** ได้รับการสนับสนุนการเดินทางและอุปกรณ์จาก Samsung ครับ เลยถือโอกาสนำภาพและเกร็ดความรู้ที่ได้มาฝากเพื่อนๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหาที่เที่ยวในเกาหลีใต้ครับ**
สวัสดีครับ ก่อนจะพาเพื่อนๆไปเที่ยว ผมก็ขอพูดถึงสปอนเซอร์ซะหน่อย เพราะหากไม่มีสปอนเซอร์เหล่านี้ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปในที่แปลกๆ ที่ผมคิดว่าหลายๆที่ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปเองแน่ๆ
หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อโครงการ Samsung NXTraveller มาก่อน (ผมก็พึ่งรู้จักเหมือนกัน 555) โครงการนี้จัดโดย Samsung ครับ และปีนี้จัดมาเป็นปีที่3แล้ว (ปีแรกไปเวียดนาม ปีที่2ไปออสเตรเลีย) ปีนี้เราเดินทางไปเกาหลีใต้ โดยทาง Samsung ร่วมกับ Korean Tourism Organization ใช้เวลาช่วยกันวางแผนการเดินทางให้เรากว่าครึ่งปีเลยทีเดียว และปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่เป็นปีแรกที่มีคนไทยได้รับคัดเลือกให้ เข้าร่วมโครงการครับ โดยคณะเดินทางจะประกอบไปด้วยช่างภาพจาก6ประเทศ และ Blogger ที่ได้รับเลือก
( Website โครงการครับ มีจัดการเดินทางทุกปี และเปิดให้เพื่อนๆสมัครเข้าร่วมได้ เผื่อใครสนใจปีหน้าจะได้ไป เที่ยวกันครับ
https://www.smartphotography.asia/ )
โปรแกรมการเดินทาง และค่าใช้จ่ายต่างๆ ทางโครงการออกให้ทั้งหมด โดยหน้าที่ของช่างภาพคือใช้กล้อง Samsung NX ที่ได้รับ ถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ตามสไตล์ตัวเอง เพื่อเอาภาพที่ได้ไว้ใช้เผยแพร่ครับ กล้องที่ผมได้มามี 2 ตัว คือ NX1 (หนัก ใหญ่ หน้าตาเหมือนDSLR ไม่มีในไทย) และ NX500 (ขนาดเล็ก พก ง่าย พึ่งเข้าไทย) พร้อมเลนส์ 16-50 mm f2.0-2.8 และ 18-200 mm f 3.5-6.3 รูปทั้งหมดจากทริปนี้จึงมาจากกล้อง2ตัวนี้ครับ และภาพที่ผมลงจะแต่งโดยแอพ Snapseed, Picart และ VSCOcam
ทริปนี้ใช้เวลาเดินทางกันทั้งหมด 7 วัน ผมจึงจะขอแบ่งเรื่องราวการเดินทางออกเป็นตอนๆ เพื่อให้เนื้อหาในแต่ละตอนไม่เยอะเกินไปครับ ในการเดินทางมีเวลาค่อนข้างจำกัด เพราะต้องไปถ่ายรูปหลายที่ และต้องถ่ายเพื่อทำงานไปด้วย แต่ก็พยายามเก็บเกร็ดความรู้ ภาพหลายๆมุม และข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากเพื่อนๆนะครับ หากมีตรงไหนผิดพลาด หรือเพื่อนๆมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้ครับ ผมจะเพิ่มเติมลงไปให้
#ออกเดินทางกันเถอะะ
