KORSAR 2.8/35 MC เล็กดี…รสโต จากอดีตสหภาพโซเวียต!!!

กระทู้สนทนา

สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งคลับคนรักมือหมุนที่เคารพทุกท่าน
วันนี้ผมจะพามาสัมผัสเลนส์ดี ราคาถูกจากค่ายรัสเซียกันอีกสักตัวนะครับ
มันเป็นเลนส์ระยะ 35mm f2.8 ที่ตัวเล็กๆคล้ายกับพวก C-mount lens ครับ


ทำไมต้อง 35mm???
สำหรับผมแล้ว การใช้กล้องมิลเรอร์เลสที่มีค่าแฟคเตอร์คูณ 2 นั้น
เลนส์ที่สามารถถ่ายภาพแนว snap shot ได้สนุกและหวังผลได้ดีที่สุดตัวหนึ่งก็คือเลนส์ระยะ 35mm ครับ
เพราะมันให้องศาการรับภาพรวมถึงลักษณะของ Perspective ที่ไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไป ใกล้เคียงสายตามนุษย์
สามารถถ่ายได้ทั้งภาพบรรยากาศรอบตัวแบบ หรือจะเจาะลงพอร์ทเทรทแบบเต็มตัวก็ยังได้
อีกทั้งยังสามารถเก็บรายละเอียดของฉากหลังให้ครบถ้วนและบอกเรื่องราวในภาพได้มากกว่าเลนส์ระยะ 50mm



ซึ่งจากการลองทดสอบถ่ายภาพทั่วๆไปจากเลนส์ 35mmตัวที่ผมกล่าวถึงนี้
โดยมุ่งเน้นด้านคุณภาพที่สามารถนำไปใช้งานถ่ายภาพรับทรัพย์ได้จริง
รวมถึงถ่ายภาพท่องเที่ยวกับครอบครัวได้อย่างไม่เคอะเขิน
ไม่ถึงขั้นจับผิดเลนส์ว่าจะมีขอบม่วงหรือไม่ ขอบภาพจะคมกริบหรือมีความบิดเบี้ยวมากน้อยแค่ไหน
หรือมีความฟุ้งเป็นอย่างไร หากถ่ายภาพย้อนแสง
อีกทั้งพิจารณาถึงความสะดวกและความคล่องตัวในการใช้งานจริงในภาคสนาม



สำหรับเลนส์ตัวนี้ผมพบว่ามันตอบสนองได้ดีครับความคมเริ่มดีตั้งแต่ F4.0 แต่จะให้ผลที่สุดยอดที่ F5.6 ไปจนถึง F8.0
สีสันมีความสดอุ่น เข้มขรึมตามสไตล์แหล่งที่มาของมัน การละลายฉากหลังทำได้เป็นธรรมชาติ ดูสบายตา
ยกเว้นการใช้แสงเล่นกับโบเก้ เพราะโบเก้มันเป็นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ทำให้ไม่เนียนตาเหมือนโบเก้กลม
ให้ความคมชัดในระดับที่ผมต้องอุทานออกมาเป็นภาษารัสเซียที่แปลเป็นไทยได้ว่าว่า “มันทำได้ขนาดนี้เชียวหรือนี่!!!”
เพราะผมลองทำการอัดขยายภาพออกมาในขนาด 10x15 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดปกติที่ผมใช้งานจริง
มันคมชัดหากแต่ยังคงความนุ่มละมุนเอาไว้ราวกับเป็นเลนส์เยอรมันราคาแพง
ให้โบเก้เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เพราะมันมี แค่ 2 เบลดเท่านั้น
การหมุนหาโฟกัสทำได้ง่าย อาการโฟกัสหลุดแทบไม่เกิดขึ้นเลยกับเลนส์ 35mm ตัวนี้
หากแต่การเก็บรายระเอียดในสภาพแสงน้อยนั้นอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ไม่ถึงขั้นดีมากนัก
โดยเฉพาะเมื่อมาเทียบกับรัสเซียนเลนส์ที่ผมมักใช้เป็นประจำ
เช่น Vega-9  2.1/50, Fed 3.5/50 ที่มันสามารถเก็บรายละเอียดของเส้นใยบนใบไม้เมื่อถ่ายย้อนแสงได้อย่างน่าทึ่ง
แต่กับเลนส์ตัวนี้มันไม่ถึงขั้นนั้น สีมันสดก็จริง แต่ออกจะทึบไปนิดจนสูญเสียรายละเอียดเมื่อถ่ายย้อนแสง
เสมือนมันถูกดีไซน์มาสำหรับการถ่ายภาพตามแสงทั่วๆไป  ซึ่งนี่คือสิ่งที่ไม่เกินความคาดหมายสำหรับผม
และสำหรับผมถือเป็นข้อจำกัดของเลนส์ตัวนั้น (ไม่ใช่ข้อด้อย)  เพราะผมถ่ายย้อนแสงมากกว่าตามแสงครับ
การไล่โทนของแสงและเงาทำได้นวลเนียน ซึ่งการไล่โทนแบบนี้ในงานขาวดำถือว่าเยี่ยม
แต่สำหรับผู้ที่ไม่ชอบเลนส์ที่ให้สีที่เข้มข้นสไตล์รัสเซีย อาจไม่ถูกใจนักครับ
ข้อจำกัดอีกจุดหนึ่งของมันคืองระยะ Minimum focus ที่มากถึง 1 เมตร
ซึ่งถือได้ว่ามากเกินไป แต่ก็ถือเป็นมาตรฐานของเลนส์จากกล้องคอมแพคในยุค 80ครับ
ส่วนภาพลักษณ์ของเลนส์ตัวนี้ออกแนวน่ารักครับ ไม่ค่อยคลาสสิกเท่าไหร่นัก
ความคล่องตัวดีมากครับ เพราะตัวเล็ก น้ำหนักเบา ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋า
การประกอบเลนส์แน่นหนา แข็งแรงดีมาก ถึงแม้ตัวบอดี้เลนส์จะเป็นพลาสติกก็ตาม
และผมสามารถใส่เลนส์ตัวนี้เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อได้อย่างสบายๆนะครับ สุดยอดมาก!!!


