The Age of Adaline - รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

เนื้อเรื่องย่อ : เล่าถึงช่วงชีวิตของอดาไลน์ โบว์แมน, หญิงสาวสุดธรรมดาผู้ชีวิตในตอนต้นของศตวรรษที่ 19 - ได้ประสบอุบัติเหตุจนทำให้ร่างกายของเธอหยุดแก่ชราตามธรรมชาติ ด้วยความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ ทำให้เธอเลือกที่จะปิดใจและเอาตัวออกห่างจากคนอื่น

สิ่งที่โดดเด่นและสง่าที่สุดในเรื่องคงหนีไม่พ้นตัวนางเอกอย่าง Adaline Bowman (Blake Lively) ที่ต้องยอมรับว่านางสวยมากจริงๆ สวยแบบ cool retro girl ในสมัยก่อนมากๆ (ไม่รู้จะใช้คำนิยามยังไงดี) ทั้งแววตาและจริตที่ลงตัวกับบทบาททำให้นางแทบจะแบกทั้งเรื่องได้สบายๆเลย

ซึ่งในส่วนของปูมหลังของตัวละครอดาไลน์นั้น หนังก็เลือกที่จะอธิบายแบบหมดเปลือกไม่เหลือปมให้สงสัย (ซึ่งก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย) ทั้งที่มาที่ไปของ 'ความพิเศษ' ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของนางเอก หรือความลำบากต่างๆที่เธอข้ามผ่านมาโดยใช้แฟลชแบคเล่าเรื่องเป็นระยะๆ ซึ่งในประเด็นที่หยิบยกวิทยาศาสตร์ใส่เข้ามาตรงนี้ ส่วนตัวคิดว่ามันล้นๆเกินๆธีมหนังไปนิด

ในส่วนที่เป็นเสน่ห์ของการเล่าเรื่องจริงๆคงเป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวันของ Adaline ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำงานที่หอสมุด/จดหมายเหตุ ที่บ่งบอกถึงความถวิลหา 'ความเชื่อมโยง' ระหว่างยุคในตัวเธอเอง หรือการคบหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ยังต้องมีความบกพร่องทางการมองเห็นเป็นเงื่อนไข หนังได้พยายามสื่อความลำบากในการใช้ชีวิตของตัวเอกได้อย่างน่าสนใจ

ผิดกับพระเอกมาดสุดเซอร์อย่าง Ellis Jones (Michiel Huisman) ที่ถูกใส่เข้ามาอย่างไม่กลมกลืนเสียเท่าไหร่ แถมยังดูเหมือนโดนยัดเยียดบุคลิคติสๆเซอร์ เข้ามาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ซ้ำร้ายเคมีของพระ-นาง ก็ยังไม่ลงตัวเท่าที่ควรอย่างน่าเสียดาย ที่สำคัญคือเมื่อเทียบราศีกับตัวละครหลักอื่นๆแล้วจะแลดูหมองมากเลยทีเดียว

ส่วนที่พีคที่สุดของเรื่องคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นช่วงเนื้อเรื่องหลังจากอดาไลน์ได้พบกับครอบครัวพระเอก ซึ่งรวมไปถึงการกลับมาพบอีกครั้งของถ่านไฟเก่าอย่าง William Jones (Harrison Ford) ซึ่งลุงแฮริสันก็เปรียบเสมือนส่วนที่เติมเต็มจุดบกพร่องของหนังให้สมบูรณ์ด้วยดราม่าชนิดเต็มขั้น กอปรกับการแสดงที่หนักแน่นสุดๆของลุงนั้น ได้ช่วยขยี้ความสับสนของรูปแบบความสัมพันธ์ขึ้นไปอีก

หากพูดกันตามตรง ความดีงามของเรื่องนี้มันคงไม่ได้อยู่ที่การดำเนินเรื่องที้แยบยล-ซับซ้อน เพราะมันค่อนข้างจะเรียบง่ายและเป็นเส้นตรงไปหน่อยด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นการแสดงของตัวละครที่มีพลังและเอกลักษณ์ ผสมผสานกับการวางเพลงประกอบที่ค่อนข้างถูกจังหวะ ทำให้อารมณ์ของหนังค่อนข้างคงเส้นคงวาไปได้ตลอดเรื่อง และฉากที่ประทับใจที่สุดสำหรับผู้เขียน คงเป็นสุนทรพจน์ของลุงแฮริสัน ณ ตอนท้ายของเรื่องนี่แหละ.

"The Age of Adaline เป็นหนังรักอีกเรื่องที่มาพร้อมพล็อตที่น่าสนใจ ถึงแม้จะน้ำเน่าไปบ้างแต่มันก็ทำหน้าที่ในการให้อารมณ์ของตัวเองได้ครบถ้วน และการมีตัวละครที่โดดเด่นมีเสน่ห์เข้ามาดำเนินเรื่องก็ถือเป็นอีกส่วนของความดีงามที่มันพึงเป็น ถือว่าน่าลองเป็นอย่างยิ่ง"

คะแนนความเห็นส่วนตัว : 10/10
ปล่อยมันไป by Jayz Hunhaboon

ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ : https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=3
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่