ทริปนี้เราเริ่มต้นเดินทางจากกรุงโซล นั้งรถทัวไล่ลงไปทางใต้และวนกลับขึ้นมากรุงโซลในวันสุดท้าย เรียกได้ว่า ขึ้นเหนือ ล่องใต้ของจริง เดินทางกันวันนึงหลาย ชม.เลยครับ
( แผนที่การเดินทางคร่าวๆครับ ผมปักหมุดเองอาจจะไม่เป๊ะเท่าไหร่ แผนที่จากเวป http:// galleryhip.com/korean-map.html )
เรามาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน เกาหลีใต้ ตั้งแต่เช้ามืด เวลาประมาณ 5:30 (ที่ไทยคือ 3:30 เวลาที่ เกาหลีจะเร็วกว่าไทย 2 ชม.ครับ ) อุณหภูมิตอนเรามาถึงอยู่ที่ประมาณ15 องศา กำลังเย็นสบายให้เราได้ดี๊ด๋าตามสไตล์คนไทยหนีร้อนมาเจอหนาว เราออกเดินทางเอาของไปเก็บที่โรงแรม Intercontinental Seoul Coex (ตั้งอยู่ ในเขตกังนัม ใครที่ชอบช๊อปปิ้ง ผมแนะนำเลยครับ โรงแรมดีมาก ติดห้าง Coex และไปสถานีรถไฟใต้ดินกังนัม โดยนั่งรถแทกซี่ไปได้ ใช้เวลาไม่เกิน10นาที // พิกัดโรงแรม: 37.512873, 127.057515 )
ห้าง Coex เป็นห้างใหญ่ที่รวมแบรนด์ต่างๆไว้เยอะมาก และมีโซนจัดนิทรรศการ และมี Aquarium ด้านในด้วย คล้ายๆพารากอนเมืองไทยนั่นแหละฮะท่านผู้ชม โดยสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ห้างที่สุดคือสถานี Samseong และด้วยความที่ยังเช้ามาก เรายังเช็คอินไม่ได้ เลยไปเดินถ่ายรูปเล่นกันที่วัด Bongeunsa ซึ่งสามารถเดิน จากโรงแรมไปโดยใช้เวลาประมาณ 5-10นาที
( ภาพทางเข้าวัด ถ่ายด้วย NX1+ 16-50mm )
( พิกัดวัด: 37.515359, 127.057409 )
วัด Bongeunsa ตั้งอยู่ตรงข้าม Coex mall วัดแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 794 แต่ก็สร้างๆ หยุดๆมาเรื่อย แล้วแต่กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชในแต่ละสมัย ในช่วงปี ค.ศ. 1551- ค.ศ. 1936 วัด Bongeunsa รุ่งเรืองมาก และกลายเป็นวัดสำคัญของนิกาย Zen ในเกาหลีใต้ แต่ก็ถูกทำลายเกือบทั้งหมดในปี ค.ศ. 1939 เพราะไฟไหม้ และสงครามเกาหลีในปี ค.ศ. 1950 หลังจบสงคราม วัด Bongeunsa ได้รับการซ่อมแซมและสร้างใหม่มาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
จุดเด่นของวัด Bongeunsa คือสถาปัตยกรรมแบบโบราณ และเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มว้ากก
ช่วงที่เรามาถึงเกาหลีใต้ มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
ข่าวดีคือ ซากุระยังบานอยู่
ข่าวร้ายคือ มีพายุเข้า ฟ้าจึงครึ้ม มีฝนตก และอากาศหนาวกว่าปรกติ T-T
( บรรยากาศภายในวัด ถ่ายด้วย NX1+ 16-50mm )
บรรยากาศในวัดก็ร่มรื่นดี อากาศเย็นสบาย มีครอบครัวมาไหว้พระกันขอพรกัน เหมือนวัดทั่วๆไป
( เจ้าแม่กวนอิมองค์เล็ก ด้านหน้าวัด ถ่ายด้วย NX1+ 16-50mm )