ตามปกติแล้วเลนส์รัสเซียในระยะ 35mm นั้นมีให้เห็นตามท้องตลาดอยู่ 3 ตัวครับ
คือ MIR-1 และ MIR-1B 2.8/37
คือ MIR 24 และ MIR-24N  2/35
คือ JUPITER-12  2.8/35
โดยตัวแรกได้รับความนิยมสูงสุดเพราะหาง่าย ราคาถูก ทำหล่นน้ำก็ไม่รู้สึกเสียดาย แถมคุณภาพดีเกินราคา
ตัวที่สองราคาประมาณครึ่งหมื่น ไม่ค่อยเห็นมากนักในกลุ่มมือหมุนของไทย อาจต้องสั่งจาก E-bay เท่านั้น
ตัวที่สาม หลายคนบอกว่าดี โดยเฉพาะการเล่นกับภาพขาวดำ แต่ผมยังไม่เชื่อ เพราะไม่เคยลองใช้
และคงไม่มีโอกาสได้ลอง เพราะมันต้องใช้กับ Leica ตระกูล M หรือ Sony A7 เท่านั้น
ซึ่งมันเป็นกล้องที่ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดหาซื้อมาใช้
เพราะสู้เอาเงินจำนวนนี้ไปถอย Benz W 123 มาขับกินลมชมวิวเล่น ยังจะดีซะกว่า HA HA HA!!!
แต่ช้าก่อน…เพราะมันยังมีเลนส์ระยะ 35mm นี้จากกล้องคอมแพ็คของรัสเซียอีกตัวหนึ่งที่ผมนำมารีวิวให้ชม ณ ที่นี้
ซึ่งขอการันตีด้วยเกียรติของลูกเสือไทยว่ามันน่าใช้มากๆครับ เพราะคุณภาพกับราคามันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
ถึงแม้จะมีข้อจำกัดบางอย่างซ่อนอยู่บ้างก็ตาม



