต ก็อยู่กันไปแบบนั้น
ไม่ใช่แค่ CP แต่จำไว้เลย แบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายนี่แหละ คือกลุ่มก้อนที่สำคัญของเศรษฐกิจชาติ คือกำลังพัฒนา คือคนที่มีแรงไปต่อสู้กับบริษัทหรือแบรนด์ต่างชาติ คือกลุ่มที่ต่อยอดได้
กรณีนี้ ถ้า CP ผิดจริงก็ว่าไปตามนั้น แต่ตามที่ผมดู ผมเห็นว่าลอกเลียนสินค้า แบบที่เกิดขึ้นกันทั่วไป มันไม่ใช่สินค้าลิขสิทธิ์ ก็อย่างที่บอกว่าคุณจะทำน้ำอัดลมสีดำออกมาขายแล้วตั้งชื่อว่า Cock ก็ได้ ปัญหาคือ คุณทำแล้วสู้ได้หรือปล่าว หาที่ยืนของตัวเองโดยไม่ให้คนซื้อชิมแล้วคิดว่า ซื้อ Coke ดีกว่า (อย่าง Est บางคนก็ชอบรสชาติมากกว่านะ)
ที่ห่วง คืออย่างเดียวเลย เพราะถ้าที่ดู ด่าตามกระแส และเกลียด CP เกลียดบริษัทใหญ่ เกลียดคนรวย อคติ อะไรแบบนี้เสียมากกว่าน่ะครับ