ระหว่างเดินถ่ายรูปเล่นก็มีคู่รักมุ้งมิ้ง มาไหว้พระขอพรกันให้เราได้ตาร้อนผ่าวๆ แก้หนาวกันเป็นระยะๆ หึหึหึ
ภาพบรรยากาศมุมอื่นๆภายในวัดครับ
หลังจากเดินถ่ายรูปภายในวัดกันอยู่พักใหญ่ๆ เราก็ออกไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารใกล้ๆโรงแรม
ร้านนี้ชื่อ Hae-Woo-Ri
อาหารมื้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปลา (เมนูปลาย่างในรูปชื่อ “Go-Deung-O-Jeong-Sik” เป็นปลาแมคเคอเรลย่าง ) และ สาหร่าย แล้วก็เครื่องเคียงมากมายตามสไตล์อาหารเกาหลี
มื้อนี้ผมให้ 6/10 รสชาติรวมๆถือว่าดี แต่ค่อนข้างจืด เพราะมีแค่ปลาและสาหร่าย (ที่ไม่มีรสชาติ เน้นเคี้ยวลื่นๆปาก) แต่กินแล้วรู้สึกได้ว่าสุขภาพดี 555
หลังจากกินกันจนพุงตึงเราก็กลับมาพักผ่อนกันจนถึงเย็น เราก็มีความคิดว่าจะออกไปหาของกินกัน(อีกแล้ว) โดยเราจะออกไปหาร้านอาหารกินเองนอกเหนือโปรแกรมทัว เพราะมีคนแนะนำมาว่า หากไปกังนัม ต้องไปลองกินไก่ทอด เป็นของขึ้นชื่อที่นี่ เราเลยไปเปิดหูเปิดตากันที่ถนนกังนัม โดยนั่งรถแท็กซี่จากโรงแรมไปลงสถานีรถไฟใต้ ดินกังนัม ประมาณ 10 นาที ค่ารถแท็กซี่ประมาณ 5,300 KRW
( บรรยากาศถนนกังนัม ก็คงคล้ายๆกับโซนสยามบ้านเรา มีร้านค้า ร้านอาหารเยอะมาก )
( พิกัดสถานีรถไฟใต้ดินกังนัม: 37.496816, 127.028103 )
หลังจากเดินเตร็ดเตร่เป็นกะเหรี่ยงเข้ากรุงกันสักพัก และตกลงร้านอาหารไม่ได้สักที เราเลยสุ่มเดินเข้าร้านอาหารร้านนึง ร้านชื่อ Misulgwan จำง่ายๆร้านที่โลโก้เป็นคางคก 555 ซึ่งถือว่าโชคเข้าข้าง อาหารอร่อย บรรยากาศดีใช้ได้
(โลโก้ร้าน ใครผ่านไปก็ลองแวะทานดูครับ อาหารอร่อย)
มื้อนี้เราสั่งกันทั้งหมด 3 เมนู
ประเดิมกันด้วยเมนูแรก
เมนูนี้ชื่อ Jo-Gae-Tang
ซุปหอยร้อนๆ เป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของเกาหลี หน้าตาดูเหมือนแกงจืด น้ำใสๆ แต่รสชาติเข้มข้นกว่าที่คิดเยอะเลยครับ เหมาะกับทานตอนอากาศหนาวๆมาก
ตามมาติดๆด้วยเมนูที่2
เมนูนี้ชื่อ Nak-Ha-Sam เป็นหมู3ชั้นย่าง มาพร้อมปลาหมึกและผักยำแบบเกาหลี ออกเปรี้ยวนำ กินไปกินมา เผ็ดใช้ได้เลย
ก่อนคนกินก็ต้องให้กล้องกินก่อนตามธรรมเนียมนิยม 555
( น้องไหม เจ้าของเพจ “ไปไง มาไง” หนึ่งในคณะเดินทาง ใครชอบเที่ยวไปติดตามเพจน้องเขาได้นะครับ มีรูป
และเรื่องราวการท่องเที่ยวมาให้อ่านตลอด
https://www.facebook.com/incaseyouwonderwdwg )
และแล้วก็มาถึงเมนูสุดท้ายย ไก่ทอดกังนัมที่รอคอย
เมนูนี้ชื่อ Ba-Sak-Kan-Poong-Gi ซึ่งแปลว่ากรุบกรอบ
มาพร้อมซอสหวาน คล้ายๆซอสบ๊วยบ้านเรา แต่ไม่หวานเท่า จานนี้โรยผงเครื่องเทศมาด้วย