โดยเฉพาะในช่วงนี้ผมขอบอกตามตรงว่าผมเบื่อเลนส์สำเร็จรูปครับ
เพราะไม่รู้จะซื้อตัวไหนมาใช้อีกแล้ว ไม่ค่อยมีให้ซื้อแล้ว โดยเฉพาะกับเลนส์นามสกุลรัสเซีย
และผมก็มีเลนส์ที่ใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งมันมีอยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้นครับ
เช่น Mir-10A  3.5/28, Mir-1B  2.8/37, Fed 3.5/50, Volna-3  2.8/80, Jupiter-37A  3.5/135 เป็นอาทิ
ที่เหลือถือเป็นของเล่นหรือของสะสมเท่านั้นจริงๆครับ
ถึงแม้หลายๆตัวที่มีอยู่จะให้คุณภาพที่ดีกว่าตัวที่ผมใช้เป็นประจำก็ตาม
แต่ก็ยังคงสนใจเลนส์ระยะ 35mm จากกล้องคอมแพคโมเดลดังกล่าวอย่างไม่เปลี่ยนแปลงราวกับเป็นรักครั้งแรก



หาเวลาว่างไปนั่งสนทนาภาษาเลนส์กับน้าพี ชายหนุ่มผู้หลงใหลการใช้ชีวิตหลังลูกกรงเหล็กวันละแปดชั่วโมง
น้าพีจัดการหาจาก E-bay ให้เดี๋ยวนั้น แล้วก็เจอตัวที่ถูกใจภายในสามนาที
และเมื่อจัดการสั่งของเรียบร้อย แกหันมาสบตาผมพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
ส่งสายตาเป็นประกาย ทำจมูกบานเข้า บานออกๆๆๆ
ราวกับว่าวันนั้นเป็นวันแต่งงานของตัวแกเอง จริงๆครับ
ทั้งนี้เพราะน้าพีแกมีคติประจำใจอยู่อย่างหนึ่ง
ซึ่งคติพจน์ที่ว่าก็คือ “ท่านเสียตังค์…เราดีใจ” HA HA HA
แกจะดีใจมาก ถ้าเห็นผมเสียตังค์…ว่างั้นเหอะ!!!


มันคือ MC KOPCAP 2.8/35 ในภาคภาษารัสเซีย
แต่ในอิงลิชเวอร์ชั่นมันคือ KORSAR 2.8/35 MC ครับ จะอ่านแบบรัสเซียนชนหรือแบบอิงลิชชนก็ตามสะดวก
โดยมันประจำการอยู่บนกล้อง KIEV 35A ซึ่งเป็น MINOX 35EL  copy ครับ
โดยที่กล้องรุนนี้ถูกผลิตขึ้นระหว่างปี  1985-1991 จากโรงงานอาร์เซนอล เมืองเคียฟ เมืองหลวงแห่งยูเครน
โดยที่มันไม่มีหมายเลขกำกับที่ตัวเลนส์ครับ แต่จะระบุเอาไว้ที่ด้านในของตัวกล้อง
บริเวณที่ใส่กลักฟิลม์นั่นแหละครับ โดยของผมเป็นหมายเลข  9200476 ( เป็นไปได้ไงหว่า??? )

ทำการถอดเลนส์ออกมาโดยการเปิดฝาหลังแล้วถอดน๊อตที่มีอยู่ 8 ตัว เป็นอันเรียบร้อย
โดยใช้เวลาราวๆ 3 นาที ตัวเลนส์เล็กมากครับ เหมือนเลนส์ C-mount ไม่มีผิด
ถ้าใช้ภาษาของน้าปั๊ม เจ้าของฉายา “นั่นน่ะสิ” แกจะเรียกเลนส์ตัวนี้ว่า “เลนส์จู๋เด็ก” HA HA HA!!!


จากนั้นปรับเดือยที่ทำหน้าที่เปิด-ปิดชัตเตอร์ ที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง ให้ชัตเตอร์เปิดค้างเอาไว้ แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ
ตัดสายไฟที่ระโยงระยางอยู่ด้านหลังเลนส์ออกให้หมด เพราะมันไม่มีความจำเป็นอะไรอีกต่อไปแล้ว
จากนั้นพ่นสเปรย์สีดำด้านทับลงไปเลย เพื่อป้องกันแสงสะท้อนเข้าชิ้นเลนส์
ออกแบบให้เป็น M4/3 เพราะง่ายและสะดวกดี ซึ่งความจริงจะแปลงลง M39 ก็ได้นะครับ
แต่จะวุ่นวายอย่างมาก เพราะต้องตัดบอดี้เลนส์ออกเยอะ
ซึ่งจะเสียเวลาพอสมควรโดยไม่จำเป็น และทำให้ไม่สมดุลเวลาหมุนโฟกัสครับ
จากนั้นมอบหมายให้ช่างอ๋า มือวางอันดับหนึ่งของ PK precision parts CO.,LTD เป็นผู้รับเหมางานตามระเบียบ
คราวนี้ช่างอ๋าใช้เวลา 7 นาทีเท่านั้นครับ เป็นอันเรียบร้อย