รสชาติดี กรุบกรอบสมชื่อ แต่กินไปมากๆจะค่อนข้างเลี่ยนเพราะแป้ง ต้องกินสลับกับซุปหอยและเมนูอื่นๆ จะเข้า กันมาก
ราคามื้อนี้โดนค่าเสียหายไปทั้งหมด 89,500 KRW สำหรับ3 คน
เยอะจนทานไม่หมดต้องห่อกลับ และรวมเครื่องดื่มแล้ว ก็ถือว่าไม่แพง
สรุปมื้อนี้ ให้ 9/10 อร่อยถูกปากคนไทย
หลังจากทานอาหารเย็นกันอิ่มหนำ พร้อมมีไก่ทอดที่เหลือมาฝากคนอื่นๆที่โรงแรม (ตอนให้ก็บอกไปว่า ยูๆไอซื้อมาฝาก) เราก็มีประชุมทีมงานที่โรงแรม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายภาพแบบจริงจัง ที่จะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยทางโครงการ NXTraveller Korea 2015 กำหนด Themeถ่ายภาพ ในแต่ละวันด้วย เพื่อเพิ่มความท้าทายให้ช่างภาพ(หรือเพิ่มความกดดันก็ไม่รู้ 555) และหากภาพใครชนะในแต่ละวันจะได้ของขวัญเล็กๆน้อย ก็เป็นการเพิ่มความตื่นเต้นในแต่ละวันดี
หมดวัน อิ่มท้อง นอนพักเพื่อเตรียมพร้อมเดินทางต่อพรุ่งนี้
พรุ่งนี้เราจะไปเริ่มต้นการเดินทางอย่างเป็นทางการกันที่ Suwon ครับ
Suwon เมืองที่ได้ชื่อเล่นว่า เมืองซัมซุง
...
to be continue .
(ติดตามภาพนอกเหนือจากนี้ได้ทาง instagram : Lightculture ครับ)
ตอน2 >>
http://ppantip.com/topic/33587266
ตอน3 >>
http://ppantip.com/topic/33620589
[SR] ตะลุยเกาหลีใต้ กับ NXTraveller Korea 2015 #1
สวัสดีครับ ก่อนจะพาเพื่อนๆไปเที่ยว ผมก็ขอพูดถึงสปอนเซอร์ซะหน่อย เพราะหากไม่มีสปอนเซอร์เหล่านี้ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปในที่แปลกๆ ที่ผมคิดว่าหลายๆที่ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปเองแน่ๆ
หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อโครงการ Samsung NXTraveller มาก่อน (ผมก็พึ่งรู้จักเหมือนกัน 555) โครงการนี้จัดโดย Samsung ครับ และปีนี้จัดมาเป็นปีที่3แล้ว (ปีแรกไปเวียดนาม ปีที่2ไปออสเตรเลีย) ปีนี้เราเดินทางไปเกาหลีใต้ โดยทาง Samsung ร่วมกับ Korean Tourism Organization ใช้เวลาช่วยกันวางแผนการเดินทางให้เรากว่าครึ่งปีเลยทีเดียว และปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่เป็นปีแรกที่มีคนไทยได้รับคัดเลือกให้ เข้าร่วมโครงการครับ โดยคณะเดินทางจะประกอบไปด้วยช่างภาพจาก6ประเทศ และ Blogger ที่ได้รับเลือก
( Website โครงการครับ มีจัดการเดินทางทุกปี และเปิดให้เพื่อนๆสมัครเข้าร่วมได้ เผื่อใครสนใจปีหน้าจะได้ไป เที่ยวกันครับ https://www.smartphotography.asia/ )
โปรแกรมการเดินทาง และค่าใช้จ่ายต่างๆ ทางโครงการออกให้ทั้งหมด โดยหน้าที่ของช่างภาพคือใช้กล้อง Samsung NX ที่ได้รับ ถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ตามสไตล์ตัวเอง เพื่อเอาภาพที่ได้ไว้ใช้เผยแพร่ครับ กล้องที่ผมได้มามี 2 ตัว คือ NX1 (หนัก ใหญ่ หน้าตาเหมือนDSLR ไม่มีในไทย) และ NX500 (ขนาดเล็ก พก ง่าย พึ่งเข้าไทย) พร้อมเลนส์ 16-50 mm f2.0-2.8 และ 18-200 mm f 3.5-6.3 รูปทั้งหมดจากทริปนี้จึงมาจากกล้อง2ตัวนี้ครับ และภาพที่ผมลงจะแต่งโดยแอพ Snapseed, Picart และ VSCOcam
ทริปนี้ใช้เวลาเดินทางกันทั้งหมด 7 วัน ผมจึงจะขอแบ่งเรื่องราวการเดินทางออกเป็นตอนๆ เพื่อให้เนื้อหาในแต่ละตอนไม่เยอะเกินไปครับ ในการเดินทางมีเวลาค่อนข้างจำกัด เพราะต้องไปถ่ายรูปหลายที่ และต้องถ่ายเพื่อทำงานไปด้วย แต่ก็พยายามเก็บเกร็ดความรู้ ภาพหลายๆมุม และข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากเพื่อนๆนะครับ หากมีตรงไหนผิดพลาด หรือเพื่อนๆมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้ครับ ผมจะเพิ่มเติมลงไปให้
#ออกเดินทางกันเถอะะ
ทริปนี้เราเริ่มต้นเดินทางจากกรุงโซล นั้งรถทัวไล่ลงไปทางใต้และวนกลับขึ้นมากรุงโซลในวันสุดท้าย เรียกได้ว่า ขึ้นเหนือ ล่องใต้ของจริง เดินทางกันวันนึงหลาย ชม.เลยครับ
( แผนที่การเดินทางคร่าวๆครับ ผมปักหมุดเองอาจจะไม่เป๊ะเท่าไหร่ แผนที่จากเวป http:// galleryhip.com/korean-map.html )
เรามาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน เกาหลีใต้ ตั้งแต่เช้ามืด เวลาประมาณ 5:30 (ที่ไทยคือ 3:30 เวลาที่ เกาหลีจะเร็วกว่าไทย 2 ชม.ครับ ) อุณหภูมิตอนเรามาถึงอยู่ที่ประมาณ15 องศา กำลังเย็นสบายให้เราได้ดี๊ด๋าตามสไตล์คนไทยหนีร้อนมาเจอหนาว เราออกเดินทางเอาของไปเก็บที่โรงแรม Intercontinental Seoul Coex (ตั้งอยู่ ในเขตกังนัม ใครที่ชอบช๊อปปิ้ง ผมแนะนำเลยครับ โรงแรมดีมาก ติดห้าง Coex และไปสถานีรถไฟใต้ดินกังนัม โดยนั่งรถแทกซี่ไปได้ ใช้เวลาไม่เกิน10นาที // พิกัดโรงแรม: 37.512873, 127.057515 )
ห้าง Coex เป็นห้างใหญ่ที่รวมแบรนด์ต่างๆไว้เยอะมาก และมีโซนจัดนิทรรศการ และมี Aquarium ด้านในด้วย คล้ายๆพารากอนเมืองไทยนั่นแหละฮะท่านผู้ชม โดยสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ห้างที่สุดคือสถานี Samseong และด้วยความที่ยังเช้ามาก เรายังเช็คอินไม่ได้ เลยไปเดินถ่ายรูปเล่นกันที่วัด Bongeunsa ซึ่งสามารถเดิน จากโรงแรมไปโดยใช้เวลาประมาณ 5-10นาที
( ภาพทางเข้าวัด ถ่ายด้วย NX1+ 16-50mm )
( พิกัดวัด: 37.515359, 127.057409 )