โดยที่กล้อง KIEV 35A ตัวนี้  ผมสั่งซื้อจากตัวที่ผู้ขายระบุว่า Non working  
จึงได้มาในราคารวมส่งเพียง 19 USd. หรือประมาณหกร้อยกว่าบาทเท่านั้นครับ

ในความเห็นของผม เลนส์ KORSAR 2.8/35 MC ตัวนี้ ผมให้คะแนนรวม 8/10นะครับ
สาเหตุที่ไม่ได้คะแนนต็มนั้นก็เนื่องจากระยะ Minimum focus ที่มากถึง 1 เมตร และจุดอ่อนเมื่อถ่ายย้อนแสง
ส่วนจุดที่ดึงคะแนนให้สูงก็คือเหตุผลด้านความคมชัด ราคาค่าตัว และความคุ้มค่า
ซึ่งความคมชัดของมันนั้นมีความทัดเทียมพอๆกับเลนส์ราคาแพงหลายตัวนะครับ ขอยืนยัน!!!
และถ้าจะเปรียบเทียบ KORSAR 2.8/35 MC ตัวนี้กับ Mir-1B  2.8/37 ซึ่งถือว่าเป็นเลนส์ระยะเดียวกัน
จะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือ Mir-1B จะให้โบเก้กลมทุกค่าการรับแสง เนื่องจากมี 12 เบลด
ส่วน KORSAR ให้โบเก้เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด
ระยะ Minimum focus นั้น Mir-1B อยู่ที่ 70cm. ในขณะที่ KORSAR อยู่ที่ 1 เมตร
ถ่ายภาพตามแสงแทบไม่เห็นความแตกต่าง แต่จะเห็นความแตกต่างเล็กน้อยเมื่อถ่ายย้อนแสงเท่านั้น
ซึ่ง Mir-1B ตอบสนองด้านความ Bright and clear ได้ดีกว่าชนิดที่เรียกว่าคะแนนไม่เป็นเอกฉันท์นะครับ
ส่วนเรื่องราคาค่าตัวนั้น Mir-1B วิ่งอยู่เกือบสามพันแล้ว ในขณะที่ KORSAR สามารถหาได้ไม่เกินเจ็ดร้อยเท่านั้นครับ
นอกนั้นใกล้เคียงกันมากครับ ทั้งความคมชัด การถ่ายทอดสีสัน ฯลฯ ถือว่าสูสีคู่คี่กันมาก
คู่คี่สูสีเหมือกับการดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่หยุดโลกระหว่างลิเวอร์พูลเจอกับเลสเตอร์ ซิตี้ ยังไงยังงั้นเลยครับ
เพราะมันสูสีกันมาก เดาไม่ถูกว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ได้รับการชูจั๊กกะแร้จากกรรมการเมื่อจบการแข่งขัน
ต้องลุ้นกันปัสสาวะเหนียวจนกว่าจะจบจบ 90 นาทีนั่นแหละคร๊าบ HA HA HA!!!




ผลสรุปคือ…มันเหมาะกับการถ่ายภาพท่องเที่ยว เดินทางทั่วๆไปกับครอบครัวครับ
เที่ยวทะเล น้ำตก ภูเขา สวนสนุก หรือทุกที่ที่มีทางไป…ว่างั้นเหอะ!!!
เพราะตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะการถ่ายตามแสง ขนาดกระทัดรัด
แต่ถ้าจะเอาไปถ่ายภาพรับดอลลาร์…มันยังไปไม่ถึงขั้นนั้นครับ เพราะยังมีคุณสมบัติบางอย่างที่ขาดไป
แต่ขอย้ำอีกทีก็แล้วกันว่า…ราคามันแค่หกร้อยกว่าบาทเท่านั้นนะครับ
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า…คุณจะโมดิฟายมันได้หรือไม่ เท่านั้นเอง!!!

      สวัสดีครับ!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่