วัด Bongeunsa ตั้งอยู่ตรงข้าม Coex mall วัดแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 794 แต่ก็สร้างๆ หยุดๆมาเรื่อย แล้วแต่กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชในแต่ละสมัย ในช่วงปี ค.ศ. 1551- ค.ศ. 1936 วัด Bongeunsa รุ่งเรืองมาก และกลายเป็นวัดสำคัญของนิกาย Zen ในเกาหลีใต้ แต่ก็ถูกทำลายเกือบทั้งหมดในปี ค.ศ. 1939 เพราะไฟไหม้ และสงครามเกาหลีในปี ค.ศ. 1950 หลังจบสงคราม วัด Bongeunsa ได้รับการซ่อมแซมและสร้างใหม่มาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
จุดเด่นของวัด Bongeunsa คือสถาปัตยกรรมแบบโบราณ และเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มว้ากก
ช่วงที่เรามาถึงเกาหลีใต้ มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
ข่าวดีคือ ซากุระยังบานอยู่
ข่าวร้ายคือ มีพายุเข้า ฟ้าจึงครึ้ม มีฝนตก และอากาศหนาวกว่าปรกติ T-T
( บรรยากาศภายในวัด ถ่ายด้วย NX1+ 16-50mm )
บรรยากาศในวัดก็ร่มรื่นดี อากาศเย็นสบาย มีครอบครัวมาไหว้พระกันขอพรกัน เหมือนวัดทั่วๆไป
( เจ้าแม่กวนอิมองค์เล็ก ด้านหน้าวัด ถ่ายด้วย NX1+ 16-50mm )
ระหว่างเดินถ่ายรูปเล่นก็มีคู่รักมุ้งมิ้ง มาไหว้พระขอพรกันให้เราได้ตาร้อนผ่าวๆ แก้หนาวกันเป็นระยะๆ หึหึหึ
ภาพบรรยากาศมุมอื่นๆภายในวัดครับ
หลังจากเดินถ่ายรูปภายในวัดกันอยู่พักใหญ่ๆ เราก็ออกไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารใกล้ๆโรงแรม
ร้านนี้ชื่อ Hae-Woo-Ri
อาหารมื้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปลา (เมนูปลาย่างในรูปชื่อ “Go-Deung-O-Jeong-Sik” เป็นปลาแมคเคอเรลย่าง ) และ สาหร่าย แล้วก็เครื่องเคียงมากมายตามสไตล์อาหารเกาหลี
มื้อนี้ผมให้ 6/10 รสชาติรวมๆถือว่าดี แต่ค่อนข้างจืด เพราะมีแค่ปลาและสาหร่าย (ที่ไม่มีรสชาติ เน้นเคี้ยวลื่นๆปาก) แต่กินแล้วรู้สึกได้ว่าสุขภาพดี 555
หลังจากกินกันจนพุงตึงเราก็กลับมาพักผ่อนกันจนถึงเย็น เราก็มีความคิดว่าจะออกไปหาของกินกัน(อีกแล้ว) โดยเราจะออกไปหาร้านอาหารกินเองนอกเหนือโปรแกรมทัว เพราะมีคนแนะนำมาว่า หากไปกังนัม ต้องไปลองกินไก่ทอด เป็นของขึ้นชื่อที่นี่ เราเลยไปเปิดหูเปิดตากันที่ถนนกังนัม โดยนั่งรถแท็กซี่จากโรงแรมไปลงสถานีรถไฟใต้ ดินกังนัม ประมาณ 10 นาที ค่ารถแท็กซี่ประมาณ 5,300 KRW
( บรรยากาศถนนกังนัม ก็คงคล้ายๆกับโซนสยามบ้านเรา มีร้านค้า ร้านอาหารเยอะมาก )
( พิกัดสถานีรถไฟใต้ดินกังนัม: 37.496816, 127.028103 )
หลังจากเดินเตร็ดเตร่เป็นกะเหรี่ยงเข้ากรุงกันสักพัก และตกลงร้านอาหารไม่ได้สักที เราเลยสุ่มเดินเข้าร้านอาหารร้านนึง ร้านชื่อ Misulgwan จำง่ายๆร้านที่โลโก้เป็นคางคก 555 ซึ่งถือว่าโชคเข้าข้าง อาหารอร่อย บรรยากาศดีใช้ได้
(โลโก้ร้าน ใครผ่านไปก็ลองแวะทานดูครับ อาหารอร่อย)
มื้อนี้เราสั่งกันทั้งหมด 3 เมนู
ประเดิมกันด้วยเมนูแรก
เมนูนี้ชื่อ Jo-Gae-Tang
ซุปหอยร้อนๆ เป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของเกาหลี หน้าตาดูเหมือนแกงจืด น้ำใสๆ แต่รสชาติเข้มข้นกว่าที่คิดเยอะเลยครับ เหมาะกับทานตอนอากาศหนาวๆมาก
ตามมาติดๆด้วยเมนูที่2
เมนูนี้ชื่อ Nak-Ha-Sam เป็นหมู3ชั้นย่าง มาพร้อมปลาหมึกและผักยำแบบเกาหลี ออกเปรี้ยวนำ กินไปกินมา เผ็ดใช้ได้เลย
ก่อนคนกินก็ต้องให้กล้องกินก่อนตามธรรมเนียมนิยม 555
( น้องไหม เจ้าของเพจ “ไปไง มาไง” หนึ่งในคณะเดินทาง ใครชอบเที่ยวไปติดตามเพจน้องเขาได้นะครับ มีรูป
และเรื่องราวการท่องเที่ยวมาให้อ่านตลอด
https://www.facebook.com/incaseyouwonderwdwg )
และแล้วก็มาถึงเมนูสุดท้ายย ไก่ทอดกังนัมที่รอคอย
เมนูนี้ชื่อ Ba-Sak-Kan-Poong-Gi ซึ่งแปลว่ากรุบกรอบ
มาพร้อมซอสหวาน คล้ายๆซอสบ๊วยบ้านเรา แต่ไม่หวานเท่า จานนี้โรยผงเครื่องเทศมาด้วย
รสชาติดี กรุบกรอบสมชื่อ แต่กินไปมากๆจะค่อนข้างเลี่ยนเพราะแป้ง ต้องกินสลับกับซุปหอยและเมนูอื่นๆ จะเข้า กันมาก
ราคามื้อนี้โดนค่าเสียหายไปทั้งหมด 89,500 KRW สำหรับ3 คน
เยอะจนทานไม่หมดต้องห่อกลับ และรวมเครื่องดื่มแล้ว ก็ถือว่าไม่แพง
สรุปมื้อนี้ ให้ 9/10 อร่อยถูกปากคนไทย
หลังจากทานอาหารเย็นกันอิ่มหนำ พร้อมมีไก่ทอดที่เหลือมาฝากคนอื่นๆที่โรงแรม (ตอนให้ก็บอกไปว่า ยูๆไอซื้อมาฝาก) เราก็มีประชุมทีมงานที่โรงแรม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายภาพแบบจริงจัง ที่จะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยทางโครงการ NXTraveller Korea 2015 กำหนด Themeถ่ายภาพ ในแต่ละวันด้วย เพื่อเพิ่มความท้าทายให้ช่างภาพ(หรือเพิ่มความกดดันก็ไม่รู้ 555) และหากภาพใครชนะในแต่ละวันจะได้ของขวัญเล็กๆน้อย ก็เป็นการเพิ่มความตื่นเต้นในแต่ละวันดี
หมดวัน อิ่มท้อง นอนพักเพื่อเตรียมพร้อมเดินทางต่อพรุ่งนี้
พรุ่งนี้เราจะไปเริ่มต้นการเดินทางอย่างเป็นทางการกันที่ Suwon ครับ
Suwon เมืองที่ได้ชื่อเล่นว่า เมืองซัมซุง
...
to be continue .
(ติดตามภาพนอกเหนือจากนี้ได้ทาง instagram : Lightculture ครับ)
ตอน2 >> http://ppantip.com/topic/33587266
ตอน3 >> http://ppantip.com/topic/33620589
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น